
สันดานไม่เกี่ยว..ว่างั้น!
เนี่ย..เห็นต้องพูดตรงๆ อย่างนี้ เพราะที่ นพ.กิตติธัช สินพิพัฒน์พร หรือ “หมอคิม” ได้แสดงความเห็นเมื่อวันก่อนว่า..
"ช่วงนี้ดาราเตียงหักหลายคู่เหรอครับ หมอไม่ค่อยได้อ่านข่าว ถ้าให้หมอวิเคราะห์แบบกลางๆ นะไม่เจาะจงว่าเป็นใคร
โดยทั่วไปถ้าอายุมากขึ้นผู้ชายวัย 40 หรือ 50 ฮอร์โมนเพศชายยังพลุ่งพล่านอยู่ ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ ในขณะเดียวกันฝ่ายหญิงฮอร์โมนจะต่ำลง หรือเรียกว่าวัยทอง ความต้องการทางเพศมันจะน้อยลง
เพราะฉะนั้นในเมื่อความต้องการของทั้งคู่มันสวนทางกันก็ย่อมเกิดปัญหาได้อยู่แล้ว ผู้ชายก็อาจจะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่เสมอไปที่ฝ่ายหญิงจะถูกทอดทิ้งเลย
แต่มันก็มีที่ฝ่ายชายอาจติดใจหญิงใหม่หรือเด็กใหม่ มันก็อาจทำให้เกิดปัญหาชีวิตครอบครัวแตกแยก
เพราะฉะนั้นทางแก้ที่ดีต้องหันหน้าคุยกัน พูดคุยเรื่องปัญหา หาทางแก้ไข ฝ่ายหญิงก็สามารถปรึกษาแพทย์ได้ ยิ่งสมัยนี้นวัตกรรมเรื่องสุขภาพและความงามทันสมัย สามารถช่วยได้เหมือนกัน
สรุปก็คืออยู่ที่ฮอร์โมนล้วนๆ ผู้ชายอายุมาก แต่ความต้องการทางเพศยังเหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงอายุมากขึ้นความต้องการทางเพศจะน้อยลง
จึงต้องมีการปรับสมดุลฮอร์โมนให้เท่าๆ กัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา”
ดูเหมือน คุณหมอท่านนี้จะโยนผิด-โยนบาปไปให้เจ้าฮอร์โมนล้วนๆ ไม่ได้วิเคราะห์หรือแตะไปถึงเรื่องนิสัย-สันดานของฝ่ายชาย-ฝ่ายหญิงแม้แต่นิด
ซึ่งถ้ายึดเอาตามนี้ อย่าว่าแต่ในวงการบันเทิงเลยที่จะเห็นผัว-เมียหย่าร้างกัน ชาวบ้านชาวช่องก็คงจะเป็นพ่อม่าย-แม่ม่ายกันไปหมดแล้ว
เพราะถ้ามันเกี่ยวกับ “ฮอร์โมนล้วนๆ” ก็เห็นจะยากที่เมียจะฉุดรั้งผัว หรือผัวฉุดรั้งเมียเอาไว้ได้ แต่ที่เธอ-เขายังครองรัก-ครองเรือนกันได้อยู่..
ผมว่า “นิสัย-สันดาน” (ฝ่ายดี) มีส่วนปะปนอยู่กับฮอร์โมนบ้างไม่มากก็น้อย!
หมายความว่า ต่อให้ฮอร์โมนมีอิทธิพลต่อจิตใจแค่ไหน-อย่างไร แต่ถ้านิสัยหรือสันดานไม่เจ้าชู้ ไม่มักมากในกามารมณ์เสียอย่าง..
ฮอร์โมนไม่ว่าจะเพศหญิง-เพศชายก็คงจะพลุ่งพล่านอยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว เมื่อมันเอาชนะสันดาน (ดี) ไม่ได้ มันก็จะหดแล้วหายไป!
กลับกัน แม้ฮอร์โมนจะไม่ได้พลุ่งพล่านอะไรมากมาย แต่ถ้า “สันดาน” (ไม่ดี) มีอิทธิพลเหนือกว่า ไม่ว่าจะดาราหรือชาวบ้านก็จะหน้ามืด-มัวเมาในตัณหาราคะได้ทั้งนั้น!
ฉะนั้น ในประเด็นนี้ผมเห็นจะมองต่างและขอขัดใจหมอ อีกอย่างผมไม่อยากให้คนเป็นภรรยาที่สามีอายุ 40-50 อัปต้องมานั่งทุกข์อก-ทุกข์ใจเมื่ออ่านที่หมอคิมวิเคราะห์
ต้องมั่นใจ-เชื่อใจในสันดาน (ดี) ของสามีเรา ฮอร์โมนพลุ่งพล่านก็จริง แต่สำหรับคนที่รักเมีย รักลูก รักครอบครัวแล้ว ก็อย่างที่คุณไมค์ ภิรมย์พร ครวญ..
“เลิกงานกินเหล้า เรื่องเมายอมรับมีบ้าง กลับดึกบางครั้ง เหินห่างเพราะงานบางคราว
เผลอออกนอกทาง ให้เธอต้องทนฟังข่าว นอกกายมีบ้างยามเหงา แต่ไม่เคยนอกใจซักที”
แน่ะ..กำลังเคลิ้ม งั้นขอต่ออีกท่อน.. “ผู้ชายคนนี้ ยังเป็นคนดีของเธอ ถึงผิดไปบ้างยามเผลอ
แต่ใจรักเธอนั้นยังคงที่ รักอาจมีมาร แต่ไม่มีวันพรากใจดวงนี้ ทุกอย่างต้องไปได้ดี ขอเพียงแฟนพี่เข้าใจ”
เข้าใจนะ..อยู่ที่สันดาน!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โกรธ-เกลียดกันเพราะใคร?
"ใครอะ!!! ครอบครัวพิธา ไง 2 ตอนแรก พิธายังไม่เกิดนะจ๊ะ"
ความควายกำลังตามมา?
แค่.. “เรืองไกร” คนเดียวโด่ๆ ก็เห็นจะรอดยาก! ฉะนั้น..ไม่ว่าจะสื่อหลัก-สื่อออนไลน์ ก็อย่าได้ไปเติมเชื้อสร้างวาทกรรม “เกมล้มโต๊ะรัฐบาลก้าวไกล” ปลุกเร้าสาวก-คนรุ่นใหม่ให้วุ่นวายไปมากนักเลย
ทลายทุนผูกขาด?
“ผมคือผู้ชายที่มีความสุขที่สุด.. เปล่า..ไม่ใช่ผม-สันต์ สะตอแมน แต่เป็นผม-“ณเดชน์ คูกิมิยะ” โน่น.. “เพราะผมโชคดีที่สุด ที่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ในชีวิต การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นแล้ว และผมโคตรตื่นเต้นเลย”
ฉากจดจำใน “โหมโรง”
เบื่อ..ไม่อยากดูหนังในโรง! คำพูดนี้ดูจะได้ยินบ่อยกับคนในรุ่น 40-50 ปีขึ้นไป ซึ่งเหตุผลก็เหมือนอย่างที่คุณนันทวัน เมฆใหญ่ ศิลปินอาวุโสได้โพสต์เมื่อวันก่อนนั่นแหละ..
รอ “พิธา” เป็นนายกฯ ก่อน?
อยากรู้จัง..นักร้องคนนั้นเป็นใคร? ที่อยาก..เพราะเห็นคุณมะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับหนังคนโพสต์.. “ติดต่อศิลปินหญิงท่านหนึ่งมาร้องเพลงประกอบหนัง นางเรียก 1,000,000 บาท เฉพาะค่าร้อง”
ประชาธิปไตยรูเบ้อเร่อ
“ครั้งนี้พวกกูไม่ยอม”!.. ถ้าเป็นหนัง-เป็นละคร ไม่ฝ่ายผู้ร้ายก็ฝ่ายพระเอกที่ทนไม่ไหวกับการถูกกดขี่ ข่มเหง รังแก จึงได้เค้นเสียงประกาศคำนี้ออกมา