‘สว.ชิบ’ ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ข้องใจคำสั่งจากใคร ทำให้รัฐบาลโยกคดี ‘ดิ ไอคอน’ ใส่มือดีเอสไอ หวั่นสรุปคดีไม่ทันเวลา เปิดโอกาสบรรดา ‘บอส’ รอดคุก
28 ต.ค. 2567 – ที่อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร มีการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง โดย นายชิบ จิตนิยม สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวลชนได้ตั้งกระทู้ถาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการการแก้ไขปัญหากรณีความเสียหายจากปัญหาธุรกิจเครือข่าย “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” โดยนายกรัฐมนตรี มอบให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้มาตอบกระทู้แทน
นายชิบ อภิปรายว่า ความเสียหายจากปัญหาธุรกิจเครือข่าย “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ยังลุกลามบานปลายไม่หยุด
ตัวเลขจากสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางเมื่อค่ำวานนี้ (27 ต.ค.) สรุปว่าระหว่างวันที่ 10-27 ต.ค. มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 9,472 คน ความเสียหายเกือบ 3,000 ล้านบาท สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว 5,999 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,728 ล้านบาท
“พิษของดิไอคอน ระบาดไปเกือบ 20 ประเทศ เอเชียก็มาก ยุโรปก็เยอะทั้งในจีน เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมนี เอสโตเนีย สวีเดน ลักเซมเบิร์ก แคนาดา สหรัฐอเมริกา รวมถึงเขตปกครองพิเศษมาเก๊าและเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ และพำนักอยู่ที่นั่น ซึ่งนอกจากจะลงทุนด้วยตัวเองแล้วยังชักชวนญาติชาวต่างชาติให้มาร่วมเปิดบิลลงทุนกับ ดิ ไอคอน รวมความเสียหายตรงนี้อีกกว่า 20 ล้านบาท” นายชิบ ระบุ
สว. สายสื่อมวลชน กล่าวว่า วันนี้คดีจะถูกส่งไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับมูลค่าเสียหายกว่า 300 ล้านบาท และผู้เสียหายมากกว่า 100 คน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ประชาชนมั่นใจในดีเอสไอ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าจะทำงานร่วมกันเร่งทำคดีให้เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชนไม่ใช่การโยนความรับผิดชอบ แต่เป็นการมอบตามกระบวนการทางกฎหมาย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งถูกกล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี จึงไม่ให้เข้ามาเป็นคณะทำงานสอบสวน แต่ให้สนับสนุนการสอบสวนให้เกิดความยุติธรรม
นายชิบ อภิปรายว่า ท่ามกลางคำถามและข้อโต้แย้งของคนในวงการตำรวจและทนายความที่คร่ำหวอดกับเรื่องทำนองนี้ว่า ตามข้อเท็จจริงเมื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วก็ต้องรับทุกเรื่องของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลทั้งหมด แต่ก็เกิดความคลางแคลงใจว่า ดีเอสไอจะสามารถสรุปหรือปิดคดีได้ภายในระยะเวลาที่เหลือไม่ถึง 80 วันได้หรือไม่ เพราะถ้าปิดคดีได้ไม่ทันเวลา ก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด
“จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การโยกคดีไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอในครั้งนี้ มีคำสั่งจากใครหรือไม่ที่เห็นช่องว่าจะทำให้ผู้ต้องหาในคดีนี้รอด แม้ว่าดีเอสไอจะแถลงว่ารับเป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดอาญาฐานฟอกเงินเท่านั้น ซึ่งเป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่โอนหรือรับโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงสอบสวนความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดอื่น ขณะที่ ปปง. จะรับดำเนินการเรื่องทรัพย์สิน” นายขิบ ระบุ
สว. จากสายสื่อมวลชน อภิปรายว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนบริษัทเมื่อ 1 มิ.ย. 61 ประกอบธุรกิจการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ก่อนขยายทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท เมื่อ 9 ธ.ค. 63 มีกรรมการเพียงคนเดียว คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผลประกอบการ 5 ปีล่าสุด ของ ดิ ไอคอน พบว่าในปี 2564 งบการเงินพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด ตัวเลขสูงกว่า 4,000 ล้านบาท แตกต่างจากปี 2562 และ 2563 ที่มีรายได้เพียงแค่ปีละ 300 ล้านบาทเศษ โดยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ดิ ไอคอน มีรายได้สูงระดับพันล้านบาทมาอย่างต่อเนื่อง และพบว่ามีผู้ที่เป็นแม่ข่าย หรือที่เรียกแทนตัวเองว่า “บอส” โปรโมตตัวเองผ่านสื่อต่างๆ มากขึ้น มีการให้สัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ จนถึงการ Tie-In การขายของในช่วงรายการแนะนำสินค้าตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆ โดยวิธีหนึ่งที่พบได้บ่อย คือ การขายคอร์สสอนขายของออนไลน์ ราคาถูก 97/98/99 บาท
“ประเด็น ดิ ไอคอน เป็นเรื่องใหญ่ที่กลบข่าวสำคัญๆ มากว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ทำให้ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแม่ข่ายที่แสดงตนเป็นผู้เสียหาย กระบวนการกรรโชกทรัพย์ หรือแม้แต่บรรดาคนที่อาสาเป็นปากเสียงให้กับเหยื่อหรือผู้เสียหายที่ตอนนี้หลายคนกำลังถูกฟ้อง หรือถูกตั้งข้อสงสัยเสียเอง ประเด็นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นโจทย์ ที่รัฐบาลต้องแก้ไขว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถฝากความหวัง ความไว้วางใจในเจ้าหน้าที่หรือองค์กรของรัฐโดยไม่ต้องยืมมือคนที่ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงให้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเมื่อมีเรื่อง ความเดือดร้อนก็จะตกอยู่กับประชาชนอยู่วันยังค่ำ” นายชิบ ระบุ
โดยวันนี้ผู้คนคลางแคลงใจมากมายหลายประเด็น และเชื่อว่าอยากจะถามรัฐบาลเพื่อไขข้อข้องใจและขอให้แก้ปัญหาให้ ดังนั้นตนจึงขอเป็นตัวแทนของประชาชนในการตั้งคำถามว่า
1.รัฐบาลจะมีมาตรการควบคุม ป้องกัน หรือกลั่นกรองการใช้สื่อและแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อย่างไร ไม่ให้มีการโฆษณาที่เป็นการหลอกลวง ปิดบัง ซ่อนเร้น หรืออำพราง หลอกล่อให้ประชาชนลงทุนผ่านธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจอื่นๆโดยเฉพาะการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาสร้างความน่าเชื่อถือ
2.กสทช.ในฐานะเป็นองค์กรที่มีภารกิจในการในการกำกับดูแลกิจการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ มีกระบวนการติดตาม ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร
3.รัฐบาลมีมาตรการหรือแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายให้ได้รับความยุติธรรมอย่างไรบ้าง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด
'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย
'ภูมิธรรม' ห่วง 4 ลูกเรือไทย สั่งดูแลครอบครัว 'บัวแก้ว' นัดเจรจาเมียนมา 19 ธ.ค.
'ภูมิธรรม' ห่วงลูกเรือคนไทย 4 คน ที่ถูกคุมตัวอยู่จังหวัดเกาะสอง สั่งเร่งประสานช่วยเหลือครอบครัวใกล้ชิด ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ นัดหารือฝ่ายเมียนมา 19 ธ.ค.นี้
'ทักษิณ' รับเคยคุย 'สจ.โต้ง' ส่งเมียชิงนายก อบจ. หนุน ตร. ล้างบางบ้านใหญ่ปราจีน
'ทักษิณ' รับเคยคุย 'สจ.โต้ง' ส่งเมียลงชิง 'นายก อบจ.ปราจีนฯ' ในนามเพื่อไทย ซัดเลวร้ายมาก ฆ่ากันเหตุฮั้วไม่ลงตัว ชมเปาะ ตร.ฟิตกวาดล้างผู้มีอิทธิพลเกลี้ยงแน่
'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' ของไทย ไม่บ้ายกให้กัมพูชา จ่อติวเข้ม สส. แจงปชช.
'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' เป็นของไทย โต้เฟกนิวส์ใช้เอไอปล่อยข่าวมั่ว ชี้ใครจะบ้ายกให้ เตรียมติว สส. เพื่อไทย แจงประชาชนถึงที่มา MOU 44
เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 152 ล้าน
ตำรวจภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์-รถหรู 152 ล้านบาท
หัวลำโพงคึกคัก! 'อิ๊งค์' นำทีม พท. สัมมนาหัวหิน ตื่นเต้นขึ้นรถไฟรอบ 20 ปี
’แพทองธาร‘ นำทีม ’เพื่อไทย’ ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ มุ่งหน้าสัมมนาหัวหิน ‘เศรษฐา-โอ๊ค-เอม’ ร่วมด้วย ตื่นเต้นนั่งรถไฟรอบ 20 ปี