สเต็ปการเมืองหลังจากนี้นั่งนับนิ้วรอวันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง ส.ส.ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยเริ่มบรรเลงกระบวนการต่อไป โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือ คุณสมบัติ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในการเป็นนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.
จับสัญญาณเดินเกมการเมืองของ “พิธา” สวมบทเดินสายพบองค์กร ผู้ประกอบการ รับฟังปัญหาต่างๆ เมื่อได้เป็นนายกฯ จะได้เริ่มสางปัญหาได้ทันที ไม่เสียเวลาหาข้อมูลอีก อีกส่วนก็เป็นจิตวิทยาที่ทำให้ภาคส่วนเหล่านั้นรู้สึกดี มีความหวังด้วย
เรียกว่าฝ่ายหนึ่งเดินหน้าสร้างพวก สร้างเครือข่าย สร้างความชอบธรรม ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจ้องหาช่องสกัด “พิธา” ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ได้ จนเกิดเป็นความวุ่นวายที่เห็นอยู่ในปัจจุบันในประเด็นการถือครองหุ้นสื่อ ซึ่งกว่า กกต.จะชี้ว่าผิดหรือไม่ผิดจริง แล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ใช้เวลาอีกหลายเดือน
อย่างไรเสียขั้นตอนที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็ต้องเกิดขึ้นก่อน ประมาณเดือน ส.ค. หากนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ชื่อ “พิธา” สังคมคงเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นแน่นอน เพราะมีประชาชนผู้สนับสนุนเลือกเขาถึง 14 ล้านเสียง
สิ่งที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดการชุมนุมคงไม่ผิดจากนี้แน่ เมื่อถึงเวลานั้นผลจากที่ “พิธา” กระทำไว้ตอนนี้ เช่น การเดินสายขอบคุณกระชับความสัมพันธ์กับประชาชนตามจังหวัดต่างๆ การจับเข่าคุยกับภาคเอกชน จะเห็นผลทันที อย่างน้อยๆ วัยรุ่น วัยทำงาน ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของเขาก็จะต้องออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ “ทิม-พิธา”
ส่วนม็อบจะปลุกติดหรือไม่นั้นยากจะคาดเดา แต่ที่เป็นแก่นแท้คือ ด้อมส้ม “ส่วนใหญ่” เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ ไร้ผลประโยชน์แอบแฝงแน่นอน เหมือนผลการเลือกตั้งที่ทุกพรรคต่างยอมรับ ว่า คะแนนเสียงที่ “ก้าวไกล” ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ปราศจากการซื้อเสียง
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะเขาเคลื่อนไหวจากความคิด แตกต่างจากพวกรับงาน รับจ้างหัวละห้าร้อย หัวละพันมาชุมนุม พอถึงเวลาเลิกงานก็ขึ้นรถบัสกลับบ้าน
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ส.ว.ออกมาพูดถึงความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองอยู่เป็นระยะ ก่อนหน้านี้หากจำได้ “กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ” กล่าวว่า มีคนไทยจากทั่วทุกภาคผ่านเข้าเมืองหลวง และจะได้เห็นไทยฆ่าไทยกันเอง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล และ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. ออกมาส่งสัญญาณอีกครั้ง โดยเชื่อว่าหากกลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธาออกบนถนน จะมีมวลชนอีกกลุ่มออกมาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหากมีการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และตบท้ายเสนอเป็นตัวกลางเคลียร์ความขัดแย้ง เพื่อไม่ให้ประเทศติดหล่มกับวังวนเดิมๆ
สรุปแบบสั้นๆ ว่า เขาต้องการสื่อสารไปยังสังคม และกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่กำลังคิดกระทำการบางอย่างว่าทุกฝั่งทุกฝ่ายมีม็อบเป็นของตัวเอง ถ้าปลุกมวลชนสู้ อีกฝ่ายก็พร้อมสู้เช่นกัน ซึ่งหมายถึงม็อบชนม็อบเกิดบาดเจ็บ สูญเสีย และคงจะต้องจบลงด้วยการทำรัฐประหาร เพราะบ้านเมืองแตกแยก
และต้องเฝ้าติดตาม ส.ว.ที่ถือเป็นส่วนสำคัญหนึ่งที่จะทำให้เกิดม็อบหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าตัวเองเป็นโหวตเตอร์ในที่ประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ “พิธา” เป็นนายกฯ ฉะนั้น การเสนอตนเองเป็นตัวกลางคงจะไม่มีใครขานรับ เพราะ ส.ว.ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสร้างความขัดแย้ง
ต้องคอยติดตามว่านักการเมืองทั้งหลาย ส.ส. ส.ว. จะมีความจริงใจช่วยกันชักฟืนออกจากกองไฟมากน้อยเพียงใด หรือสุดท้ายจะเป็นเพียงลมปาก ทำตัวเป็นเงื่อนไข เข้าสำนวนขิงก็ราข่าก็แรง ไม่มีใครยอมใคร ก็จะนำประเทศกลับสู่วงจรอุบาทว์เกิดรัฐประหารจนได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตาระเบียบใหม่ กกต. สกัดฮั้วเลือก 'สว.'
เตรียมนับถอยหลังปิดฉากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดบทเฉพาะกาลที่จะหมดวาระลงในวันที่ 3 พ.ค. 2567 แต่จะยังคงรักษาการจนกว่าจะมีวุฒิสภาชุดใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง หากดูตามไทม์ไลน์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
จากวังสราญรมย์ถึงตึกไทยคู่ฟ้า “ทูตปู”เลขาฯส่วนตัวทักษิณ สู่ตัวเต็งรมว.ต่างปท.คนใหม่
ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้ารัฐบาล และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาแค่หนึ่งคืนก็เคาะออกมาแล้วว่าจะดัน ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตทีมงานหน้าห้อง นายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'
โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล
‘ช่อ’เมิน‘กกต.’ สกัด‘ออนไลน์’ เลือกตั้งสภาสูง
ดักทางก้าวหน้า-ก้าวไกลยึดสภาสูง กกต.ออกโรงเตือนหยุดชวนคนสมัคร สว.และกรอกคุณสมบัติ-จุดยืน เพื่อนำไปเผยแพร่ออนไลน์
'ธนาธร' หนาว! กกต. ขู่ฟัน จัดแคมเปญชวนสมัคร สว. ส่อผิดกฎหมาย
กกต. ออกโรงเตือน ยุติแคมเปญชวนคนสมัคร สว. ทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ ชี้เสี่ยงผิดกฎหมาย รวบรวมหลักฐานหากพบผิดฟันทันที
ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด'พรบ.ธ.ก.ส.' แจกเงินหมื่น‘ลูกผีลูกคน’อีกแล้ว
ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง นำทีมหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาแถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบหลักการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา