ลูกค้า'พนันออนไลน์'

ซึ่งท่านทราบข่าวล่วงหน้า จึงเดินทางไปมอบตัวเองก่อนกับพนักงานสอบสวนที่ "กองบัญชาการสอบสวนกลาง”

ส่วนจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ผมไม่ทราบ

เพียงแต่ทราบจากข่าวว่า ทางตำรวจระแคะ-ระคายมานานแล้ว ส่งคนแฝงตัวเข้าไปติดตามดูพฤติการณ์อยู่ในวัดมาร่วมปี

ว่าท่านเล่น "พนันออนไลน์”!

เมื่อเสียมากๆ เข้า ก็โอนเงินจากบัญชีวัด ๓๐๐ ล้านบาท มาเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนเข้าบัญชีหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนายหน้าของเว็บพนัน

ในเมืองไทย คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก "วัดไร่ขิง”เพราะหลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นตำนานคู่กับหลวงพ่อวัดโสธรและหลวงพ่อวัดบ้านแหลม

ท่านว่า ทั้ง ๓ องค์นี้ "ศักดิ์สิทธิ์” นัก

ผมเอง ยังได้ชื่อว่าเป็นลูก "หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” เพราะเป็นประเพณีของคนสมุทรสงคราม เมื่อคลอดลูกแล้ว ต้องเอาไปถวายหลวงพ่อ สมัยนี้คงไม่แล้วมั้ง?

ปีๆ จะมีประชาชนเป็นแสน-เป็นล้านคนไปกราบไหว้ "พระศักดิ์สิทธิ์” ทั้ง ๓ องค์นี้ ใครมีทุกข์ร้อน ก็ไปบอกให้ท่านปัดเป่า

นอกจากเป็นที่พึ่งทางใจ ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คนมิให้เตลิดไปในทางอบายจนหลุดกรอบ

สำหรับเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เมื่อเกิดกรณีนี้ ท่านก็ต้องเป็นไปตามเส้นทางของท่าน

ในทางกฎหมายก็ว่ากันไป

ในทางพระวินัยสงฆ์ ยักยอกเงินเป็นร้อยๆล้าน ถ้าจริง ก็ถือว่าต้องอาบัติ "ปาราชิก” ขาดจากความเป็นพระแล้ว!

ปกติผมจะไม่นำเรื่องพระที่สร้างความมัวหมอง-เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนามาคุย

เพราะคนบางส่วน "แยกไม่ออก” ระหว่างคนเลวที่อาศัยผ้าเหลืองคลุมกายแล้วประพฤติชั่ว

กับคนดีที่จิตเข้าถึงพระธรรมคำสอนพระพุทธองค์แล้วมีศรัทธาเข้ามาบวชถวายตัวเป็น "พระพุทธบุตร"

ซึ่งเป็นทั้งการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ทั้งเพื่อการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ จรรโลงโลกและสรรพสัตว์ให้อยู่กันด้วยรัก เมตตา สามัคคี และแบ่งปัน

เมื่อคนเลวซุกซ่อนเข้ามา "ห่มเหลือง" หากิน พอเป็นเรื่อง-เป็นราว ทั้งสื่อ-ทั้งชาวบ้าน ก็ไม่ได้แยกแยะ

เหมารวม เรียกว่า "พระ" เหมือนกันไปหมด!     ไม่แยกแยะว่า นั่น...สัตว์นรกแปลกปลอมเข้ามาเป็นพระเพื่อหากิน

ฉะนั้น เมื่อพบเรื่องราวเกี่ยวกับพระที่ทำไม่ดี เราต้องแยกแยะด้วยความเข้าใจว่า

นั่น "คนมันเสื่อม” ไปจากพระศาสนา กายเป็นมนุษย์ จิตเป็นสัตว์นรก แปลกปลอมเข้ามากิน

ไม่ใช่ "ศาสนาเสื่อม”!

คำสอนพระพุทธศาสนา "ไม่มีเสื่อมไปจากโลกนี้" เพราะเป็นสัจธรรม

“สัจธรรม” คือความจริงตามธรรมชาติที่เป็นจริง ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นเอง หากแต่พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้ง-เห็นจริงด้วย "พระสัพพัญญุตญาณ" ว่า

“สรรพสิ่ง ล้วนเป็นเช่นนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง ดับไป” ดังเรียกว่าปัจจยาการ!

ทุกวันนี้ "พระพุทธศาสนา" ไม่ได้เลือนหายไปจากอินเดีย หากแต่ใจคนอินเดียตะหาก ที่เลือนหายไปจากสัจธรรม

ถ้าเรามอง "เหตุเลว" ที่เกิดโดย "สัตว์นรก" ในคราบพระ....

โดยรู้จักแยก "เรื่องคน" กับ "เรื่องศาสนา" ได้ เราก็จะเป็นพุทธ "ผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว" ต่อสิ่งเข้ามาทำลาย พุทธะจะสถิตยังใจเราให้เบิกบานเสมอไป

เหตุที่ผมยกเรื่องนี้มาคุย ก็ตรงประเด็น "พนันออนไลน์" นั่นแหละ!

รัฐบาลเพื่อไทย แพทองธาร ทักษิณ เห็นมั้ย?

“กาสิโน” ที่จะตั้งน่ะ แค่น้ำจิ้มบังหน้า "ลูกค้ากระเป๋าหนัก" เท่านั้นที่เข้ามาเล่นได้ แถมรายได้บ่อน ยังต้องแบ่งให้หลวง-ให้ราษฎร์ กินไม่เต็มปาก-เต็มคำ

"พนันออนไลน์" ที่สอดไส้ขึ้นมาบนดินด้วยนี่ตะหาก ของกูเนื้อๆ กินเงียบๆ รวยเงียบๆ เรอๆ เงียบๆ

๕ บาท ๑๐ บาท ๑๐๐ บาท ล้านบาท ตั้งแต่เด็กตามโรงเรียน ตามมหา’ลัย ตามตลาด ผัวเมียในมุ้ง ไม่ว่าเด็ก ไม่ว่าผู้ใหญ่ อยู่ที่ไหนก็แทงได้ทั้งนั้น

แล้วกรณีเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นี่คือตัวอย่างยืนยันว่า พนันออนไลน์ ไม่เพียงชาวบ้าน มันยังเข้าไปกินถึงในวัดด้วย!

และอย่านึกว่า มีรายนี้-รายเดียวนะ อีกกี่ร้อย-กี่พันวัด ที่จะเป็นลูกค้า "พนันออนไลน์" ที่รัฐบาลเพื่อไทยจะทำ!?

การเมืองเลือกตั้ง ไอ้เสือตัวนี้ มันยังจับแค่ "คนตาบอด” กิน

แต่ถ้าให้มันเปิดกาสิโน-ทำพนันออนไลน์ ละก็ มันเข้าไปกินถึงในวัดแน่

ยิ่ง "พระตาบอดธรรม” มันยิ่งชอบ เพราะเงินหนา-มือหนัก มีให้กินครั้งละเป็นแสน-เป็นล้าน ถ้าเราปล่อยให้รัฐบาลเพื่อไทยยำประเทศขายเช่นนี้ต่อไป

หมด....

โรงเรียนก็จำนำ มหา’ลัย ก็จำนำ บ้านก็จำนำ วัดก็จำนำ โบสถ์ก็จำนำ เมรุเผาศพก็จำนำ เรือกสวนไร่นาก็จำนำ ลูกเมียก็จำนำ

เผลอๆ ทั้งสัปปายะสภาสถาน ทำเนียบรัฐบาล กระทั่งกระทรวงต่างๆ ก็ต้องจำนำ

เพราะถูก "พนันออนไลน์” แดกหมด!

ดังนั้น เชื่อเถอะ ถ้ารัฐบาลขืนดัน พ.ร.บ.กาสิโน-พนันออนไลน์เข้าสภาเมื่อไหร่ ตายวันนั้น

ไม่มีใครยอมหรอก ยกเว้นพวกในคอกเท่านั้น

ทีนี้ลองไปดูรูปคดีบ้าง

จริงเร้อ...ท่านจะเอาเงินตั้ง ๓๐๐ ล้าน ไปเล่นหมดกับพนันออนไลน์?

วัดไร่ขิงน่ะ ขึ้นชื่อว่า "วัดเงิน-วัดทอง" ที่ดินสำหรับแม่ค้า-แม่ขาย แต่ละตารางเมตรไม่แพงกว่ากลางสี่แยกราชประสงค์เรอะ?

เงินวัด น่าจะมีเป็นพันๆ ล้าน....

ปกติต้องมีกรรมการ การจะเบิกต้องมีผู้มีอำนาจเซ็นอนุมัติมากกว่า ๑ คน แต่อ่านตามข่าวว่า ท่านเซ็นโอนเงินจากบัญชีวัดไปเข้าบัญชีท่าน

มันก็ผิดปกติอยู่?

แถมมีผู้หญิงเป็น "นายหน้าเว็บพนัน" เป็นผู้รับโอนเงินพนันจากพระ

แบบนี้ สอบสวนกลางเขาไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นลอยนวลแน่ ถ้าจริง เดี๋ยวก็คงไปลากตัวมาเค้น

เห็นรู้แล้วด้วยซ้ำว่า เจ้าของพนันออนไลน์รายนี้เป็นใคร กินได้ลงคอกระทั่งเงินพระ!

ที่ผมสงสัยส่วนตัวก็คือ พระองค์นี้ท่านทันสมัยนะ การพนันผมรู้จัก แต่ "พนันออนไลน์" ผมไม่เคยเล่น และไม่รู้เขาเล่นกันยังไงเจ้าบาคาร่านั่นน่ะ?

ผมว่า "สอบไป-สอบมา" การยักยอกเงินวัดนั่นน่ะ อาจจะมากกว่า ๓๐๐ ล้านด้วยซ้ำ ถ้าเบิก-โอนคนเดียวตามใจชอบ โดยไม่มีกรรมการตรวจสอบเงินวัด

เรื่องนี้ ถ้าสอบดีๆ อาจมีอะไรอยู่เบื้องหลังนอกจากเรื่องพนันออนไลน์ด้วยก็ได้ เพราะมันทะแม่งๆ

เงินวัดไร่ขิง ไม่ใช่มีระดับร้อยล้าน ประเมินจากผลประโยชน์ที่ทางวัดได้ ต้องมากกว่านั้น แต่กลับให้เจ้าอาวาสคนเดียวมีสิทธิ์เบิก?

ก็ดูกันต่อไป ก็บอกแล้ว ถึงยุค "เช็กบัญชีกรรม" ใครทำอะไรไม่ดีไว้ มันจะผุดขึ้นมาเพื่อจะบอกว่า...นี่ไง ที่ใครว่า "ทำชั่วแล้วได้ดีมีถมไป" นั่นน่ะ

ก็ได้ดีแบบ "มีลูกกรงแถม” นี่ไง!?

แถมท้ายนิด

มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เป็นต้นไป

เพื่อถก “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๙” กัน

ท่ามกลางเสียงกบ-เสียงเขียด "สีแดง-สีน้ำเงิน” ที่ร้องเอี๊ยดอ๊าดว่า

“คว่ำงบประมาณ” ดีมั้ย...จะได้ "ยุบสภา"!.

-เปลว สีเงิน

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘

คนปลายซอย