“บ่ายนี้..
คนที่ทำงานในกระบวนการยุติธรรมหลายคนมาบ่นกับผมว่าต้องทำคดีตาม “ธง” ที่ผู้ใหญ่ปรารถนา
ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่าผิดหลักการ ขัดหลักกฎหมาย และก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาว เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ”
นี่..ข้อความที่ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษานายกฯ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์เมื่อวันก่อน
ซึ่งน่าจะหมายถึง “คนทำงานในกระบวนยุติธรรม” ในขณะนี้ ส่วนผู้ใหญ่ที่ “ตั้งธง” ให้ต้องทำคดีตามปรารถนานั้นจะเป็นใคร..
มองใครเป็นผู้อำนาจ-ยิ่งใหญ่ในปฐพีตอนนี้..ก็คนนั้นแหละกระมัง!
ที่คุณธงทองถาม “เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ” ก็ไม่รู้สิ แล้วคุณธงทองมีความคิดเห็นประการใด มีอะไรที่อยากพูด อยากเสนอแนะ ก็น่าจะได้บอกกับสังคมนะ
ไม่ใช่ฟังเสียงบ่นแล้วนำมาตั้งคำถามเอากับสังคม ในขณะที่ตัวคุณธงทองเองก็อยู่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ มีตำแหน่งแห่งหนเป็นถึง “ที่ปรึกษานายกฯ”..
เมื่อเห็นว่าผิดหลักการ ขัดกฎหมาย ก็ควรที่กระซิบข้างหูนายกฯ ดีกว่ามาตั้งคำถามกับสังคมให้ยิ่งคับแค้นใจเข้าไปอีก!
บอกตามตรง เวลานี้ไม่ว่าจะนั่งคุยกับผู้คนอาชีพไหน ส่วนใหญ่จะบ่นเรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้อง ยุคโควิดระบาดว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่าไม่พอ..
ยังต้องมาปวดใจ แค้นใจกับรัฐบาล (ผู้น่าสงสาร) ที่งานการไม่เป็นโล้เป็นพาย ที่เห็นสำเร็จ-เข้าตาก็เรื่องเดียว..
ช่วยไม่ให้นักโทษติดคุกสักวัน กับการพินอบพิเทานักโทษยิ่งกว่าพ่อทูนหัวเท่านั้น!
ก็..ขอฝากคุณธงทอง ช่วยกรุณาขยายความเสียงบ่น.. “ต้องทำคดีตามธงที่ผู้ใหญ่ปรารถนา” ให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อที่สังคมจะได้รู้-เข้าใจ..
ไม่ใช่ไร รู้แล้ว-เข้าใจแล้วก็จะได้ (ทน) อยู่กันไปอย่างนี้ไงล่ะ!
ว่าแต่..ตัวคุณธงทองเองเถอะ จะยอมอยู่อย่างนี้หรือเปล่าล่ะ ถ้ายอม-อยู่ได้ก็แล้วไป แต่หากอึดอัดคับข้องใจกับความปรารถนาของผู้ใหญ่..
คุณธงทองต้องใช้ศักยภาพ ประสบการณ์ ความรู้ ตำแหน่งทำอะไรสักอย่าง เพื่อคนทำงานในกระบวนการยุติธรรมจะได้ไม่ต้องบ่น!
พูดเรื่อง “บ่น” วันก่อนเห็นข้อความที่คุณวิทยา แก้วภราดัย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์..
“รับฟังจากญาติๆ และพี่น้องประชาชนบ่นเรื่องรถไฟสายนคร-กรุงเทพ เหลือวิ่งเฉพาะรถด่วนวันละขบวนเดียว
รถเร็วหยุดวิ่งไปตั้งแต่โควิด ผู้โดยสารประชาชนจองตั๋วโดยสารยากมาก จองล่วงหน้าหลายวันก่อนเดินทางก็ไม่ได้ จองใกล้วันเดินทางก็เต็ม
วันศุกร์ที่ 29 มี.ค. หลังเลิกประชุมรัฐสภา 6 โมงเย็น ผมจึงเดินทางกลับบ้านที่นครศรี ทางรถไฟ โดยจองตั๋วล่วงหน้าก่อนสามวันที่รัฐสภา มีลูกชายพูน ร่วมเดินทางกันสองคน
ตั้งใจสองเรื่อง 1.ดูปัญหาที่พี่น้องร้องเรียน ความสะดวกของรถไฟ และ 2.ดูสถานที่เรื่องสะเทือนขวัญ
กรณีการเข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เขตเทศบาลจันดี อำเภอฉวาง ได้ผู้ต้องหาไทยจีนร่วมร้อยคน เป็นการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ซึ่งมาตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่กว่าสองปี ข่าวว่านักการเมืองท้องถิ่น จับมือกับโจรในเครื่องแบบตำรวจ ระดับพลตำรวจโท, พลตำรวจเอก ไม่ใหญ่จริงเลวจริง ทำไม่ได้”
ครับ..ผมฝากเรื่องรถไฟด้วยนะ ส่วนเรื่องนักการเมือง-ตำรวจ เห็นไม่ต้องฝาก เพราะคุณวิทยาได้บอกไว้ว่า..
“จะได้ยื่นให้กรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ”..
เอาให้จบนะท่าน!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลวงพ่อชี้โพรง?
เหลิงใน “ดีล” ที่ได้.. จากคืบเอาศอก จากศอกเอาวา..จึงดูท่าไม่ใช่แค่ “น้ำผึ้งหยดเดียว” เสียแล้ว หากแต่มีเหตุหลายเรื่อง-หลายอย่างประเด-ประดังให้สังคมรู้สึกอัดอัด คับแค้นจนทนไม่ได้
กินแหลกกับโกงแหลก
วันก่อน..ลงไป อ.ทุ่งสง-เมืองคอน! จะว่าหนีไปเที่ยวก็ไม่เชิง จะว่าไปทำงานก็ไม่น่าใช่ และก็ไม่ได้มีเรื่องสลักสำคัญอันใดที่จะต้องนำมาคุยในคอลัมน์ตรงนี้
สมบัติผลัดกันชม
คนหนึ่ง..ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี.. คนหนึ่ง..ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต!
อะไรๆ ก็กู?
เปิดซ่องอย่างเป็นทางการ.. นี่..ไม่ต้องตาโต-ตาลุกเลยสำหรับหนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่ รวมถึงเฒ่าตัณหากลับ เพราะ “ซ่อง” ที่จะ “เปิด” อย่างเป็นทางการนี้ ไม่ได้เป็นสถานที่คลายกำหนัดแห่งใหม่ที่ไหน?
แค่สิทธิ..อยากรู้
มีแต่ประเทศไทยกระมัง? ที่..นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีนั่งร่วมวงหม่ำข้าวกับ “นักโทษ” ที่อยู่ระหว่างการพักโทษด้วยเงื่อนไข เป็นผู้สูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง..
สงสัย..นาฏราช
ร้อนเป็นบ้า.. นี่..ไม่ได้แค่คำบ่น-คำสบถกันเล่นๆ และถ้ามีใครจะ “แก้ผ้า” วิ่งกลางถนนกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรเหมือน “สาวแหม่ม” (เมื่อไม่นานมานี้)..