จากใจผู้เฒ่าวัย 93

"อสัตบุรุษกลับบ้าน..

เห็นภาพ "อสัตบุรุษ" กลับบ้าน ดูหน้าตาไม่ค่อยจะเบิกบานสักเท่าไหร่ และยิ่งเห็นใส่ปลอกคอเหมือนไอ้ตาลที่บ้าน ใส่เฝือกที่แขนด้วย ดูไม่ค่อยเนียนสักเท่าไหร่

เห็นภาพแล้วรู้สึกพะอืดพะอมให้ได้ ยิ่งมาเห็นตำรวจไทยด้วยแล้ว มีความชื่นใจจริงๆ ที่ให้ความอารักขา "โจรปล้นชาติ" อย่างเข้มแข็งจังเลย

ทำให้รู้สึกว่า บ้านนี้เมืองนี้ อำนาจสูงสุดไม่ใช่ ๓ อำนาจหลักเสียแล้ว เพราะตอนนี้อำนาจสูงสุด คือ กรมราชทัณฑ์

อยากดูตอนต่อไปว่า "อธรรมจะชนะธรรมะจริงหรือ?" นี่แหละ คือ การเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก

คนเรานี่ก็แปลกนะ แช่งตัวเองว่าป่วยหนักมา ๖ เดือน วันนี้ขอให้ป่วยจริงๆ เถอะ จะได้ตายคาบ้าน

ไม่ทราบว่าจะหน้าหนาหน้าทนไปถึงไหน กี่เรื่องแล้วที่ตลอดชีวิตทำทุกอย่างเพื่อเงิน เพื่ออำนาจ โกงมันทุกอย่างให้ถูกกฎหมาย

ชะตากรรมของประเทศไทยเราวันนี้ "ด้านหนึ่งเป็นขบวนการล้มล้าง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นข้าราชการอัปรีย์"

คิดดูแล้วกัน ๔ คดี ที่โกงมากว่าหมื่นล้านบาท เป็นการทำผิดอย่างโจ่งแจ้ง แต่ "ผิดไม่ติดคุก" แล้วอย่างนี้ประเทศไทยเราจะเป็นอย่างไร?

วันที่ลงเครื่องบินมา เดินออกปร๋อ ไปอยู่โรงพยาบาลอะไร? รักษาตัวอยู่ตั้ง ๖ เดือน "แขน คอหักหมด" ยกเว้นหน้าด้านที่ยังเสมอต้นเสมอปลาย รวมทั้งครอบครัวด้วย

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ตราบใดที่บาปยังไม่ส่งผล เหล่าคนชั่วก็เห็นเป็นของดี เมื่อบาปผลิตผลออกมาเมื่อใด เมื่อนั้นพวกเขาถึงจะรู้ถึงพิษสงของบาป

ต่อไปนี้เป็นรายนามผู้ละเมิด และฝ่าฝืนพระบรมราชโองการ คือ น.ช.เด็ดขาดทักษิณ อ.กรมราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตร. รมต.ยุติธรรม

อย่าลืมว่า กฎหมายไม่ได้ละเว้นใคร? ผิดตรงไหน ก็เอาปากกามาวงเอาไว้

ความรู้ใหม่ทางการแพทย์ กรณีของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ที่ต้องสวมปลอกคอ เพราะเป็นโรค "คอดัน"

และที่ต้องใส่ปลอกแขน เกิดจากโรค "แขนไล" ซึ่งผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

บอกตามตรงว่า "งง" กับสองโรคที่หมอบอก เพราะเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ ก็เพิ่งจะได้ยินนี่แหละ ขอบอกหมอว่า "ผมกินข้าวนะ ไม่ได้กินหญ้า"

มีผู้สังเกตเห็นดวงตาของนักโทษแล้ว ขนาดได้รับการพักโทษให้กลับบ้านได้ แต่แววตาแทนที่จะมีประกายของความดีใจ แต่กลับเห็นมีแต่ความกังวล ความเครียด

ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน จนมีอายุเลขเก้านำหน้า ยังไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านขนาดนี้เลย ยุคนี้เป็นยุคที่เลวที่สุดของบ้านเมือง

ขอเรียนผู้ใหญ่ที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกท่าน "ถ้าท่านจะตีเหล็ก ก็ควรตีตอนเหล็กร้อน ถ้ามัวรอให้เหล็กมันเย็นแล้วจะตี มันยาก

ตอนนี้กระแสกำลังแรงนี่แหละ ประชาชนพร้อมครับ"

จะบอกให้ทราบว่า "สว.หมดวาระลงวันใด" พรรคใหญ่สองพรรค จะจับมือกัน ประเทศชาติพังแน่ พรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน ก็อย่าชะล่าใจ

 เขาไม่เอามาร่วมด้วยเด็ดขาด สำเหนียกกันไว้บ้าง..”

ครับ..ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือความรู้สึกของ “คุณอาคม มกรานนท์” อดีตนักร้อง อดีตผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์รุ่นแรกๆ ของเมืองไทย

อดีตนักแสดง อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตพิธีกรรายการ “นาทีทอง” และ “ประตูดวง” ทางช่อง 7

และอดีต.. “โฆษกประกาศการรัฐประหาร” ในประเทศไทยถึง 8 ครั้ง!

ซึ่งปัจจุบัน แม้จะวัยย่าง 93 ปีแล้ว แต่สมอง สติปัญญา ยังสมบูรณ์พร้อม พอๆ กับสุขภาพร่างกายที่ดูยังมีเรี่ยวมีแรง และท่านได้โพสต์ข้อความให้ได้อ่านอยู่เป็นประจำ

ก็..ถือเป็นคนเก่า-คนแก่ที่ไม่ได้นิ่งดูดายกับสังคม-ประเทศชาติ-สถาบัน เมื่อเห็นอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง ท่านก็ได้พูด (เขียน) ติติง ชี้แนะชี้นำ หนักบ้าง เบาบ้างตามแต่กรณีไป!

อย่างเรื่องนายทักษิณ อาจจะดูแรงไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับคำพูด-คำเขียนของอีกหลายๆ ท่านที่วิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึงในเวลานี้..

คุณอาคมก็แค่เพียงสะกิดสะเกา..

เบาเพียงปุยนุ่นเท่านั้น!.

 

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หลวงพ่อชี้โพรง?

เหลิงใน “ดีล” ที่ได้.. จากคืบเอาศอก จากศอกเอาวา..จึงดูท่าไม่ใช่แค่ “น้ำผึ้งหยดเดียว” เสียแล้ว หากแต่มีเหตุหลายเรื่อง-หลายอย่างประเด-ประดังให้สังคมรู้สึกอัดอัด คับแค้นจนทนไม่ได้

กินแหลกกับโกงแหลก

วันก่อน..ลงไป อ.ทุ่งสง-เมืองคอน! จะว่าหนีไปเที่ยวก็ไม่เชิง จะว่าไปทำงานก็ไม่น่าใช่ และก็ไม่ได้มีเรื่องสลักสำคัญอันใดที่จะต้องนำมาคุยในคอลัมน์ตรงนี้

สมบัติผลัดกันชม

คนหนึ่ง..ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี.. คนหนึ่ง..ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต!

อะไรๆ ก็กู?

เปิดซ่องอย่างเป็นทางการ.. นี่..ไม่ต้องตาโต-ตาลุกเลยสำหรับหนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่ รวมถึงเฒ่าตัณหากลับ เพราะ “ซ่อง” ที่จะ “เปิด” อย่างเป็นทางการนี้ ไม่ได้เป็นสถานที่คลายกำหนัดแห่งใหม่ที่ไหน?

แค่สิทธิ..อยากรู้

มีแต่ประเทศไทยกระมัง? ที่..นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีนั่งร่วมวงหม่ำข้าวกับ “นักโทษ” ที่อยู่ระหว่างการพักโทษด้วยเงื่อนไข เป็นผู้สูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง..

สงสัย..นาฏราช

ร้อนเป็นบ้า.. นี่..ไม่ได้แค่คำบ่น-คำสบถกันเล่นๆ และถ้ามีใครจะ “แก้ผ้า” วิ่งกลางถนนกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรเหมือน “สาวแหม่ม” (เมื่อไม่นานมานี้)..