
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส เมื่อช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ด้วยเหตุเพราะยังรู้สึก ติดค้าง กับอะไรต่อมิอะไรที่คุณพี่เขาเคยมอบให้ แต่ อันตัวข้าพเจ้าเอง กลับไม่มีโอกาสได้ตอบสนอง ชดใช้สิ่งที่เคยติดค้างให้กับท่านเอาเลยแม้แต่น้อย...
คือในช่วงที่ตัวเองยังมีเรี่ยว มีแรง มีไฟ ถึงขั้นคิดการใหญ่ คิดจะออก หนังสือพิมพ์รายวัน แข่งกับใครต่อใครเขา แต่อันเนื่องมาจากการ ระดมทุน มันออกจะติดๆ ขัดๆ ตั้งแต่แรก มีทุนแค่
จ่ายเงินเดือนพนักงานเพียงเดือนเดียวก็หมดแล้ว โชคดีที่คุณหญิง วรี จิตรปฏิมา ภรรยาของ แม่ทัพสัณห์ หรือพลเอก สัณห์ จิตรปฏิมา รองผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ท่านอุตส่าห์ไปอ้อนวอนเจ้าของโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง ให้ช่วยพิมพ์ฟรี เพลตฟรี กระดาษฟรี ซักราวๆ 3 เดือน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย การออกหนังสือพิมพ์รายวันชื่อว่า มาตุภูมิ จึงพอมีโอกาสเป็นไปได้ แม้จะต้องออกแรงดิ้นรน แบบไปตายดาบหน้า ชนิดแทบไม่มีเวลา ชักดาบ เอาเลยด้วยซ้ำ...
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ก็เลยต้องควานหา มือข่าว ระดับ พระกาฬ เอาไว้เป็นเครื่องชดเชย แบบคล้ายๆ ยูล บรีนเนอร์ ตามหา มือปืน ในหนัง เจ็ดสิงห์แดนเสือ หรือตามหา ซามูไร ในหนังเรื่อง เจ็ดเซียนซามูไร ของผู้กำกับชื่อดัง อากิระ คูโรซาวะ อะไรประมาณนั้น และก็ด้วยความเมตตา สงสาร ของอดีตเจ้านายเก่า คุณพี่ ซูจี วังเด๊ะ (สุจิตต์ วงษ์เทศ) ยอมติดต่อส่งข่าวให้น้องชาย อดีตบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์ ประชาชาติรายวัน คือคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ ที่ยังอยู่ไกลถึงประเทศสวีเดนโน่นเลย ให้ลองคิดหน้า-คิดหลัง คิดใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ ว่าพอจะกลับมาช่วย อันตัวข้าพเจ้าเอง ให้มีโอกาสสร้างหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นมาอีกหนึ่งฉบับได้หรือไม่?
แม้ว่าจะมีภารกิจ พันธกิจ ที่ไม่อาจลาจากประเทศสวีเดนในขณะนั้น แต่อาจด้วยเหตุเพราะความผูกพันต่อ ลูกน้องเก่า คุณพี่ ไพบูลย์ ท่านยอมสละเวลาประมาณ 3 เดือน เพื่อมาช่วย ตั้งไข่ไม่ให้ล้ม โดยไม่คิดจะ ต้มไข่กิน ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย โดดมารับหน้าที่ บรรณาธิการข่าว หนังสือพิมพ์ มาตุภูมิ รายวัน ที่ยังคงเป็นวุ้น ไม่ได้เป็นรูป เป็นร่างใดๆ แม้แต่นิด และก็ด้วยการเนรมิต สร้างสรรค์ ของคุณพี่เขา เพียงชั่วเวลาไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวก็สามารถออกมาอวดโชว์ตามแผง แข่งประชันกับหนังสือพิมพ์ในลักษณะเดียวกันอย่าง มติชน รายวัน ของคุณพี่ ช้าง-ขรรค์ชัย บุนปาน แบบชนิดไม่ถึงกับเสียรังวัดอะไรมากมาย...
และก็ด้วยฝีมือ ความสามารถ ของคุณพี่ ไพบูลย์ ท่านนั่นแหละ...ที่ทำให้บรรดาผู้ที่อยากให้ทุน เกิดความเชื่อใจ ประทับใจจนอดไม่ได้ต้องควักทุนออกมาต่อยอด ต่ออายุหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ จนสามารถอยู่ยาวว์ว์ว์มาได้อีกหลายต่อหลายปี กว่าจะปิดกิจการ ก็ต่อเมื่อ นายทุนรายใหม่ ท่านไม่เอาแล้ว-ไม่ไหวแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเลยเป็นไปตาม กฎอนิจจัง-วัตตสังขารา ไปตามสภาพ แต่อย่างน้อยที่สุด...ก็ด้วยขีดความสามารถระดับ เจ็ดเซียนซามูไร ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ ท่านนั่นเอง หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวจึงมีโอกาสได้เกิด ได้โต แม้นสุดท้าย...ย่อมต้องตายไปตามวาระและโอกาสอย่างมิอาจปฏิเสธ...
คือนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง บรรณาธิการข่าว ของหนังสือพิมพ์ ประชาชาติ รายวัน มาแล้ว คุณพี่ ไพบูลย์ ท่านมักจะอยู่ในกองบรรณาธิการเป็นคนสุดท้าย รอจนกว่าจะปิดข่าว ปิดบรรทัดสุดท้าย ประมาณเที่ยงคืน หรือบางครั้งปาเข้าไปตีหนึ่งก็ยังมี จากนั้น...ก็หอบพรรคพวก ลูกน้อง ไปผ่อนคลายกินเหล้ายาปลาปิ้ง จนอาจปาไปเข้าตีสอง ตีสาม ตีสี่ แต่พอถึงช่วงแปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ไม่เกินไปกว่านั้น ท่านก็โผล่เข้ามาในห้องข่าว โดยไม่มีท่าทีอ่อนระโหยโรยแรงใดๆ แม้แต่น้อย ยังเต็มไปด้วยศักยภาพ ประสิทธิภาพ ในการเขียนข่าว รีไรต์ข่าว หรือสั่งการข่าวที่เรียกว่าแอสไซน์ได้แบบเฉียบคมเอามากๆ แม้จะใช้เพียงแค่ 2 นิ้วจิ้มพิมพ์ดีด แต่ก็เร็วปานข้าวตอกแตก ยิ่งกว่าพวกที่พิมพ์สัมผัสไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
แต่ก็นั่นแหละ...หลังจากคุณพี่ ไพบูลย์ ท่านกลับจากสวีเดน มาอยู่เมืองไทยเต็มเนื้อ-เต็มตัว ก็เผอิญเป็นช่วงเวลาที่ตัวเราไม่ได้มีสถานะ ตำแหน่งใดๆ อีกต่อไปแล้ว ปิดกิจการ เลิกกิจการ ล้างมือในอ่างสังกะสี จนไม่ได้มีโอกาสกลับมาร่วมงานใดๆ กันอีกต่อไป แม้จะคิดถึง คิดมาเยี่ยมเยียนกันมั่ง โดยเฉพาะในช่วงหลังจากที่ อันตัวข้าพเจ้าเอง เพิ่งออกจากห้องไอซียู แต่คุณพี่ ไพบูลย์ ท่านก็ดันไปติด โควิด ซะอีก แทบไม่คิดเลยว่าท่านดันมาตัดหน้า โชคดี...ที่ตายก่อน ไปซะดื้อๆ ทั้งที่เคยเห็นสีหน้า แววตา ออกจะร่าเริง ขณะร่วมชนแก้วกับ เสือเตี้ย-สนานจิตต์ บางสพาน หรือ เดอะยี-จันทนา ฟองทะเล อย่างไรก็ตาม...ด้วยเหตุเพราะฝีมือ ความสามารถของคุณพี่เขาในลักษณะที่ว่านี้ เลยทำให้ครั้งที่น้องนักข่าวจากสมาคมนักข่าวฯ มาสัมภาษณ์ ว่าในทัศนะของ อันตัวข้าพเจ้าเอง ใคร? คือ มือวางอันดับหนึ่ง ในแวดวงการข่าว ก็เลยตอบไปอย่างไม่จำเป็นต้องลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ว่านั่นก็คือ ไพบูลย์ วงษ์เทศ ผู้นี้นี่เอง!!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฤๅการเมืองไทยเป็นได้แค่ธุรกิจ
คนที่รู้เรื่องรัฐศาสตร์และเรื่องการปกครองจะเข้าใจว่าการเมืองคือ การบริหารจัดการแบ่งปันอำนาจและทรัพยากรของชาติ ให้แก่ประชาชนที่เป็นพลเมืองของประเทศบนพื้นฐานของกฎกติกาที่เป็นธรรม John Locke
วิกฤตแห่งความจริงกับ'เงาปิศาจ'
ระหว่างที่ใครต่อใครกำลังตื่นเต้นกับข่าวคราวผงาดขึ้นมาของ DeepSeek หรือ AI ของจีน ชนิดต้องหันไปเทขายหุ้น ChatGPT ของอเมริกาจนมูลค่าตลาดหายไปเป็นแสนๆ
อาวุโส 33% กินแห้ว!
เห็นที "สีกากี" ประเภท "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" ในการแต่งตั้งตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมาถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2567 จะต้องเหนื่อย
แม้เมืองมีปัญหาเศรษฐกิจ แต่บางท่านอาจรวย(ตอนจบ)
ตอนนี้มาว่ากันถึงหลักโหรที่ส่งสัญญาณล่วงหน้าว่า ถึงแม้ต่อจากวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2568 ไปนี้ เมืองจะเริ่มเข้าเคราะห์
ไม่โปร่งใส...ไร้นิติธรรม
ความโปร่งใสของการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศของเรามีความน่าเชื่อถือ และประเทศอื่นๆ ในประชาคมโลกพร้อมที่จะคบหาสมาคมกับเรา ไม่ว่าการลงทุน การค้าขาย การมาเที่ยว รวมทั้งการอพยพเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศ ประเทศที่มีความโปร่งใสในการบริหาร นักการเมือง ข้าราชการจะต้องมีการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย แสดงให้ชาวโลกเห็นว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐที่ให้ความสำคัญกับหลักนิติธรรม
ถ้าประชาธิปไตยมันชั่ว...ก็เลิกเถอะ???
ด้วยเหตุเพราะไม่คิดจะ วิ่งไล่กวดเทคโนโลยี มานานแล้ว!!!...ไม่ว่าด้วยเหตุเพราะวัยและสังขาร หรือด้วยเพราะความ แปลกแยก ต่อสิ่งเหล่านี้เป็นการส่วนตัว