'คมนาคม' เร่งทางคู่สายอีสานลุ้นเปิดใช้ช่วง 'มาบกะเบา-คลองขนานจิตร'ปี 66

“คมนาคม”ตรวจงานโครงการรถไฟทางคู่สาย “ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ”โชว์สัญญาที่1 ช่วง “มาบกะเบา-คลองขนานจิตร” ปักหมุดเปิดให้บริการปี66 หนุนขนส่งภาคอีสานคาดช่วงแรกผู้โดยสารใช้บริการ3.3หมื่นคน/วัน

20 ก.พ. 2566 – นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร (กม.) 19 สถานี วงเงินลงทุน 27,453.80 ล้านบาท แบ่งงานโยธาเป็น 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา – คลองขนานจิตร ระยะทาง 58 กม.ผู้รับจ้าง คือ บริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ (ITD)คืบหน้า 95.72 วงเงินลงทุน 7,560 ล้านบาท, สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร – ชุมทางถนนจิระระยะทาง 69 กม.วงเงินลงทุน 7,060.58 ล้านบาท

ส่วนสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์วงเงินลงทุน 9,290 ล้านบาท ผู้รับจ้าง คือ กิจการร่วมค้าไอทีดี-อาร์ที คืบหน้า 94.967% ช้ากว่าแผน 5.033% ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะก่อสร้างสัญญาที่ 1 และ 3 แล้วเสร็จในปี 2566 และสัญญาที่ 2 อยู่ระหว่างเปรียบเทียบแนวเส้นทางการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-MAP)

ขณะที่ความคืบหน้าของงานอุโมงค์ ทั้ง3 อุโมงค์ ดังนี้ 1 อุโมงค์คู่ ทางเดี่ยว ความยาว 5.20 กม. ตั้งอยู่ระหว่างสถานีมาบกะเบา สถานีผาเสด็จและสถานีหินลับ มีความคืบหน้า 97.60 คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นเดือน มี.ค. 2566 อุโมงค์ที่ 2 อุโมงค์เดี่ยว ทางคู่ ความยาว 0.65 กม. ตั้งอยู่ระหว่างสถานีหินลับและสถานีมวกเหล็กมีความคืบหน้า 100%อุโมงค์ที่ และ3 อุโมงค์คู่ ทางเดี่ยว ความยาว 1.40 กม. ตั้งอยู่ระหว่างสถานีคลองขนานจิตรและสถานีคลองไผ่ มีความคืบหน้า 100%

ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่33,336 คนต่อวัน ในปี 2557 เพิ่มเป็น 78,395 คนต่อวัน ในปี 2577ผลการคาดการณ์ปริมาณขนส่งสินค้า 12,884 ตันต่อวันในปี 2557 เพิ่มเป็น 29,841 ตันต่อวันในปี 2577อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 19.40% อัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) เท่ากับ 8.33%

สำหรับโครงการดังกล่าวถือเป็นไฮไลต์มีทางรถไฟยกระดับที่สูงที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ โดยอยู่บริเวณมาบกะเบา-กลางดง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ระยะทางประมาณ 5 กม. โดยทางรถไฟยกระดับ มีความกว้างด้านบน 10.2 เมตร มีความสูงของโครงสร้างจากระดับพื้นดินถึงระดับสันรางอยู่ที่ 40-50 เมตร สาเหตุที่ต้องยกระดับนั้น เนื่องจากระดับดินเดิมของพื้นที่จากมาบกะเบาถึงกลางดงแตกต่างกันมาก

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ถือเป็นรถไฟทางคู่สายสำคัญ ที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย โดยเมื่อสร้างเสร็จจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางและขนส่งในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟเพื่อการเดินทางและขนส่งสินค้ามากขึ้น รวมถึงยังช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่งของประเทศ

นอกจากนี้ยังช่วยกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ทั้งด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม และส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนช่วยเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมและระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่โครงการกับระดับภูมิภาค และต่อเนื่องไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ยังได้ปรับปรุงจุดตัดทางรถไฟตลอดแนวเส้นทางโครงการเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยให้ประชาชนที่สัญจรผ่านจุดตัดทางรถไฟอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคำวินิจฉัย ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย ชี้ความเป็นรมต. 'ศักดิ์สยาม' ไม่สิ้นสุดลง

จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 เสียง ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5)

ภูมิใจไทยรอด! 'นักวิชาการ' ชี้เป็นความผิดส่วนบุคคล ส่วนเงินบริจาคไม่ผิดกฎหมาย

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นต่อโอกาสยุบพรรคภูมิใจไทย จากความผิดของเลขาธิการพรรคว่า

ซ้ำอีกดอก! 'พี่ศรี' จ่อร้อง กกต.กรณี ซุกหุ้น 'ศักดิ์สยาม-ภูมิใจไทย' ต้องถึงยุบพรรคหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รม

อนุกกต.เรียกหจก. บุรีเจริญ แจงบริจาคเงินเข้าภูมิใจไทย

ผู้สี่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อเดือนมี.ค. 66 ก่อนการเลือกตั้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างเหตุว่า นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มีพฤติการณ์เป็นนอมินีถือหุ้นในหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นแทนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​คมนาคม และทั้งนายศุภวัฒน์ หจก. บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ จำกัด ได้มีการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ปี 2561-2565 รวมจำนวนหลาย 10 ล้านบาท เงินบริจาคดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 นั้น