จับกระแส ก้าวไกล พท.พลิกกระดาน 'สลายขั้วการเมือง'

มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง สำหรับพรรคที่เรียกตัวเองว่า ฝั่งประชาธิปไตย ที่ไปๆ มาๆ แทนที่จะหลอมรวมพลังกันเป็นข้าวต้มมัด แต่กลับกลายเป็นนิยายน้ำเน่าหลังข่าว ตบจูบกันแทบจะไม่เว้นวันระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย

ไล่กันมาตั้งแต่สะบัดรัก ฉีก MOU 8 พรรคร่วม ประกาศถีบก้าวไกล ของ นพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขนาดถึงขั้นไม่ขอให้พรรคก้าวไกลมาโหวตนายกฯ เพราะเกรงว่าจะสร้างความไม่สบายใจ ระคายเคืองใจในฝั่ง สว.

แล้วสถานการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จนเจ้าของพรรคตัวจริง ทักษิณ ชินวัตร มีอันต้องฝันสลาย ที่ว่าจะกลับบ้านมาเลี้ยงหลานพังไม่เป็นท่า จนประกาศเลื่อนการเดินทางกลับในวันที่ 10 ส.ค. และเลียบๆ เคียงๆ มาได้แค่ร่วมงานวันเกิดเพื่อนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น

จนนำมาสู่จุดที่เรียกว่า วิกฤตศรัทธาต่ำสุดของพรรคเพื่อไทย จากสาวก แฟนคลับ หลังตั้งโต๊ะแถลงประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เป็นสารตั้งต้นจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ซึ่งประกอบด้วย สส.จากพรรคเพื่อไทย 141 คน พรรคภูมิใจไทย 71 คน พรรคประชาชาติ 9 คน พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคละ 2 คน พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 คน รวมแล้ว 228 เสียง

แต่สุดท้ายก็เหมือนเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งมโหฬารอีกครั้งของเพื่อไทย เพราะสิ่งที่ลงแรงไป แลกกับทำลายน้ำใจโหวตเตอร์ เหมือนจับเสือมือเปล่า เพราะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า เพื่อไทยจะคว้าเก้าอี้นายกฯ หรือ ต้องสูญเสียเก้าอี้ไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนั่นหมายถึง ทางหนึ่ง มีสัญญาณที่ไม่เป็นไปในทางบวกส่งถึงพรรคเพื่อไทย ในเรื่องจำนวนมือของ สว. เพราะเห็นอยู่ตำตาจาก บทเรียนของพิธา ในอดีต ตอนโหวตให้แกนนำจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคก้าวไกล คนที่มาโหวตให้พรรคก้าวไกลจริงๆ มีอยู่แค่ 13 คน แสดงให้เห็นว่า สว.มีระเบียบที่ไม่แตกแถวแน่นอน หากไม่ได้รับสัญญาณไฟเขียว จะได้ตัวเลขมหัศจรรย์เพิ่มขึ้นมาจากไหน

จึงทำให้ล่าสุด พรรคเพื่อไทยจึงต้องหัน 360 องศากลับมาเล่นบทเหยื่อ ขอคืนดีกับพรรคก้าวไกลอีกครั้ง

พร้อมเปิดเกมกระดานการเมืองใหม่ โดยชูธงสถานการณ์พิเศษ และสลายขั้วการเมือง ออกแถลงการณ์ดึง 6 พรรคร่วมรัฐบาล ลั่นเป็นสถานการณ์พิเศษที่ต้องสลายขั้วการเมือง

วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่, พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไหร่จะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว

การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศที่สำคัญอย่างสูงสุด

โดยกุนซือใหญ่เพื่อไทย "อ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นออกมาขอขมา คืนดีก้าวไกลกันผ่านสื่อกันเลย รวมถึง "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ก็ถึงขั้นเดินไปพรรคก้าวไกล

หากมองมาที่ฝั่งก้าวไกลนั้น ภายหลังเพื่อไทยพยายามพลิกไปสู่กระดานการเมืองหน้าใหม่ "ไอติม" พริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ออกมาระบุทันทีว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลพันธมิตร 8 พรรคการเมือง จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศดีที่สุด และผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ต้องการให้เปลี่ยนแปลง แต่ยังยืนยันพันธมิตร 8 พรรคคือคำตอบในสถานการณ์นี้ ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอด การตั้งรัฐบาลไม่ควรเป็นรูปแบบอื่น นอกจาก 8 พรรคที่เซ็น MOU ร่วมกัน

 “รัฐบาลที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด คือรัฐบาลที่เป็นไปตามผลการเลือกตั้ง เมื่อพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 และสามารถรวมเสียงกันได้มากกว่า ตั้งรัฐบาลด้วยเสถียรภาพ ซึ่งเป็นตามครรลองประชาธิปไตย ส่วนจะรอเพื่อไทยกลับมาง้อหรือไม่ คาดว่าสัปดาห์หน้าคณะเจรจาจะออกมาให้คำตอบ”

หากกวาดสายตาไปนอกเหนือขั้วการเมือง 2 พรรค มองไปยังความคิดเห็นของนักวิชาการด้อมส้ม ก็ออกมาเสนอความคิดเห็นในแต่ละสูตรประกอบการตัดสินใจ อาทิ ศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ตรงเป้าว่า ต้องอยู่บนเงื่อนไข ความสมเหตุสมผล หากจะยกมือโหวตให้เพื่อไทยเป็นหลัก

“ถ้าก้าวไกลจะโหวตให้เพื่อไทย ก็ต้องไม่วางอยู่บนเหตุผลว่าก้าวไกลต้องเสียสละ จะได้เป็นฮีโร่ แต่ต้องอยู่บนเหตุผลว่าประชาชนจะได้อะไร? ซึ่งหมายความว่าเพื่อไทยจะต้องทำอะไรด้วย จะต้องมีเงื่อนไขขั้นต่ำดังต่อไปนี้ 1.เพื่อไทยต้องประกาศอย่างเป็นทางการ ขอความกรุณาให้ก้าวไกลสนับสนุนแคนดิเดตของตน 2.เพื่อไทยต้องทำพันธสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรประกาศต่อประชาชนดังต่อไปนีั

 2.1. พท.จะโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายสำคัญๆ ที่ก้าวไกลผลักดันเข้าสู่สภาโดยไม่บิดพลิ้ว อาทิ กฎหมายที่มุ่งปฏิรูปอำนาจของกองทัพ (พ.ร.บ.ระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม, พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.), พ.ร.บ.เกณฑ์ทหาร, ยกเลิกกฎอัยการศึก), ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวไกล 2.2 พท.ต้องสัญญว่ารัฐบาลภายใต้การนำของตนต้องไม่มีพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติแน่ๆ

2.3. รบ.ของ พท.แม้จะมีภูมิใจไทย แต่จะไม่ให้ภูมิใจไทยคุมกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคม เพราะภูมิใจไทยล้มเหลวในการแก้ไขวิกฤตโควิด-ปัญหาสาธารณสุขไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และยังมีคดีทุจริตคอร์รัปชันในกระทรวงคมนาคมด้วย"

“ถ้าอยากได้โหวตจากก้าวไกล เพื่อไทยต้องยอมรับเงื่อนไขข้างต้นเป็นขั้นต่ำเท่านั้น ประชาชนจึงจะมีความมั่นใจขึ้นมาอีกสักนิดว่า การโหวตให้เพื่อไทยจะไม่ใช่เป็นการพายเรือให้โจรนั่งฟรีๆ โดยประชาชนไม่ได้อะไรเลย หากน้อยกว่านี้ก้าวไกลไม่จำเป็นต้องโหวตให้เพื่อไทยเลย เสียง สส.ของก้าวไกลมีจุดกำเนิดมาจากประชาชนที่สนับสนุนนโยบายที่ก้าวไกลเสนอข้างต้น ถ้าจะโหวตให้พรรคไหน ก็ต้องผูกมัดกับพันธกิจที่ก้าวไกลสัญญาไว้กับประชาชน ไม่ใช่นำเสียงของประชาชนไปใช้มั่วซั่ว แน่นอนว่าเราย่อมไม่สามารถวางใจได้ 100% ต่อผู้ที่เคยบิดพลิ้วมาแล้ว แต่หากไม่มีพันธสัญญาผูกมัดเพื่อไทยเลย ประชาชนก็เตรียมตัวผิดหวังได้ 100%”

นับได้ว่าสถานการณ์การเมืองนาทีนี้ ต้องจับตากันนาที ต่อนาที ในการชิงไหวชิงพริบเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะแต่ละพรรคต่างชั่งตวงผลประโยชน์ อย่างไม่ลดราวาศอก ซึ่งนับเป็นความสุ่มเสี่ยง ในกระดานการเมืองรอบนี้ จะซ้ำรอยสู่เดดล็อกอีกหรือไม่!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล

แฉเล่ห์ 'พท.' วางยาแก้ รธน. ล็อกคำถามประชามติครั้งแรก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พรรคเพื่อไทยจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่