เข็นแจก 'เงินดิจิทัล’ เศรษฐา ต้องออกแรงฝ่าอีกหลายด่าน

หลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาทต่อเดือน และมีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท โดยใช้แหล่งงบประมาณจากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน วงเงิน 500,000 ล้านบาทนั้น

ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงแหล่งที่มาของเงินที่ "กู้มาแจก" ว่าอาจขัดต่อหลักวินัยการเงินการคลัง ขัดกฎหมายอื่นๆ และยังถูกยกเปรียบเทียบว่าอาจซ้ำรอยเดิมกับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ

ทำให้การแจกเงินดิจิทัลฯ ในครั้งนี้ไม่ราบรื่นตั้งแต่เริ่ม โดยขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ต้องลุ้นกันว่าจะให้ออกเป็นกฎหมายได้หรือไม่ หรือจะสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ที่ได้กำหนดหลักการเกี่ยวกับวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้หน่วยงานของรัฐมีการรักษาวินัยการเงินการคลังและดำเนินนโยบายด้านการคลังตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้

แต่ก็กำหนดหลักการให้รัฐบาลสามารถตรากฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินได้ โดยการตรากฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 53 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทำได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน”

ขณะที่วรรคสองบัญญัติว่า “กฎหมายที่ตราขึ้นตามวรรคหนึ่ง ต้องระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้” และวรรคสาม บัญญัติว่า “เงินที่ได้รับจากการกู้เงินตามวรรคหนึ่ง ให้กระทรวงการคลังเก็บรักษาไว้เพื่อให้หน่วยงานของรัฐเบิกไปใช้จ่ายตามแผนงานหรือโครงการตามที่กฎหมายกำหนดได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น”

ซึ่งจากข้างต้นนี้ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้นายเศรษฐามั่นใจว่าจะไม่ขัดต่อวินัยการเงินการคลัง เพราะมองว่า “เราอยู่ในวิกฤตที่ต้องการการกระตุ้น" เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีของประเทศแค่ 1.9% ต่อปี เราไม่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ประเทศอื่นโตกว่าเรา 2 เท่า พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลทำถูกต้องทั้งหมด และทางคณะกรรมการกฤษฎีกาคงจะให้ข้อคิดเห็นในเชิงที่เป็นบวก และจะสามารถทำโครงการนี้ได้

อย่างไรก็ตาม หากผ่านด่านของกฤษฎีกาและผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังมีด่านการพิจารณาของสภาที่ต้องจับตาเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนายเศรษฐามั่นใจว่า 320 เสียงพรรคร่วมจะให้การสนับสนุนจนผ่านไปได้เช่นกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ลืมด้วยว่า แม้จะผ่านสภาแล้ว แต่ยังต้องระวังอีกด่านสำคัญคือ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ในกรณีมีการยื่นตีความว่าจะมีความผิดมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ ซึ่งล่าสุดแม้ยังไปไม่ถึงในขั้นตอนนั้น แต่ก็มีนักร้องออกมาเคลื่อนไหวแล้ว อย่าง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาลวินิจฉัยว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตส่อขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 140 ประกอบ พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 หรือไม่ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากหลายฝ่ายที่โถมเข้ามาทุกวัน โดยเฉพาะจากพรรคก้าวไกล ที่ไล่บี้นายเศรษฐาแจงว่ามีวิกฤตที่จำเป็นถึงขั้นต้องกู้เงินมาแจกคืออะไร พร้อมให้เปิดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงมีเสียงติงที่น่าสนใจจาก นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มองว่าการกู้มาแจกนั้นขัดต่อวินัยการเงินการคลังอย่างให้อภัยไม่ได้

โดยนายกรณ์ยังยกกรณีรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยคิดจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน ในช่วงที่เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบ ส่งผลให้รายรับรัฐบาลต่ำกว่าประมาณการสูง จึงจำเป็นต้องกู้นอกงบประมาณมาเติมเต็มอย่างเร่งด่วน แต่ตอนนั้นได้มีการเสนอให้ออกเป็น พ.ร.ก.เร่งด่วนแทน จำนวน 4 แสนล้านบาท และอีก 4 แสนล้านบาท จะออกเป็น พ.ร.บ. แต่หลังจากได้ใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.แล้ว ปรากฏเศรษฐกิจดีขึ้นมาก รายได้รัฐบาลฟื้นตัว สุดท้ายก็ไม่ต้องออก พ.ร.บ.กู้เงิน และทั้งหมดเพราะ พ.ร.ก.มีไว้ในกรณีฉุกเฉินจำเป็น แต่การกู้จาก พ.ร.บ.นั้นไม่ควรทำ เพราะอาจขัดต่อหนี้สาธารณะได้

ทั้งนี้ แม้จะมีกระแสรอบด้านในเส้นทางของดิจิทัลวอลเล็ต แต่ “รัฐบาลเศรษฐา” ต้องเดินต่อ ดันนโยบายนี้ที่เคยหาเสียงไว้ให้สุดทาง แม้ปลายทางอาจต้องเจอทางตันก็ตาม.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บุ้ง ทะลุวัง' สังเวยการเมือง บีบรัฐบาลเพื่อไทยเร่งคลี่คลายสถานการณ์

การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์ หรือ บุ้ง ทะลุวัง จากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ระหว่างถูกคุมขังที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

นายกฯ เผย 'มาครง' ปิ๊งไอเดีย ช่วงเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกขอ 'ฮามาส - อิสราเอล' หยุดยิง

นายกฯ เผย 'มาครง' ปิ๊งไอเดีย ช่วงเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเดือน ก.ค. ขอ 'ฮามาส - อิสราเอล' หยุดยิง เชื่อกีฬาลดความขัดแย้งได้

นายกฯ เผย 'มาครง' ยินดีหนุนให้เกิดความสงบใน 'เมียนมา'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยกับ นายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงความคืบหน้าสถานการณ์ในเมียนมา

'เศรษฐา' ปลื้ม 'มาครง' หนุนสานต่อสัญญาการค้า ตั้งกรุ๊ป Whatapp ร่วม 'ฮุน มาเน็ต' ไว้หารือ

'เศรษฐา' เยือนฝรั่งเศส เผยเวลาน้อยแต่คุ้ม บอก 'มาครง' พร้อมหนุนสานต่อสัญญา การค้า-ท่องเที่ยว- EV-พลังงานสะอาด ช่วยอัปเกรดกองทัพไทยภายใน 10 ปี ยกฝรั่งเศสเป็นแม่แบบพลังงานสะอาดนำใช้ในไทย ปลื้มสตรีหมายเลข 1 สวมชุดแดงทักทาย แย้มแลกเบอร์โทรพร้อมตั้งกรุ๊ป Whatapp ร่วม 'ฮุน มาเน็ต' ไว้หารือ

ทวงสัญญารัฐบาลเพื่อไทย แก้กม.-ปล่อยตัวนักโทษม.112

การต่อสู้ของ “เนติพร เสน่ห์สังคม” หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ได้สิ้นสุดลง เพราะเธอจากไปขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ด้วยอาการหัวใจวาย เนื่องมาจากอดข้าวอดน้ำประท้วง เรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิในการประกันตัว และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม