พรรคเล็กยกมือหนุนบิ๊กตู่ล่วงหน้า!

“ชัยวุฒิ-นิโรธ” ประสานเสียง ปรามาสศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อไม่มีอะไรใหม่ แต่ “ก้าวไกล” ฟุ้ง “ประยุทธ์” ต้องใช้สิบล้อขนข้อมูลชี้แจง พร้อมขยี้ “จุรินทร์-อนุทิน” พรรคเล็กประกาศหนุนรัฐบาลยกมือให้ไม่แตกแถว “ปารีณา” ลั่นสภาพจิตฟื้นฟูกว่า 90% จี้ ป.ป.ช.อย่าสองมาตรฐาน

เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคฝ่ายค้านระบุว่าจะมีหมัดเด็ดน็อกรัฐบาล ว่าหมัดเด็ดไม่น่ามีแล้ว เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่ผิดพลาดหรือเสียหาย ตอนนี้มีแต่ข่าวที่รัฐบาลแก้ปัญหาได้หลายเรื่องลุล่วงไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเรื่อง โควิด-19 หรือเรื่องการเปิดประเทศและรับนักท่องเที่ยวเข้ามา เศรษฐกิจก็เริ่มฟื้น จึงคิดว่าไม่น่ากลัว ส่วนในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่รัฐบาลทำเสียหาย

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวเช่นกันว่า จะเอาประเด็นใดมาอภิปราย ก็ตีปี๊บกันไปเรื่อย พูดกันไปเรื่อย ไม่ได้ปรามาส แต่ว่าไทม์ไลน์ไม่ได้ เพราะร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. หรือกฎหมายลูก ก็ยังไม่เสร็จ กว่าจะเสร็จก็เดือน ก.ค. พอเสร็จฝ่ายค้านก็อภิปรายไม่ไว้วางใจเดือนสิงหาคม ไม่ใช่ว่าเราคาดการณ์ไม่ได้ แต่เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ที่พูดว่าจะรีบยื่น แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ยื่น ฝ่ายค้านจะมาห่วงอะไรวาระงบประมาณ เห็นจะคว่ำกันตลอด และจะมาห่วงอะไร

เมื่อถามว่าหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 ต้องเรียกวิปทุกฝ่ายมาคุยหรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า เมื่อยื่นญัตติเสร็จทางสภาจะถามทางรัฐบาลว่าพร้อมวันไหน พอได้วันก็มาคุยกันว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งธรรมดาฝ่ายค้านก็จะเอาเวลาเยอะๆ อย่างครั้งที่ผ่านมาก็ให้เต็มที่

ขณะที่นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม กล่าวว่า แนวทางของพรรคเล็กในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ถือว่าคุยกันจบแล้ว พรรคเล็กเห็นพ้องต้องกันว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กินข้าวร่วมกับพรรคเล็ก เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 ได้ช่วยเหลือขับเคลื่อนผลักดันนโยบายต่างๆ ของพรรคเล็ก เช่น นโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของพรรคไทรักธรรม นโยบายเรื่องการศึกษาของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน หรือนโยบายเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ทุกเรื่องมีความคืบหน้าอย่างมาก ได้รับการดำเนินการหมด ถือเป็นการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นเบื้องต้นพรรคเล็กยินดียกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีการแตกแถว

“คงต้องขอฟังข้อมูลของฝ่ายค้านและการชี้แจงของนายกฯ ประกอบกันในวันอภิปรายอีกครั้ง แต่เท่าที่ฟังข้อมูลของฝ่ายค้านตอนอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ก็ไม่พบว่ามีประเด็นเชิงลึก หรือแปลกใหม่อะไร แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเล็กคงไม่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ปล่อยให้เป็นหน้าที่พรรค พปชร.” นายพีระวิทย์กล่าว

ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันที่ 26 เม.ย.นี้ว่า หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านคงพูดคุยเรื่องกฎหมายลูกว่าจะเสร็จเมื่อไร แล้วจะนำเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 เมื่อใด เพราะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อพิจารณากันอย่างถ้วนถี่ว่าจะเอาอะไรก่อนหลัง และวันที่ 2 มิ.ย. ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2566 จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาวาระแรก จึงเชื่อว่าวันที่ 26 เม.ย.จะมีความชัดเจนว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่

"พรรคเพื่อไทยพร้อมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทุกเมื่อ เพราะเรามีข้อมูลครบถ้วนแล้ว ทั้งเรื่องความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล ใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์" นายสมคิดกล่าว

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า พรรครักษามาตรฐานเดิม จะไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่เปิดเผยตัวบุคคลจะอภิปรายใคร วันไหน อย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปข่มขู่ เจรจา ต่อรอง ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคกำชับ ส.ส.พรรคที่ประสงค์อภิปราย หาข้อมูลในช่วงปิดสมัยประชุมสภา จะสังเกตได้ว่าช่วงนี้ ส.ส.ก้าวไกลเงียบไป เนื่องจากกำลังไปทำข้อมูลสำหรับศึกซักฟอก เบื้องต้นซักฟอกรอบนี้ จะไม่พุ่งเป้าไปที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะอภิปรายไปถึงหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็น 2 พรรคหลักที่พยุงหิ้วปีกรัฐบาล

“ซักฟอกหนนี้ พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องเตรียมของเป็นคันรถสิบล้อถึงจะผ่านไปได้ ลากกระเป๋าเอกสาร อาจไม่มีภาพให้เห็นแล้ว อาจต้องขนกันเป็นรถสิบล้อ เพราะรอบที่แล้วถือว่าหักหลังกลุ่มคน หักหลังกลุ่มที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายๆ คน แต่ครั้งนี้ไม่สามารถทำได้แล้ว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์สร้างศัตรูไว้หลายด้านเหลือเกิน” นายณัฐชากล่าว

วันเดียวกัน มีรายงานว่าในวันที่ 18 เม.ย. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครเลือกตั้ง หลังมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ราชบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง​​ โดยคาดว่าวันที่ 15 พ.ค.จะเป็นวันที่ กกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง และกำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งช่วงระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย

ส่วน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรค พปชร. เปิดใจในรายการโหนกระแส หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาฝ่ายฝืนจริยธรรม ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ว่าวันที่ได้ฟังคำพิพากษารู้สึกช็อก ตัวชา และร้องไห้หนักมาก เพราะถือเป็นคดีแรกของประเทศไทย เมื่อถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ต้องทำใจ แต่ก็น้อมรับคำพิพากษา โดยที่ดินที่ทำฟาร์มไก่กว่า 600 ไร่ เป็นที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ส่วนอีกกว่า  40 ไร่ ศาลใช้คำว่าที่ดินว่างเปล่า แปลว่าสามารถออกโฉนดได้ ทั้งนี้ เอกสาร ภ.บ.ท.5 ไม่เหมือนกับโฉนด และในการแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็แจ้งว่าเป็นที่ดินที่ครอบครองทำประโยชน์ ไม่ได้ยื่นว่าเป็นทรัพย์สินของตนเอง ไม่ได้นำมูลค่าของที่ดินไปบวกรวมกับทรัพย์สิน ส่วนที่มีการพูดกันในช่วงแรกว่า 1,700 ไร่นั้น เป็นการยื่นซ้ำ

น.ส.ปารีณากล่าวว่า หลังจากนี้จะขอเป็นประชาชนเป็นพลเมืองคนหนึ่งที่จะทำหน้าที่แบบปารีณาต่อไป ส่วนอาชีพก็คงเป็นเกษตรกรเหมือนเดิม และบอกตรงๆ ว่าเหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เหมือนเป็นการตายแล้วเกิดใหม่ที่จะไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว อีกทั้งต้องให้ทนายความช่วยดูว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นนักกฎหมาย ส่วนบิดา นายทวี ไกรคุปต์ ยังไม่ได้พูดคุยกัน และยังไม่ได้คุยกับพรรค พปชร.ด้วย

"ดิฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป หลังจากคำพิพากษาได้ถูกยกเลิกความเป็นสมาชิกโดยกฎหมายอัตโนมัติ ไม่เกี่ยวกับพรรคแล้ว"

ถามถึงเรื่องจุดประทัดของประชาชนใน จ.ราชบุรี หลังมีคำพิพากษานั้น น.ส.ปารีณากล่าวอ้างว่า คนจุดประทัดเป็นฝ่ายคู่แข่ง พร้อมมองว่าเสียงประทัดเป็นเหมือนเสียงเยาะเย้ย และทำให้ฟื้นขึ้นมาจากความเสียใจ จึงจะกลับมาแรงกว่าเดิมล้านเท่า โดยขอให้ติดตามว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ขณะนี้สภาพจิตใจดีขึ้นกว่า 90% แล้ว ซึ่งกรณีตนเองนั้น ป.ป.ช.แจ้งว่ามีนักการเมืองที่มีปัญญาเรื่องการครอบครองที่ดินอีกประมาณ 80 คน จึงควรบังคับใช้กับทุกคน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง