
ในระหว่างที่ทีมของไทยกำลังเข้าคิวเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐ กระทรวง ทบวง กรมของไทยต้องทำตารางข้อมูลเพื่อนำเสนอว่ามีสินค้า หรือโครงการใดที่ไทยกำลังจัดหาจากสหรัฐ เพื่อให้เห็นภาพมูลค่าดุลการค้าสหรัฐ เป็นตัวช่วยในการเจรจาผ่อนปรนมาตรการกดดันทางภาษี
โดย ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม ออกมาระบุว่า “ขอให้มีความชัดเจนในเรื่องข้อต่อรอง และจำเป็นต้องทำอะไร รวมทั้งสิ่งใดที่เราทำแล้วได้ประโยชน์กับประเทศ ไม่กระทบกระเทือนกับแผนปฏิรูปแห่งชาติของกระทรวงกลาโหม”
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยรับงบประมาณที่มีมูลค่าการจัดหายุทโธปกรณ์จากสหรัฐอยู่ระดับหนึ่ง แม้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับในอดีต เพราะถูกปรับลดงบประมาณในการซื้ออาวุธ เพื่อนำเงินไปแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศ และในช่วงโควิดมีวงเงินงบฯ “ตกน้ำ” ในการตัดงบฯ ของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อไปใช้ช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนไม่น้อย
เหล่าทัพใช้แนวทางในการพิจารณาความเหมาะสมหลายด้าน โดยเฉพาะภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว หากวงเงินสูงจนเกินไปจะกระทบต่อการพัฒนากำลังรบในมิติอื่นๆ
แต่การรวบรวมข้อมูลก็ทำให้เห็นภาพที่จะไปนำเสนอได้อย่างชัดเจนขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นโครงการที่ตั้งงบฯ ใหม่ในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 แล้ว มีโครงการที่เหล่าทัพยังคงต้องจ่ายเงินงวดในปีงบประมาณผูกพันโครงการที่อนุมัติไปแล้วในปีก่อน รวมถึงโครงการที่กำลังจัดหา ตามแผนงบประมาณปี 2568 ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาไปแล้ว
โดยเฉพาะในโครงการตั้งต้นใหม่ที่ ครม.จะพิจารณารับทราบการรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ในการประชุม ครม.สัญจร จากนั้นวันที่ 28-30 พ.ค. จะประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ พิจารณารับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ วาระที่ 1 และวันที่ 13-15 ส.ค. พิจารณารายมาตรา ในวาระที่ 2 และพิจารณาในวาระที่ 3 จากนั้นส่งให้วุฒิสภา คาดว่าใช้เวลาแค่ 1-2 วัน โดยต้นเดือน ก.ย. ส่งให้สำนักงานเลขาธิการ ครม.นำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ขึ้นทูลเกล้าฯ
ในส่วนของกองทัพบก (ทบ.) น่าจะมีความเป็นไปได้ที่สุดเพราะอยู่ในแผนอยู่แล้ว เนื่องจาก มีแผนการจัดหายานเกราะล้อยางสไตรเกอร์ (Stryker) เพิ่มเติมให้กับกรมทหารราบที่ 111 หลังจากที่มีการจัดซื้อบรรจุให้เต็มอัตรา 1 กรมทหารราบ คือ กรมทหารราบที่ 112 จำนวน 3 กองพันเรียบร้อยแล้ว และจะมีการส่งมอบล็อตสุดท้ายในเดือน ต.ค.นี้
นอกจากนั้น ทบ.ยังมีแผนการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีทดแทน และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดใหญ่ โดยทั้งสองโครงการมีคอบร้ากับชีนุกมือสองของสหรัฐอยู่ในลิสต์ด้วย แต่จะมีงบประมาณเพียงพอสองโครงการหลังหรือไม่ต้องรอดูจากร่างกฎหมายที่จะไปจัดทำ
ขณะที่กองทัพอากาศ (ทอ.) ในงบประมาณปี 2569 ยังไม่มีโครงการตั้งต้นที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่จะมีรายการงบประมาณผูกพันปีที่ 2 ของเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ทดแทน ซึ่งกองทัพอากาศได้เลือกกริพเพนจากสวีเดนไว้แล้ว รอการอนุมัติแบบจาก ครม. ขณะนี้อยู่ในช่วงการลงรายเอียดการเจรจาเรื่อง Offset กับทางสวีเดน เพื่อเตรียมลงนามในช่วงปลายเดือน มิ.ย.หรือต้นเดือน ก.ค.นี้
ท่ามกลางกระแสข่าวว่าสหรัฐอาจจะผลักดันข้อเสนอในการขายเอฟ-16 ให้เราอีกครั้ง หลังจากที่พยายามเสนอโครงการเงินกู้เพื่อซื้ออาวุธให้กับมิตรประเทศ รวมไปถึงการให้ Link16 ในการอัปเกรด F-16 ฝูงบิน 403 จำนวน 18 เครื่อง แต่ดูเหมือนจะค่อนข้างยาก เพราะกรอบงบฯ ปี 2568 ที่ได้กำหนดไว้อาจไม่เพียงพอกับการซื้อเอฟ-16 ยกเว้นการจัดงบฯ เพิ่มเติมในส่วนของรัฐบาล ซึ่งในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดทางด้านเศรษฐกิจยิ่งเป็นไปได้ยาก
ทางด้านกองทัพเรือ (ทร.) สำนักงบประมาณตอบคำของบประมาณ ทร.ในการจัดหาเรือฟริเกตได้เพียง 1 ลำ วงเงิน 1.75 หมื่นล้าน จากที่ขอไป 2 ลำ ภายใต้แนวทางการจัดหาที่ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามกรอบของ offset policy ท่ามกลางความเคลื่อนไหวว่าสหรัฐมีข้อเสนอในการขายเรือฟริเกตขนาดใหญ่ ชั้นโอลิเวอร์ ฮาซาร์ด เพอร์รี อายุใช้งาน 15 ปี
ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้ยากเช่นกัน เพราะต้องเสียงบประมาณในการปรับสภาพการใช้งานจำนวนมหาศาล เหมือนเช่นที่เราเคยเจอปัญหาในช่วงที่ไทยรับเรือพุทธฯ 1 และพุทธฯ 2 (รล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก-รล.พุทธเลิศหล้านภาลัย) ซึ่งต้องพึ่งพาด้านการซ่อมบำรุงและอะไหล่จากสหรัฐเท่านั้น
ส่วนแผนการจัดหาอากาศยานประจำเรือในภารกิจปราบเรือดำน้ำ ตามสมุดปกขาวกองทัพเรือ คาดว่ายังต้องชะลอการตั้งงบฯ ไปก่อน แม้ตัวเลือกอย่าง S-70i จะสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่จากงบประมาณที่ต้องใช้ในการจัดหาเรือฟริเกตให้ครบ 8 ลำ และยังมีโครงการ “เรือดำน้ำ” ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เม็ดเงินเพื่อเริ่มโครงการใหม่ๆ ในปีนี้จึงน่าจะเป็นไปได้ยาก
เมื่อดูจากสถานการณ์งบประมาณ ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า การเพิ่มดุลการค้าให้สหรัฐด้วยเงื่อนไขการซื้ออาวุธ คงตอบคำถามกับสาธารณชนได้ยาก เพราะแค่เหล่าทัพดำรงสภาวะความพร้อมรบขั้นต่ำก็ดูจะยากเย็นแสนเข็ญเต็มที และถ้าจะให้เพิ่มเติมโครงการนอกแผน หรือปรับแผนใหม่ ก็ต้องอยู่ภายใต้งบฯ ที่รัฐบาลต้องเข้ามาอุดหนุนถึงจะเกิดขึ้นได้
ที่สำคัญคือ การวางน้ำหนักใน “สงครามการค้า” ที่พยายามดึงประเทศเล็กไปเป็นพวกตัวเอง ทำให้การซื้ออาวุธเป็นเรื่องเชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกจับตามอง รัฐบาลก็คงระมัดระวังในการวางน้ำหนักหว่างเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคงมากขึ้นกว่าเดิมด้วย...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตสว.สมชาย เปิด 10 ข้อสังเกต นายกฯอิ๊งค์ไปอังกฤษ ชี้หากสื่อตรวจสอบจะพบความจริง
นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ตั้งข้อสังเกตภารกิจเยือนต่างประเทศของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปประเทศอังกฤษว่า ข่าวแจกvsข่าวเจาะ #ภารกิจนายกจริงหรือ
ดับฝันยิ่งลักษณ์! ขายข้าว 18.9 ล้านตัน ไม่เข้าเงื่อนไขรื้อคดีใหม่
'ทนายเชาว์' สยบกระแสรื้อคดีจำนำข้าว ชี้คำพิพากษาศาลสูงสุดถึงที่สุดแล้ว ตอกกลับ 'นรวิชญ์–ภูมิธรรม' แค่สร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็น
'อิ๊งค์' ปลื้ม 'เมี่ยงคำ' เมนูฮิต ยกระดับ Thai SELECT ดันอาหารไทยสู่เวทีโลก
นายกฯ มอบประกาศนียบัตรรับรองร้านอาหารไทย ยกระดับตรา Thai SELECT ติดดาวเทียบชั้นมิชลิน ร่วมกิจกรรมสาธิต 'เมี่ยงคำ' เมนูสุดฮิตในอังกฤษ
ชำแหละ! 'อิ๊งค์' ทัวร์อังกฤษ ในฐานะอะไร
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "อุ๊งอิ๊ง ไปอังกฤษ ในฐานะใด" โดยระบุว่า
รุมโต้แทน‘อิ๊งค์’ ทัวร์‘ลอนดอน’ ทำงานเพื่อปชช.
"อิ๊งค์" ทัวร์ห้างค้าปลีกใหญ่ลอนดอน เยี่ยมชมสินค้าไทย หนุนซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร
บิ๊กอ้วนไม่ฟันธงมีรปห.อีก ‘โรม’เขย่า‘งูเห่า’เลวทราม
“ภูมิธรรม” ไม่ฟันธงรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ปากหวานที่ผ่านมาทหารมองว่าสังคมมีปัญหาไร้ทางออก