“คลัง” ปักหมุดปรับโครงสร้างภาษี เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ หลังรัฐบาลลุยกู้ 1.5 ล้านล้านบาทสู้โควิด-19 ดึงเทคโนโลยีเสริมทัพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านโมเดล BCG เดินหน้าศึกษาแนวทางรีดภาษีความเค็ม แก้ปมสุขภาพคนไทยหลังพบบริโภคโซเดี้ยมสูง
22 ธ.ค. 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาออนไลน์ “ยุทธศาสตร์สรรพสามิต ภารกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ NEXT NORMAL” ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลได้มีการใช้มาตรการทางการคลังเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการกู้เงิน วงเงินรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการเหมือนกับทุกรัฐบาลทั่วโลก ขณะเดียวกันนโยบายการเงินอีกด้านก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย ทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงิน การให้สินเชื่อ และการปรับโครงสร้างหนี้ในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ภาครัฐมีการใช้จ่ายเงินนอกเหนือจากการใช้จ่ายประจำปีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งกลับมาพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ส่วนหนึ่งเพื่อนำมาชำระหนี้เงินกู้ที่นำมาใช้จ่ายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมาตรการหนึ่ง คือการลดหย่อนภาษี ซึ่งช่วยให้ภาคธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผ่าน 3 แนวทางหลัก คือ 1. การดึงเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน โดยล่าสุดมีบริการใหม่ Digital Supplychain Financeที่จะเข้ามาช่วยในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้ซื้อรายใหญ่ และระบบสถาบันการเงินทั้งหมด รวมถึงระบบภาษีต่าง ๆ จะมีส่วนส่งเสริมให้มีการใช้ดิจิทัลให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าและบริการของภาคเอกชน ส่วนสิ่งที่จะเห็นในอนาคตและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้า คือ การส่งเสริมสตาร์ทอัพ ผ่านมาตรการด้านภาษี
2. การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ เรื่องนี้ระบบภาษีจะเข้ามาช่วยทั้งการส่งเสริมและไม่ส่งเสริม โดยในส่วนของการส่งเสริม คือการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่ง อุตสาหกรรมและบริการ ขณะเดียวกันต้องไม่ส่งเสริมผู้ใช้พลังงานสิ้นเปลือง เปลี่ยนระบบรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาใช้ไฟฟ้าแทน และ3. การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคที่สำคัญสำหรับคนไทย ส่วนหนึ่งดำเนินการผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิตไปแล้ว คือ ภาษีความหวาน และสิ่งที่จะตามมาในอนาคต คือ การจัดเก็บภาษีความเค็ม เนื่องจากพบว่าอัตราการบริโภคโซเดี้ยมของคนไทยค่อนข้างสูง ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงสำคัญอย่าง ความดันโลหิตสูง และไตวาย ส่วนเรื่องที่ไม่ส่งเสริม คือ สินค้าที่ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ ทั้งแอลกอฮอล์และยาสูบ โดยจะมีการปรับโครงสร้างภาษีให้มีความเป็นธรรม และลดการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนลง
“การจัดเก็บภาษีจากความเค็มนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาของกรมสรรพสามิต ซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกันโรคสำหรับคนไทย” นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวอีกว่า ภาพรวมการระบาดของโควิด-19 ในไทยเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะมีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามา แต่ก็ยังมองในทางบวกว่า ระบบสาธารณสุขของไทยยังมีความรอบคอบ มีมาตรการเข้มงวด และได้รับความร่วมมือจากประชาชน ภาคธุรกิจและทุกภาคส่วน ช่วยทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากรัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ กลับมาคึกคักมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีกับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในระยะต่อไป โดยที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ปี 2564-2568 เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินมาตรการด้านภาษีและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภายใต้บริบทการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านโมเดล BCG ซึ่งส่วนหนึ่งคือการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืน
“คาดหวังว่าปี 2565 ทุกคนคงไม่อยากเห็นภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ทุกคนมองถึงโอกาสที่ดี และในทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอดังนั้นประเทศไทยต้องก้าวตามให้ทันเทคโนโลยี ซึ่งกรมสรรพสามิตมีบทบาททั้งการส่งเสริมและไม่ส่งเสริมบางเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์กับสังคมและสุขภาพประชาชน” นายอาคม กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ท้ารัฐบาลทำโพล ถามปชช. ต้องการเงินสดหรือ 'เงินดิจิทัล'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประชาชนต้องการเงินสดหรือเงินดิจิทัล
'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไปไม่รอดแน่! คิดล้วงเงิน ธ.ก.ส. อ่านกฎหมายให้แตกก่อน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ดิจิทัลวอลเล็ตไปไม่รอด" โดยระบุว่า
นายกฯ ถกประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งให้ไทยเป็นฮับตลาดทุนในภูมิภาค
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เพื่อก้าวสู่อันดับ 1 ของภูมิภาค
โถ! อ้างเลื่อนแจกเงินดิจิทัล เหตุมีคนดักตีหัวรัฐบาล
'จุลพันธ์' แจงชาวอุดรฯ ยังเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล ขออดทนรอ อ้อนให้เห็นใจต้องเลื่อน อ้างโดนสกัด เปรียบรัฐบาลเปิดประตูบ้านแล้วมีคนดักตีหัว
'กิตติรัตน์' ปลอบ ปชช. ตั้งอนุฯศึกษาเงินดิจิทัล ไม่ย้อนกลับจุดเริ่มต้น
'กิตติรัตน์' เชื่อตั้งอนุฯศึกษาดิจิทัลวอลเล็ต ไม่กลับไปสู่จุดเริ่มต้น ชี้เพื่อความรอบคอบ ขอประชาชนสบายใจได้