ระหว่าง'ความคิด'กับ'สันดาน'

การที่คนเรา...จะเปลี่ยนจาก ซ้าย มาเป็น ขวา หรือย้ายจาก ขวา ไปเป็น ซ้าย หรือกระทั่ง ซ้าย-ขวา-ซ้าย ในบางช่วง บางเวลา เปลี่ยนจาก เผด็จการ ไปเป็น ประชาธิปไตย จาก สังคมนิยม กลายเป็น ทุนนิยม ไปจนได้ หรือแม้แต่เปลี่ยนจาก คอมมิวนิสต์ธรรมดาๆ ไปเป็น คอมมิวนิสต์รักษาพระองค์ อย่างที่ใครต่อใครหยิบมาเยาะเย้ย เหน็บแนม ก็เถอะ!!! อันที่จริง...ต้องถือเป็นเรื่อง ไม่แปลก แต่อย่างใด ชนิดอาจถือเป็น ธรรมชาติ หรือเป็นปกติ-ธรรมดาเอาเลยก็ว่าได้...

เพราะสิ่งที่เรียกว่า ความคิด ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนไป-เปลี่ยนมาได้เสมอๆ ไม่ว่าด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ นานา เช่น เพราะอายุ-อานาม สภาพแวดล้อม การเติบโตและพัฒนาในด้านวุฒิภาวะ ฯลฯ เป็นต้น แต่สิ่งที่ออกจะ เปลี่ยนยาก เอามากๆ

ในช่วงชีวิตหนึ่งๆ หรือกระทั่งแทบตลอดช่วงชีวิตของคนเรา ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า วาสนา หรือที่ ป๋าเปลว สีเงิน ของหมู่เฮา ให้คำนิยามแบบชาวบ้านๆ ว่า สันดาน อะไรประมาณนั้น หรือสิ่งที่มันเจาะ-เกาะ-ติด แฝงฝังอยู่ภายใน จิต อันเป็นอะไรที่ลึกยิ่งไปกว่า ความคิด ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ไม่ว่าจะเป็น จิตสำนึก หรือ จิตไร้สำนึก ต่อเนื่องกันมาเป็นชาติๆ หรือในแต่ละชาติ ไม่ว่าชาติโน้น ชาตินี้ หรือชาติไหนๆ ก็แล้วแต่...

     เรียกว่า...ขนาดระดับ อัครมหาสาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาทิ พระสารีบุตร เป็นต้น ยังมิวายต้อง โดดข้ามท้องร่อง หรือกระโดดหยอยๆ ด้วยความดีใจแบบเด็กๆ ที่ได้ของเล่นถูกใจทำนองนั้น เพราะตราบใดที่ยังมิอาจลด-ละ-เลิก หรือขจัดสิ่งที่เรียกว่า อัตตา ลงไปได้หมด ยังไม่ยกระดับไปถึงขั้น อนัตตา ยังไม่บรรลุถึงซึ่งความเป็น พระอรหันต์ ผลกระทบแห่งการ ปรุงแต่ง หรือจะเรียกว่า กรรม แต่ละรูป-ละแบบก็ย่อมได้ ย่อมต้องเจาะ-เกาะ-ติด อยู่กับอัตตาแต่ละอัตตา ไปตาม กฎเหล็ก หรือกฎแห่งความเป็นไปทางธรรมชาติ...นั่นแล...

     อันนี้นี่แหละ...ที่พวกพระๆ ท่านสรุปเอาไว้ประมาณว่า มันเลยทำให้ต้องเกิด ต้องตั้งอยู่ และต้องตาย หรือต้องเกิดๆ-ดับๆ ไปตามกฎเกณฑ์ที่ว่า ซึ่งครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง หรือ ทุกสรรพสิ่ง อย่างไม่มี ข้อยกเว้น ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย มีแต่ต้องหาทางยกระดับตัวเอง พัฒนาตัวเอง ให้ขึ้นไปถึง ธรรมชาติที่อยู่เหนือไปกว่าธรรมชาติ หรือ ธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่ง อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้เทศนาเอาไว้ อันนั้นนั่นเอง...ถึงจะมีโอกาสกลายไปเป็นผู้ที่ไม่เกิด-ไม่ตาย เป็นอมตะชั่วนิรันดร์กาล พ้นไปจากกฎเกณฑ์ธรรมชาติที่มีการปรุงแต่ง ไปสู่ ความว่าง ความเป็น อนัตตา หรือความเป็นผู้บรรลุแล้วซึ่งความเป็น พระอรหันต์ ประมาณนั้น...

     ส่วนจะต้องใช้เวลาอีกกี่ชาติต่อกี่ชาติ หรือต้อง เกิดเป็นสุธี อีกซักสิบชาติ ร้อยชาติ พันชาติเอาเลยก็ไม่แน่ ถึงอาจพอมีโอกาสยกระดับตัวเอง พัฒนาตัวเอง ไปได้ถึงขั้นนั้น การหมุนเวียน-เปลี่ยนแปลงอยู่กับการเกิด-การดับแบบซ้ำๆ ซากๆ ต้องว่ายวนเวียนอยู่ภายใน วัฏสงสาร จึงเป็น ข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธ แต่กระนั้นก็ตาม...ถ้ายังคงมุ่งมั่น เพียรพยายามที่จะลด-ละ-เลิก สิ่งที่เรียกว่า อัตตา ลงไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ว่าชาติใด-ชาติหนึ่งนั่นแหละ โอกาสพ้นไปจากวัฏสงสาร พ้นไปจากการเกิด-การตาย กลับไปสู่ความว่าง ความเป็นอนัตตา ไปอยู่รวมกับ พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นอะไรที่สะอาด สว่าง สงบเย็น ไปตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาล ย่อมเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น นี่...ถ้าว่ากันตาม ทฤษฎี ที่บรรดาพระสงฆ์ องคเจ้า ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำเอาไว้...

     แต่ถึงแม้ยังลดไม่ได้ ลดไม่หมด ละไม่ได้ เลิกไม่ได้โดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การที่สิ่งที่เรียกว่า อัตตา ได้ถูกหลอมละลายลงไปในแต่ละห้วง แต่ละระยะ หรือในแต่ละชาติ ย่อมส่งผลให้สิ่งซึ่งแฝงฝังอยู่ภายใน จิต ในแต่ละรูป แต่ละแบบ พอลดหายคลายจางลงไปได้มั่ง พอได้สะอาด สว่าง สงบเย็น ไปในแต่ละขั้น แต่ละระดับ หรืออย่างน้อย...ก็พอช่วยให้ วาสนา หรือ สันดาน ไม่ถึงกับหยาบ ถึงกับถ่อยจนเกินไป แค่ยังติดนิสัย โดดท้องร่อง แบบ พระสารีบุตร ก็ต้องถือว่าเบาแล้ว ยอดแล้ว ไม่ต้องจัดอยู่ในประเภทคนพาล สันดานหยาบ ต้องสร้างเวร สร้างกรรม ชดใช้เวร ชดใช้กรรมในแต่ละชาติ หรือแม้สิ่งที่เข้ามา ปรุงแต่ง ให้ต้องเกิด ความคิด กันไปในลักษณะไหน แต่ก็ยังคงสามารถดำรงตนเป็นคนดี คนที่ยังประโยชน์ให้กับผู้อื่น กับสังคมประเทศชาติ มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ...

     ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ผู้ที่เป็น ฝ่ายซ้ายที่ดี เมื่อเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายขวาด้วยสาเหตุใดๆ ก็แล้วแต่ ก็อาจดำรงตนเป็น ฝ่ายขวาที่ดี เป็น สังคมนิยมที่ยืดหยุ่น เป็น ทุนนิยมที่มีจิตวิญญาณ เป็น เผด็จการโดยธรรม เป็น ประชาธิปไตยที่ยึดมั่นในธรรม ได้เสมอ ไม่ว่าสิ่งที่เรียกว่า ความคิด จะหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปในรูปไหนก็ตามที เพราะเมื่อวาสนาและสันดานได้ถูกยกระดับจน อัตตา เบาบางลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด เปลี่ยนฝ่าย เปลี่ยนข้าง กันไปในลักษณะไหน แต่ย่อมถือเป็นอะไรที่ พบเห็นสบายตา-คบหาสบายใจ ได้ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ไปคิดคด ทรยศ ไม่เบียดเบียน เอารัด-เอาเปรียบใครต่อใคร เป็นผู้ที่ยังประโยชน์ให้ผู้อื่น ให้เพื่อนฝูง ญาติมิตรบริวาร สังคม-ชาติบ้านเมือง ได้ยิ่งไปกว่า ฝ่ายซ้ายที่เลว ฝ่ายขวาที่เลว เผด็จการเลวๆ และ นักประชาธิปไตยเลวๆ ฯลฯลฯ เป็นไหนๆ...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์

สุขสันต์วันเกิดเมืองยาวหนึ่งปี

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพิธีวางเสาหลักเมือง หรือพระราชพิธีพระนครฐาน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัช

ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ท