โค้งสุดท้าย คดี 8 ปีเดือด ลุ้นศาล รธน.นัดวันลงมติ

การประชุมนัดพิเศษของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 8 ก.ย. ที่จะมีการพิจารณาคำร้องคดี 8 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกจับตาจากประชาชนทั้งประเทศ หลังมีกระแสข่าวว่า สุดท้ายหากเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมเห็นชอบด้วยกับการให้ใช้มาตรา 58 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ที่บัญญัติว่า

"หากศาลเห็นว่าคดีใดเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัย โดยไม่ทําการไต่สวนหรือยุติการไต่สวนก็ได้"

ที่ก็หมายถึง หากเสียงส่วนใหญ่ของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คำร้องคดีนี้มีพยานหลักฐานและองค์ประกอบในการวินิจฉัยคดีครบถ้วนแล้ว ควรที่จะยุติการไต่สวนหรือ ปิดคดี ไปเลย ด้วยการนัดประชุมเพื่อให้ตุลาการทั้งหมดได้แถลงคำวินิจฉัยส่วนตนต่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทีละคน จากนั้นก็ร่วมกันลงมติตัดสินคำร้องคดีพลเอกประยุทธ์ก็อาจจะมีการกำหนดนัดวันลงมติดังกล่าวออกมา หลังประชุม 8 ก.ย.เสร็จสิ้นลง

จนมีกระแสข่าวในแวดวงการเมืองตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นไปได้ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจจะนัดลงมติคำร้องคดีนี้ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 9 กันยายนนี้ จากนั้นก็เปิดห้องพิจารณาคดีของศาล รธน.เพื่ออ่านคำวินิจฉัยกลางในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตย้อนกลับไปว่า คดีที่มีอิมแพ็กทางการเมืองสำคัญๆ ศาลรัฐธรรมนูญมักจะนัดลงมติตัดสินคดีกันในวันศุกร์ เช่น คดียุบพรรคอนาคตใหม่-คดีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พ้นจากการเป็น ส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อ เป็นต้น

ยิ่งเมื่อมีกรณี เอกสารรั่ว ของมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่าง รธน.หรือ กรธ.ออกมาเมื่อวันที่ 6 ก.ย.เข้าไปอีก ยิ่งทำให้แวดวงการเมืองมองว่า ศาล รธน.คงไม่รอช้า ปิดคดีเร็วแน่นอน ช้าสุดน่าจะไม่เกินพุธหน้า 14 ก.ย. เพื่อจบเรื่องโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงการประชุมนัดพิเศษ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 8 ก.ย. เกิด ฉากแห่งคดี ขึ้นมาคั่นจังหวะถึง 3 ฉาก ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้คดีตัดสินเร็วหรือช้าตามมาทันที

ฉากแรก คือออกมาอีกแล้วกับเอกสารรั่ว

รอบนี้ถึงคิวเอกสาร 23 หน้า คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพลเอกประยุทธ์ ในฐานะผู้ถูกร้องที่เริ่มมีการเผยแพร่ในวงกว้างในช่วงก่อนเที่ยง วันพุธที่ 7 กันยายน ที่คล้อยหลังเอกสารรั่วของมีชัย 1 วัน

อันมีเนื้อหาโดยหลักๆ อาทิเช่น พลเอกประยุทธ์ย้ำว่า ไม่สามารถนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี จากปี 2557 ที่เป็นนายกฯ ครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับปี 2557 ได้ และการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 หลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้นั้น เป็นการดำรงตำแหน่งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังการเลือกตั้ง ในปี 2562 ดังนั้นการเป็นนายกรัฐมนตรีหลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้ จึงเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ตามบทเฉพาะกาล และได้ขาดตอนจากการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกไปแล้ว

อีกทั้งยังอ้าง ข้อมูลสำคัญ ที่ไม่เคยเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ก็คือ เรื่องที่มีการตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2565 มาเพื่อพิจารณากรณีวาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 7 คน ได้แก่ มีชัย ฤชุพันธุ์, นรชิต สิงหเสนี, ธิติพันธ์ เชื้อบุญชัย, ประพันธ์ นัยโกวิท, ปกรณ์ นิลประพันธ์, อัชพร จารุจินดา และอุดม รัฐอมฤต

โดยคำชี้แจงของพลเอกประยุทธ์ ให้ข้อมูลว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาทั้ง 7 คน เห็นว่าบทบัญญัติกำหนดวาระ 8 ปีดังกล่าว หมายถึงนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 เท่านั้น

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ การงัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีต ที่เคยวินิจฉัยและเป็นบรรทัดฐานไว้ก่อนหน้านี้ คือคำวินิจฉัยถึงสถานะความเป็นรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 และ 2561 เกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ถือเป็นรัฐมนตรี นับจากวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ และต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นต้น

เรียกได้ว่า เอกสารรั่ว ที่ออกมาติดๆ ทั้งของมีชัยและพลเอกประยุทธ์ เพื่อทำให้สังคมได้เห็นเนื้อหา-ประเด็นข้อต่อสู้ของฝ่ายพลเอกประยุทธ์ในเชิงจิตวิทยาการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลในทางบวก-ในทางที่เป็นคุณกับพลเอกประยุทธ์ต่อการสู้คดีไปเต็มๆ

ฉากที่ 2 การแถลงข่าวด่วนของ เชาวนะ ไตรมาศ​ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

 ที่เป็นการแถลงเรื่องการประชุมตุลาการศาล รธน. วันที่ 8 ก.ย.และขั้นตอนต่างๆ ในการวินิจฉัยคำร้อง โดยมีเนื้อหาหลักๆ คือ จะยังไม่มีการลงมติตัดสินคดีวันที่ 8 ก.ย.นี้ เพราะเป็นการนำพยานหลักฐานที่ศาลได้รับมาพิจารณาว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยหรือไม่ ถ้าไม่พอจะต้องแสวงหาเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งตามที่วิธีที่กฎหมายกำหนดทำได้ แต่ เลขาธิการศาล รธน. ก็บอกว่าหากเสียงส่วนใหญ่ของ 9 ตุลาการศาล รธน.เห็นว่าคำร้องคดีนี้เห็นควรให้ยุติการไต่สวนแล้ว ก็อาจจะมีการนัดประชุมเพื่อลงมติได้ ที่ก็คือขั้นตอนตามมาตรา 58 ของ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีของศาล รธน.นั่นเอง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ว่าจะให้ยุติการไต่สวนหรือยัง

ฉากที่ 3 คือ การเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน ที่ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ส่งหลักฐานเพิ่มเติมถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อประกอบการวินิจฉัยคำร้อง

เพื่อ หักประเด็นคำชี้แจง ของมีชัย อดีตประธาน กรธ.ที่บอกว่า เอกสารบันทึกการประชุม กรธ.ที่คุยกันเรื่องการนับ 8 ปีการเป็นนายกฯ ซึ่งมีชัยชี้แจงต่อศาล รธน.ว่าบันทึกประชุมดังกล่าว ที่เป็นบันทึกประชุมครั้งที่ 500 เมื่อปี 2561 ไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่องอยู่ และ กรธ.ก็ไม่รับรองรายงานการประชุม

ฝ่ายค้านก็เลยยื่นเอกสารบันทึกการประชุมครั้งที่ 501 เมื่อวันที่ 11 ก.ย.51 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย มีเนื้อหารับรองการประชุมของ กรธ. ครั้งที่ 497-500 ว่ามีความถูกต้องโดยไม่มีการแก้ไข ดังนั้นบันทึกการประชุมครั้งที่ 500 จึงมีความสมบูรณ์ ที่ก็คือการหวังทำลายน้ำหนักของมีชัยนั่นเอง โดยฝ่ายค้านขอให้มีการส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ศาล รธน.โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ส่งเข้าที่ประชุมตุลาการศาล รธน.ในวันที่ 8 ก.ย.นี้

ซึ่งฉากนี้น่าสนใจไม่น้อย เพราะหากเสียงส่วนใหญ่ในตุลาการศาล รธน.ให้น้ำหนักเรื่องนี้สูง ก็อาจขอเวลาในการให้ฝ่ายสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำการตรวจสอบ และส่งเอกสารทั้งหมดมาให้เพื่อตรวจสอบให้ละเอียด โดยหากเป็นแบบนี้ก็อาจทำให้การนัดลงมติตัดสินคดีนี้อาจขยับออกไป เพราะศาล รธน.คงอยากให้ข้อเท็จจริงสะเด็ดน้ำ สิ้นข้อสงสัยทุกกระแสความ

เรียกได้ว่า ทั้งฝ่ายผู้ร้องคือฝ่ายค้าน และฝ่ายผู้ถูกร้องคือพลเอกประยุทธ์ สู้กันดุเดือด ทั้งในชั้นศาลรัฐธรรมนูญและในสงครามข่าวสาร โดยมีเก้าอี้นายกฯ เป็นเดิมพันตัดสินแพ้-ชนะ ภายใต้การลุ้นระทึกว่า คำตัดสินของศาล รธน.ที่จะออกมาอีกไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ ใครจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด'พรบ.ธ.ก.ส.' แจกเงินหมื่น‘ลูกผีลูกคน’อีกแล้ว

ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง นำทีมหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาแถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบหลักการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

คณะก้าวหน้า-ธนาธรปักธง "สว.สีส้ม" แชร์เก้าอี้สภาสูง

การเมืองช่วงเดือนพฤษภาคม วาระสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ การได้มาซึ่ง วุฒิสภา-สภาสูง ชุดใหม่ ที่จะมาแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่

ศึก“วางคน-วางเกม”รับมือ สะท้อนผ่านวอรูม“เมียนมา”

ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางหลังจาก นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา

‘บิ๊กโจ๊ก’ดิ้นสู้หัวชนฝา ยื้อแผน‘ฆ่าให้ตาย’

ความเคลื่อนไหวของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เที่ยวล่าสุด ถือเป็นการเขย่าวงการการเมือง ตำรวจ และองค์กรอิสระ

กองทัพโดดเดี่ยวในวงล้อม การเมืองไล่บี้ ผ่านปฏิรูป-แก้กม.

มีความเห็นและปฏิกิริยาทางการเมืองตามมา หลังมีการออกมาเปิดเผยจาก “จำนงค์ ไชยมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกลาโหม (สุทิน คลังแสง) รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและประชาสัมพันธ์” ที่เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภากลาโหมเมื่อ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา รับทราบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) พ.ศ...

'ทักษิณ-โจ๊ก'ย่ามใจ! จุดจบเส้นทาง'สีเทา'

ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษ เดินทางมาร่วมเทศกาลสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) และ สส.ของพรรค ร่วมรับประทานอาหารกับนายทักษิณอย่างคึกคัก