'สว.สีน้ำเงิน'งัดข้อกม.สู้คดีฮั้ว ท้าทายอำนาจ'กกต.-ดีเอสไอ'

ข้อกล่าวหาการ “ฮั้ว” เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 ได้กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่สะท้อนถึงความท้าทายในกระบวนการตรวจสอบความสุจริตของกระบวนการเลือกฝ่ายนิติบัญญัติของไทย

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียก สว.ล็อตแรกจำนวน 55 ราย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงในวันที่ 19-21 พ.ค.2568 โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวอ้างถึงการกระทำที่อาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 70, 36, 77(1) และ 62 ซึ่งครอบคลุมพฤติกรรมการสมคบกันเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง สว.อย่างไม่สุจริต รวมถึงข้อหาที่หนักหน่วงอย่างการซื้อเสียง

จากการติดตามความเคลื่อนไหว สว.ที่ถูกหมายเรียก เช่น อลงกต วรกี, พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และมงคล สุระสัจจะ ได้แสดงท่าทีพร้อมชี้แจงต่อ กกต. โดยยืนยันว่า ไม่มีความกังวลใจและพร้อมต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง กลยุทธ์ทางกฎหมายที่ สว.เหล่านี้ใช้ในชั้นรับทราบข้อกล่าวหามีดังนี้

สว.หลายราย เช่น อลงกต ได้ตั้งคำถามถึงอำนาจของดีเอสไอ ในการเข้ามาร่วมสอบสวนคดีนี้ โดยระบุว่า การตรวจสอบการเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ดีเอสไอซึ่งมีหน้าที่สอบสวนคดีพิเศษ เช่น การฟอกเงินหรืออาชญากรรมข้ามชาติ อาจไม่มีอำนาจโดยตรงในกรณีนี้

การโต้แย้งในประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่า สว.พยายามจำกัดขอบเขตการสอบสวนให้อยู่ภายใต้การกำกับของ กกต.เท่านั้น เพื่อลดแรงกดดันจากหน่วยงานอื่นที่อาจมีเป้าหมายทางการเมืองการยืนยันความสุจริตตามกระบวนการเลือกตั้ง

ด้าน พล.อ.เกรียงไกร เน้นย้ำว่า การได้มาซึ่งตำแหน่งของตนเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่ กกต.กำหนด โดยระบุว่า จะต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงและหลักฐานที่แสดงถึงความโปร่งใสในการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567

การยืนยันนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตำแหน่ง สว. และท้าทายให้ กกต.นำเสนอหลักฐานที่ชัดเจนถึงการกระทำผิด

สว.บางราย เช่น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า หมายเรียกของ กกต.และดีเอสไอ “เลื่อนลอย” และขาดรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา เช่น การระบุว่า “โพยฮั้ว” หรือการสมคบกันเกิดขึ้นเมื่อใด อย่างไร และเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง

การทักท้วงนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อบีบให้ กกต.ต้องเปิดเผยหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งหากหลักฐานไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่การยกฟ้องในชั้นศาล ซึ่งเอกสารหมายเรียกของ กกต.ระบุว่า สว.มีสิทธิ์นำทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงได้ และสามารถยื่นพยานหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา สว.ส่วนใหญ่แสดงเจตจำนงที่จะใช้สิทธิ์นี้อย่างเต็มที่ 

ข้อกล่าวหาการฮั้วเลือก สว.มักอ้างถึง “โพยฮั้ว” ซึ่งเป็นเอกสารหรือข้อมูลที่ชี้ว่ามีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อลงคะแนนให้กันและกันอย่างเป็นระบบ สว.อาจโต้แย้งว่าโพยดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานที่เพียงพอตามกฎหมาย เพราะขาดการพิสูจน์ถึงเจตนาการสมคบกัน หรืออาจเป็นเพียงการวิเคราะห์ผลคะแนนย้อนหลังที่ไม่สะท้อนพฤติกรรมที่แท้จริง

นอกจากนี้ หากโพยดังกล่าวได้มาจากวิธีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น การดักฟังหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว สว.สามารถยื่นคำร้องให้ศาลยกเลิกการใช้หลักฐานดังกล่าวได้

มาตรา 77 (1) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ระบุถึงการห้าม “สัญญาว่าจะให้” หรือให้ผลประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนคะแนน สว.อาจโต้แย้งว่าการตีความข้อนี้คลุมเครือ และการที่ กกต.อ้างถึงการสัญญาว่าจะให้โดยไม่มีหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ชัดเจน อาจไม่เพียงพอต่อการลงโทษ การตั้งคำถามถึงการตีความกฎหมายนี้จะเป็นประเด็นสำคัญในชั้นศาล การยื่นคัดค้านกระบวนการสอบสวนของ กกต.

สว.อาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการสอบสวน โดยเฉพาะการที่ กกต.มอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ซึ่งมีดีเอสไอและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมเป็นคณะกรรมการ สว.อาจอ้างว่าการรวมหน่วยงานอื่นที่อยู่นอกอำนาจของ กกต.เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตตาม พ.ร.ป. สว. ซึ่งอาจนำไปสู่การยกเลิกหมายเรียกหรือผลการสอบสวนทั้งหมด

สว.บางราย เช่น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ได้แสดงท่าทีว่าจะรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับหน่วยงานหรือบุคคลที่ทำให้ สว.เสียหาย โดยเฉพาะกรณีที่มองว่าดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่โดยไม่โปร่งใสหรือละเมิดสิทธิ เช่น การสอบสวนพยานในจังหวัดอำนาจเจริญที่สร้างความเดือดร้อนให้ สว. การยื่นฟ้องกลับนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องตนเอง แต่ยังเป็นการกดดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบมากขึ้น

การต่อสู้ทางกฎหมายของ สว.ในคดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ยังสะท้อนถึงความขัดแย้งทางการเมืองที่ซ่อนอยู่ในกระบวนการเลือก สว. ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ การที่ สว.กลุ่มใหญ่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “สว.สีน้ำเงิน” และเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองบางพรรค ทำให้คดีนี้ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองเพื่อล้างบางกลุ่มอำนาจในวุฒิสภา

อย่างไรก็ตาม การที่ สว.เลือกใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายที่รัดกุม เช่น การท้าทายอำนาจของดีเอสไอ การตั้งคำถามถึงหลักฐาน และการยืนยันความสุจริต แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะรักษาความชอบธรรมของตนเองในสายตาสาธารณชน

ในทางปฏิบัติการต่อสู้คดีของ สว.จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการนำเสนอหลักฐานที่หนักแน่นและการตีความกฎหมายที่แม่นยำ หาก กกต.ไม่สามารถนำเสนอหลักฐานที่ชัดเจนถึงการสมคบกันหรือการซื้อเสียงได้ คดีนี้อาจกลายเป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยที่ไม่สามารถนำไปสู่การลงโทษได้

ในทางกลับกัน หากมีหลักฐานใหม่ เช่น เอกสารการเงินหรือคำให้การจากพยานที่ชี้ชัดถึงการฮั้ว สว.อาจเผชิญความเสี่ยงที่ตำแหน่งของตนจะถูกเพิกถอน

สุดท้ายนี้ศึกงัดข้อกฎหมายในคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาตำแหน่งของ สว. แต่ยังเป็นบททดสอบความเข้มแข็งของกระบวนการตรวจสอบการเลือกตั้งของไทย ที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความโปร่งใสและความเป็นธรรมในทุกขั้นตอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกมยาวเขตแดน"ไทย-กัมพูชา" ยุคผู้นำ"หลังไมค์"หลังพิงกองทัพ

พล.อ.ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พร้อมภาพที่ตนเองใส่เครื่องแบบชุดลายพรางสนาม นั่งแถลงข่าว เล่าถึงภารกิจของตนเองที่เดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมทหารในพื้นที่ ณ จุดปะทะใกล้แนวต้นพญาสัตบรรณ พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี พร้อมเปิดประเด็นเรื่องการนำประเด็น 3 ปราสาท 1 พื้นที่ช่องบกยื่นต่อศาลโลกให้ชี้ขาด

ถึงคิว '2 บิ๊ก น.' ภูมิใจไทย พ่วง กก.บห. แจง กกต. คดี 'ฮั้ว สว.'

กกต. ร่อนหมายเรียกแกนนำ 'ภท.' แจงคดีฮั้ว สว. 'เนวิน-อนุทิน' โดนด้วย 'ชาดา' รับกรรมการบริหารพรรคหลายคนได้รับแล้ว พร้อมแก้ข้อกล่าวหา

10-16-23-18 ถอดรหัสตัวเลข-กลุ่มการเมือง จากปชป.ถึง"รทสช.-เพื่อนเฮ้ง"

น่าสนใจไม่น้อยกับการเคลื่อนไหวของ กลุ่มเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังคงเคลื่อนไหวการเมืองต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนัดรวมพล-รวมตัว สส.และแกนนำ รทสช.หลายนัดติดต่อกัน

ภาพลักษณ์ติดลบสอบตกชายแดน 'พท.-ภท.'ขาสั่นปรับ ครม.

สงครามประสาทระหว่างทางการกัมพูชา นำโดย 2 พ่อลูก "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต" ที่เปิดฉากใส่ประเทศไทย อันนำมาสู่สถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาหลายวันเริ่มคลี่คลาย

ศาลไม่อนุญาตประกันตัว แอดมินเว็บพนันเครือข่ายแม่มนต์

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ควบคุมตัวนายชัยสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) หัวหน้าแอดมินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “แม่มนต์” ไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญารัชดา พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา