แฉแก๊งมิจฉาชีพขับรถเบียดตบทรัพย์ มีสาวแสบร่วมทีมโจร เตือนให้แจ้งตร.ก่อน

นครพนม ลุงวัย 68 ปีแฉแก๊งมิจฉาชีพขับรถเบียดตบทรัพย์ มีสาวแสบร่วมทีมโจร ตกเป็นเหยื่อสูญสองพันบาท เจ้าหน้าที่ฝากเตือนหากประสบเหตุให้แจ้งตำรวจมีตรวจสอบ เจรจา เพื่อป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาสตบทรัพย์

25พ.ย.2565- สืบเนื่องจากที่มีลูกสาวผู้เสียหาย ออกมาโพสต์เตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพผ่านสื่อโซเชียล กรณี นายสมฤทธิ์ วงเสน หรือ ลุงฤทธิ์ อายุ 67 ปี อาชีพเกษตรกร ชาวบ้าน ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม ถูกแก๊งมิจฉาชีพขับรถประกบเบียด หรือที่เรียกว่าแก๊งตบทรัพย์ ทำให้เกิดความเสียหาย และมีการเจรจาตกลงจ่ายค่าความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 2,000 บาท แต่ผู้เสียหายยังอยู่ระหว่างอาการตกใจในช่วงเจรจา จึงคิดไม่ทันที่จะแจ้งตำรวจ และยินยอมเสียค่าใช้จ่ายให้คู่กรณีไปเพื่อให้จบเรื่อง จนกระทั่งมาทบทวนภายหลังมั่นใจว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ และมีการก่อเหตุเป็นขบวนการ

กล่าวคือมีรถยนต์ทั้งหมด 3 คัน ทำหน้าที่ช่วยกันประกบ ก่อนใช้รถเก๋งชนเบียดบริเวณท้ายรถยนต์กระบะของผู้เสียหาย และมีการจอดรถเจรจาพูดคุยเรียกค่าซ่อม โดยทางผู้เสียหายยอมเสียเงินถือว่าทำทาน เพราะเสียรู้ แต่ให้ลูกสาวออกมาโพสต์แฉพฤติกรรมเตือนภัยสังคม ไม่อยากให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ เหตุเกิดเมื่อช่วงสายวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝากเตือนหากประสบเหตุให้แจ้งตำรวจมีตรวจสอบ เจรจา เพื่อป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาสตบทรัพย์

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมได้พูดคุยกับ นายสมฤทธิ์ วงเสน หรือ ลุงฤทธิ์ อายุ 68 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ขณะตนขับรถยนต์กระบะโตโยต้า สีแดง สภาพเก่า ทะเบียน บก 5714 นครพนม ออกมาจากบ้านกล้วย ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม มุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเมืองนครพนม เพื่อไปทำธุระส่วนตัว โดยถนนดังกล่าวเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 เป็นถนน 4 เลน พอถึงช่วงบ้านดงหมู ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม มีรถยนต์ต้องสงสัย เป็นรถยนต์เก๋งขับตามมา 3 คัน คันแรก เป็นรถยนต์เก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ไม่สามารถจำหมวดอักษร และป้ายทะเบียน ได้ จำได้เพียงเป็นป้ายทะเบียน กทม. ได้ขับบี้มาด้านหลัง ตนจึงขับไปเลนขวา จากนั้นมีรถเก๋งอีกคันแล่นมาประกบด้านหลัง พร้อมขับจี้ท้ายบีบแตรไล่ ส่วนรถเก๋งคันก่อเหตุได้ประกบตีคู่มาตลอด ตนรู้สึกผิดปกติจึงขับออกเลนซ้าย

จนกระทั่งรถยนต์คันก่อเหตุได้ขับมาเบียดชนท้ายด้านขวา มีรอยเฉี่ยวชนนิดหน่อย ก่อนที่รถเก๋งคันที่ไล่บี้บีบแตรขับหนีไป ส่วนรถคันก่อเหตุ ขับไปจอดรอริมถนน ด้วยความบริสุทธิ์ใจตนจึงจอดลงไปคุยเจรจา โดยทางเจ้าของรถเก๋งคันก่อเหตุเป็นหญิงอายุราว 30 ปี เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน จำนวน 3,000 บาท ตนจึงต่อรองว่าไม่มีเงิน และเจรจาจบกันที่ 2,000 บาท โดยไม่ได้ติดต่อตำรวจมาพูดคุยตรวจสอบ เพราะคิดไม่ทัน และไม่อยากมีเรื่องเพราะมาคนเดียว จึงยอมเสียเงินให้เรื่องจบ

"จนมาทบทวนภายหลัง จึงมั่นใจว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ และยอมเสียเงินทำทาน ถือว่าฟาดเคราะห์ และไม่ขอแจ้งความกับตำรวจ เพราะไม่มีหลักฐานภาพบันทึกเหตุการณ์ เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นเก่าไม่สามารถบันทึกภาพ และถ่ายคลิปไว้ได้ แต่ต้องการออกมาแฉพฤติกกรรมเตือนภัยสังคม ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อซ้ำอีก เชื่อว่าแก๊งดังกล่าวจะเลือกคนก่อเหตุกับผู้สูงอายุและชาวบ้านที่รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมกลุ่มมิจฉาชีพนี้"นายสมฤทธิ์ กล่าว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซวยแล้ว! จ่อออกหมายจับเพิ่มอีกราย คดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

5 ก.พ.2567 - พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.)เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดีเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าว

'เมียอธิบดีกรมข้าว' แฉแก๊งตบทรัพย์โทรจิกจนต้องอัดคลิป ล่อซื้อ แย้มหลักฐานเพิ่มเรื่อยๆ

นางธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร ภรรยาของ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

‘ธรรมนัส​’ ยันมีคลิปยาว! รู้เรื่องตบทรัพย์ตั้งแต่แรก รู้ว่าลูกน้องถูกรังแก

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส​ พรหม​เผ่า​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่มีการพาดพิงที่ปรึกษามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว​ โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้ถามสื่อมวลชนกลับว่า ขอ