กต.สหรัฐฯ หนุน 'ธรรมศาสตร์' เป็นศูนย์กลางอาเซียน ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์

“ธรรมศาสตร์” เดินหน้าเปิดศูนย์อบรมด้าน “Cybersecurity” เสริมองค์ความรู้ให้หน่วยงานดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ “ไฟฟ้า-พลังงาน-อื่นๆ” ของประเทศ หลัง ก.ต่างประเทศสหรัฐฯ-PNNL สนับสนุนเป็นศูนย์กลางของไทยและอาเซียน

20 มิ.ย.2565 - รศ.ดร.จิรพล สังข์โพธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงานของทุกคน รวมถึงทุกองค์กร และนั่นจึงทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) กลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในเวลานี้ เพื่อที่จะปกป้องอุปกรณ์ ข้อมูล ตลอดจนทรัพย์สินทางดิจิทัลต่างๆ ซึ่งล้วนมีโอกาสเสี่ยงในการตกเป็นเป้าของการโจมตีทางไซเบอร์ได้มากยิ่งขึ้น

รศ.ดร.จิรพล กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ล่าสุด มธ. ได้รับความไว้วางในการเป็นศูนย์กลางด้าน Cybersecurity สำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (Critical Infrastructure) ของประเทศไทย และในประเทศประชาคมอาเซียน (ASEAN) ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (US Department of State) ผ่านห้องปฏิบัติการแห่งชาติแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ หรือ Pacific Northwest National Laboratory (PNNL)

สำหรับเป้าหมายสำคัญของศูนย์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์กลางความรู้ การให้คำปรึกษา และการอบรมให้แก่บุคลากรของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบไฟฟ้า พลังงาน หรือระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ของประเทศไทย และประเทศในอาเซียน โดยได้มีการทำพิธีเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 พร้อมผู้บริหารของ มธ. และ PNNL เข้าร่วม

ในส่วนของความร่วมมือนี้ ทางธรรมศาสตร์จะดำเนินการใน 3 เรื่องได้แก่ 1. สร้างทักษะด้าน grid cybersecurity ให้กับคณาจารย์ที่เกี่ยวข้องของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2. ดำเนินการจัดอบรม Pilot training ให้กับหน่วยงานที่ดูแลระบบไฟฟ้าของประเทศใน ASEAN และ 3. ดำเนินการพัฒนา business plan เพื่อให้ศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต

รศ.ดร.จิรพล กล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ดำเนินการจัดการอบรม Thammasat-PNNL Cybersecurity Workshop ไปแล้ว ในช่วงระหว่างวันที่ 7-14 มิถุนายน 2565 เพื่อสร้างทักษะด้าน Cybersecurity Framework for Electric Utilities ด้วยเครื่องมือ Facility Cybersecurity Framework (FCF) ให้แก่คณาจารย์ ที่ผ่านการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ PNNL จำนวน 23 ท่าน เพื่อให้คณาจารย์เหล่านี้ได้นำทักษะไปให้ความรู้และคำปรึกษาต่อหน่วยงานที่ดูและระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ

“การสร้างศักยภาพด้าน Cybersecurity นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน เพราะปัจจุบันการจัดการความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ จะมีผลโดยตรงต่อความยั่งยืนของเมืองและประเทศ” รศ.ดร.จิรพล กล่าว

รศ.ดร.จิรพล กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรของทั้งการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้วยรูปแบบของการจัดการความเสี่ยงและทรัพยากรความรู้ต่างๆ ที่พัฒนาโดย PNNL ซึ่งจะช่วยให้การจัดการต่อภัยคุกคาทางไซเบอร์ของไทย และประเทศอาเซียนนั้นสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหน่วยงานที่สนใจยกระดับศักยภาพในการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้แก่บุคลากร สามารถติดต่อได้ที่ 02-564-4440 ต่อ 1102

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการ มธ. เห็นด้วย 'หวยเกษียณ' แนะเพิ่มเงินรางวัลจูงใจ ปชช.เก็บออม หนุนเปิดให้ถอนเงินได้เมื่อจำเป็น

  นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยโครงการ ‘หวยเกษียณ’ เพื่อให้ ปชช. มีเงินออม แต่ ‘เงินรางวัล’ ยังไม่จูงใจเมื่อเทียบสลากรางวัลอื่นๆแนะเพิ่มเงินรางวัลจูงใจ-ปรับเงื่อนไขให้ถอนเงินได้เมื่อจำเป็น ชี้เพื่อประสิทธิภาพ-ความโปร่งใส ควรเพิ่มสัดส่วนภาคประชาสังคมเป็น ‘บอร์ดกองทุน กอช.’

'กลุ่มล้อการเมือง มธ.' ร้องถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามหนัก หลังงานฟุตบอลประเพณี

น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกกมธ.

The Return of Trump กับชะตากรรมอาเซียน! 3 นักวิชาการมธ. ชำแหละเกมมหาอำนาจ

ท่ามกลางกระแสการกลับมาของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ สู่ทำเนียบขาว 3 นักวิชาการ มธ.วิเคราะห์ผลกระทบที่อาเซียนต้องเผชิญ เมื่อสหรัฐฯ เดินหน้าปรับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก บทบาทของอาเซียนกำลังลดลงหรือเป็นโอกาสต่อรอง

นักวิชาการมธ. เตือน 'รถบัส 2 ชั้น' วิ่งระยะไกลเสี่ยงอุบัติเหตุกว่ารถชั้นเดียว 7 เท่า

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชี้ รถบัส 2 ชั้น เสี่ยงอุบัติเหตุกว่ารถชั้นเดียวถึง 7 เท่า เสี่ยงตายมากกว่า 10 เท่า จึงไม่เหมาะสมวิ่งทางไกล-ทางคดเคี้ยว-ลาดชัน เหตุผู้โดยสารอยู่ข้างบน ส่งผลให้ ‘จุดศูนย์ถ่วง’ ไม่สมดุล ระบุ ต่างประเทศใช้แค่เป็นรถชมเมืองเท่านั้น เสนอแก้ปัญหาเบื้องต้น กำหนดโซนให้รถ 2 ชั้น วิ่งได้จำกัด