
17 ม.ค.2566- นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการลงทะเบียนฯ) ปี 2565 ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ตามดำริของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งขณะนี้รัฐบาลตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนกว่า 19.63 ล้านราย อยู่ระหว่างประมวลผลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถประกาศผลการตรวจสอบ คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงการคลังได้รับผลการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติจำนวนถึง 46 แห่ง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ต่าง ๆ เป็นต้น เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประมวลผลที่ได้รับจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนกว่า 19.63 ล้านราย และข้อมูลคู่สมรสและบุตรอีกกว่า 24.88 ล้านราย รวมทั้งสิ้นกว่า 44.51 ล้านราย
ทั้งนี้ การประมวลผลครั้งนี้ มีความครอบคลุมและมีการตรวจสอบที่ละเอียดมากขึ้นเนื่องจากมีการใช้เกณฑ์ครอบครัวเข้ามาพิจารณาเพิ่มเติมจากเดิมที่พิจารณาเฉพาะเกณฑ์บุคคล โดย ครอบครัว หมายความรวมถึงคู่สมรสของผู้ลงทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส และบุตรที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ รวมทั้งในครั้งนี้มีการเพิ่มเติมคุณสมบัติสำหรับเกณฑ์บุคคล ได้แก่ การมีบัตรเครดิต และภาระหนี้สินของผู้ลงทะเบียน ซึ่งจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์บุคคลก่อน หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลแล้ว จะตรวจสอบคุณสมบัติของคู่สมรสและบุตรที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ (หากมี) ตามเกณฑ์ครอบครัวในขั้นตอนต่อไป จึงเห็นได้ว่าการดำเนินโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 มีการพัฒนาเกณฑ์การคัดกรองเพื่อให้ระบุตัวตนผู้มีรายได้น้อยได้แม่นยำมากขึ้น โดยถือเป็นการปรับปรุง ฐานข้อมูลผู้มีสิทธิใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าจะสามารถประกาศผลการตรวจสอบ คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566 โดยช่องทางที่จะตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
- ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
- ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน ทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) สำนักงานคลังจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา
- โทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง และ Call Center โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
หลังจากการวันประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านจะต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ณ ธนาคารตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธ.ก.ส. หรือธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ เป็นต้นไป จึงจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) รวมทั้ง ผู้ได้รับสิทธิจะต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้เพื่อรับสิทธิสวัสดิการ อื่น ๆ ในอนาคต
นายอนุชา กล่าวว่า โดยวันเริ่มใช้สิทธิจะมีการประกาศเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันสุดท้ายของเดือนก่อน เริ่มใช้สิทธิของโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ซึ่งผู้ลงทะเบียนที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 จะ สามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เท่านั้น สำหรับสวัสดิการของ ผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยรัฐบาลคงคำนึงถึงสวัสดิการที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของผู้มีรายได้น้อย เช่น ค่าอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
นายอนุชา กล่าวว่า อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี2565 แล้วพบว่า ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ผู้ลงทะเบียนสามารถยื่นเรื่อง อุทธรณ์ได้ตามช่องทางและวันที่กระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตาม ข่าวสารหรือความคืบหน้าต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ผ่านทางเว็บไซต์https://บัตรสวัสดิการ แห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยนโยบายการจัดสรรสวัสดิการของไทย เป็นดำริของนายกรัฐมนตรีที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 เพื่อช่วยเหลือยกระดับประสิทธิภาพการจัดสวัสดิการสังคม และการให้เงินช่วยเหลือกับผู้มีรายได้น้อยที่สมควรจะได้รับประโยชน์จากรัฐอย่างแท้จริง ตลอดจนเป็นความมุ่งหวังของนายกรัฐมนตรีที่จะแก้ปัญหาความยากจนในสังคมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จิรายุ' เผยภารกิจพบ 'ชาวอุยกูร์' ถูกส่งกลับจีน ได้รับการดูแลอย่างดี แม่สุดดีใจได้พบลูก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 09.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก
บอสใหญ่ 'ฟอร์มูลาวัน' หารือนายกฯ เห็นพ้องศึกษาความเป็นไปได้ไทยสู่เจ้าภาพในอนาคต
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นาย Stefano Domenicali ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Formula One Group เข้าพบหารือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
รัฐบาลแพทองธาร โชว์สถิติจัดเต็ม รัฐมนตรีหญิง 8 คน สะท้อนความเท่าเทียมในสังคมไทย
โฆษกรัฐบาล ยกย่องรัฐมนตรีหญิงในรัฐบาลปัจจุบันจำนวน 8 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความเท่าเทียมในสังคม เผย ‘แพทองธาร’ ขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่น เชื่อใจ พร้อมมั่นใจว่าผู้หญิงสามารถก้าวขึ้นสู่ผู้นำในทุกเวที
ครม. อนุมัติโรงรับจำนำรัฐบาล กู้ 200 ล้าน รองรับคนใช้บริการพุ่ง คาดปี 68 จำนวน 1.2 ล้านคน
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) ประจำปีงบประมาณ 2568
'จิรายุ' ผุดไอเดีย ตั้งคกก.ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า คาดนายกฯมีข้อสั่งการในที่ประชุมครม.พรุ่งนี้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะทำงานได้ลงพื้นที่จับกุมผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่ สน.คันนายาว และ สน.โคกคาม กรุงเทพมหานคร ได้กว่า 3,000 รายการ มูลค่ามากกว่า 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา
โฆษกรัฐบาล ยันส่งเหยื่อค้ามนุษย์ชาวจีนกลับประเทศ ทำตามกฎหมาย ไม่มีวีไอพี
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวกล่าวหาว่าทางการไทยอนุญาตให้ฝ่ายจีนมารับตัวชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต