ก่อนประเทศจะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก่อนจะลุ้นว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะก้าวสู่ยอดถือธงนำประเทศ ช็อตแรกที่ต้องลุ้นระทึกก่อนคือ ตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา” ว่าจะตกเป็นของพรรคใดในฝ่ายรัฐบาล
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ พรรคอันดับ 1 ต้องได้เก้าอี้นั้นไป พูดง่ายๆ ต้องเป็นของ “ก้าวไกล” เหมือนที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ว่าไว้ถูกต้องแล้ว แต่ในทางปฏิบัติไม่เสมอไปที่พรรคอันดับ 1 จะคว้าตำแหน่งดังกล่าวไปครอง
ข้อตกลงร่วมกันเอ็มโอยูกับพรรคร่วมรัฐบาล หลายเรื่องพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลถอยไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว โดยเฉพาะกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ไม่อยู่ในเอ็มโอยู เพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลสบายใจ คลายกังวล แต่ก็เรียกว่าก้าวไกลสูญเสียความเป็นตัวตนไปแล้วหนึ่งข้อ ซึ่งไม่ทราบว่าสร้างความผิดหวังให้กับผู้สนับสนุนมากน้อยเพียงใด
ในมุมมองของ “ปิยบุตร” ระบุว่า เข้าใจดีว่าในรัฐบาลผสมที่ก้าวไกลขาดพรรคเพื่อไทยไม่ได้นั้น การเจรจาต่อรองเป็นเรื่องปกติ
แต่เกิดคำถามว่า พรรคก้าวไกลจะต้องถอยจนถึงเมื่อไร ต้องยินยอมถึงขนาดไหน เพื่อให้ทุกพรรคพอใจและตั้งรัฐบาลได้? และไปต่อได้? อย่างไรก็ตาม “ปิยบุตร” สรุปเอาไว้ว่า ทีเด็ดทีขาดตำแหน่ง “ประธานสภาฯ และประธานรัฐสภา” ต้องเป็นของก้าวไกลเท่านั้น เพราะพรรคยอมเรื่องอื่นมามากแล้ว
คำถามจึงอยู่ที่ว่า ทำไมจะต้องทุบโต๊ะเอาเก้าอี้ “ประธานสภาฯ” ให้ได้
ปิยบุตรยิงชัดแบบไม่อ้อมค้อมว่า นอกจากนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ใช้รณรงค์หาเสียงจนได้คะแนนมากกว่า 14 ล้านเสียง หลายเรื่องต้องผลักดันผ่านสภา ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ จึงจำเป็นต้องมี ส.ส.ของพรรคตนเองทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคุมวาระและญัตติ โดยเฉพาะกรณีการนิรโทษกรรมในคดีความผิดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112 ที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงร่วมกัน ซึ่ง ส.ส.ของพรรคจะต้องใช้กลไกสภาขับเคลื่อนเอง หากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ มา ก็อาจประสบปัญหาอุปสรรคได้
แปลกันตามตัวอักษร “ประธานสภาฯ” สำคัญมากกับก้าวไกล เพราะจะได้เดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 ได้ เพราะอำนาจในการบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมสภาฯ นั้น คือ ประธานสภาฯ!!! และแม้ได้เก้าอี้มาไว้ให้อุ่นใจแล้ว การแก้ไขเรื่องนี้ก็ยังหินอยู่ดี
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 23 พ.ค. “ราเมศ รัตนเชวง” อดีตเลขานุการประธานรัฐสภา (ชวน หลีกภัย) สมัยที่ผ่านมา แถลงถึงประเด็นดังกล่าวว่า ความจริง “พรรคก้าวไกล” นำโดยพิธา พร้อมคณะร่วมลงชื่อ ขอแก้ไข โดย “ยกเลิก” มาตรา 112 มาแล้ว
นอกจากนี้ “ราเมศ” ยังลำดับเวลาว่า สภาฯ ชุดก่อน หลังจากก้าวไกลเสนอแล้วครั้งหนึ่ง ยังมีความพยายามเสนอเข้ามาอีกในวันที่ 25 มี.ค.2564 และวันที่ 7 เม.ย.2564 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าไม่ปรากฏข้อความประสงค์ชัดว่าเสนอฉบับใด จึงแจ้งไปยังนายพิธาอีกครั้ง
ต่อมาวันที่ 21 เม.ย.2564 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ได้แจ้งให้นายพิธาทราบเพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่อง และวันที่ 23 เม.ย.2564 เจ้าหน้าที่ได้แจ้งนายพิธาว่าร่างนี้อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
แต่นายพิธาก็ยังยืนยันเสนอเข้ามาอีก จนวันที่ 22 ธ.ค.2564 รองเลขาธิการสภาฯ แจ้งไปยังนายพิธาว่า กรณีการกำหนดความผิดลักษณะที่ยอมความได้ อาจไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 28-29/ 2555 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 19/2564 ที่ว่ามาตรา 112 ไม่ลักษณะที่ขัดหรือแย้ง และไม่มีลักษณะที่เลือกปฏิบัติต่อประชาชน
ความหวังในการเมืองคือ ศิลปะของการทำสิ่งที่คนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะก้าวหน้ากล่าวไว้ หวังที่จะให้ “ประธานสภาฯ” ที่จะมาจากพรรคก้าวไกล บรรจุระเบียบวาระยกเลิกมาตรา 112 เพื่อให้เข้าสู่การพิจารณาของ ส.ส.คงเป็นไปได้ยากมาก และแม้ได้เข้าสู่ที่ประชุมจริงๆ คงมีหวังใครสักคนฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไร แน่นอน เพราะประเด็นนี้ประธานชวนเคยวินิจฉัยไว้แล้ว อีกทั้งก็มีความเห็นจากฝ่ายกฎหมายของสภา ที่สำคัญมีคำวินิจฉัยของศาลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว
ฉะนั้น คนที่จะขึ้นมาเป็น “ประธานสภาฯ” คนที่ 26 ต่อจากนี้ คิดให้ดี เพราะ “เผือกร้อน” กำลังรอท่านอยู่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่รอด! กกต. มีมติไม่รับ 3 คำร้อง พิธาถือหุ้นสื่อ แต่ข้อมูลเพียงพอเอาผิด ม.151
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุการถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ
เลขาฯกกต. ชี้ต้องรับรอง 'พิธา' เป็น ส.ส. ก่อนฟันคุณสมบัติ รู้อยู่ไม่มีสิทธิแต่ยังลงสมัคร
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลว่า เรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน
'อาจารย์ มข.' ซัด กกต. หยุมหยิม! สอบก้าวไกลชู 'ค้อนเคียว'
'นักวิชาการ มข.' ชี้ กกต.หยุมหยิมจุกจิกไป สอบก้าวไกลโพสต์รูป 'ค้อนเคียว' โวยกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยสะดุด กระทุ้งคนพ่ายแพ้ต้องยอมรับความจริง
‘อนุทิน’ ย้ำรักษามารยาท ไร้ดีลร่วมรัฐบาล
‘อนุทิน’ ยันไร้คนติดต่อดีลร่วมรัฐบาล รักษามารยาทให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้ง ย้ำ ภท. รอรับรอง ส.ส. เป็นทางการ ปัดวิจารณ์ กกต. ชี้ยังอยู่ในกรอบเวลา เมินให้ความเห็น ‘ทักษิณ’ กลับไทย
ป.ป.ช. แจง 'พิธา' ยื่นค้ำประกันหนี้-ถือหุ้นไอทีวีแล้ว
ป.ป.ช. เผย 'พิธา' ยื่นค้ำประกันหนี้เงินกู้แล้ว รอตรวจสอบเป็นหนี้ก้อนเดียวกันหรือไม่ ส่วนหุ้นไอทีวียื่นหลังเป็น ส.ส. ปี 62 ปัดตอบขาดคุณสมบัติ ชี้หน้าที่ กกต.
“ล้างคุก-ตั้งแท่นกม.” รอทักษิณ เช็กข้อมูลก่อนเหยียบไทย
ถึงวันนี้เส้นทางการเมืองของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ในการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคงไม่สดใสเหมือนช่วงแรกๆ ทำให้ “ดีลรัก” กับ “เพื่อไทย” กับอีก 7 พรรค ต้องย้ำด้วยคำพูดผ่านสื่อบ่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าเป็นเพียงการสร้างภาพยื้อกระแส “ด้อมส้ม” ไม่ให้ฟาดงวงฟาดงารายวัน