จ่อยกเลิก‘เทสต์แอนด์โก’ หมอประเมินเปิดหน้ากาก

ไทยพบติดเชื้อโควิดเพิ่ม 2.1 หมื่น ตายพุ่ง 129 ราย ศบค.เตรียมถกมาตรการเข้าประเทศ จ่อเลิกเทสต์แอนด์โก ลดวันกักตัว ปรับโซนสีดีขึ้นทั่วประเทศหลังคนร่วมมือดี เปิดหน้ากากหรือไม่ให้หมอประเมิน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,931 ราย ติดเชื้อในประเทศ 21,787 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 21,732 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 55 ราย, มาจากเรือนจำ 29 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 115 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 24,619 ราย อยู่ระหว่างรักษา 188,926 ราย อาการหนัก 2,021 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 885 ราย

เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 129 ราย เป็นชาย 69 ราย หญิง 60 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 108 ราย มีโรคเรื้อรัง 19 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 2 ราย ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,106,230 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,889,912 ราย, มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 27,392 ราย

ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 20 เม.ย. 128,459 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 131,950,758 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 506,968,846 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 6,232,112 ราย 

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 2,907 ราย, ขอนแก่น 996 ราย, ชลบุรี 798 ราย, สมุทรปราการ 775 ราย, นครศรีธรรมราช 638 ราย,  ศรีสะเกษ 635 ราย, สมุทรสาคร 603 ราย, ร้อยเอ็ด 565 ราย, ฉะเชิงเทรา 481 ราย และบุรีรัมย์ 471 ราย

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศปก.ศบค. กรณีกระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอปรับมาตรการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศว่า วันที่ 22 เม.ย. ศบค.จะพิจารณาข้อเสนอที่เป็นแนวทางสำคัญที่นายกฯ มอบไว้ โดยเรื่องการเข้าประเทศ จะปรับตามสถานการณ์ ซึ่งปัจจุบันมี 2 ประเด็นหลักคือ การกักตัว สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะปรับให้สะดวกขึ้น เช่นถ้ามีการกักตัวที่เชื่อถือได้มาแล้วก็จะลดจำนวนวันกักตัวลง และระบบเทสต์ แอนด์โก สำหรับผู้ได้รับวัคซีน ซึ่งทั่วโลกมีการผ่อนคลายมากแล้ว จะเสนอให้ปรับระบบเทสต์แอนด์โกให้นักท่องเที่ยวและคนไทยที่กลับเข้าประเทศสะดวกมากขึ้น ซึ่งต้องพิจารณาทุกมิติ โดยการตรวจอาจจะปรับ เนื่องจากพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศมีเปอร์เซ็นต์ลดลง ซึ่งระบบเทสต์แอนด์โกให้ความสำคัญกับการได้รับวัคซีน โดยจะปรับวิธีการตรวจเมื่อเดินทางมาถึง เป็นเอทีเคลักษณะอย่างไร หรือไม่ต้องตรวจเลย ซึ่งจะพิจารณาวันที่ 22 พ.ค.

ส่วนข้อเสนอให้ยกเลิกเทสต์แอนด์โก หรือไทยแลนด์พลัส เรารับฟังมาตลอด แต่อยากให้เข้าใจ โดยเฉพาะไทยแลนด์พลัส ไม่ใช่ระบบที่ไม่ดี ถ้าย้อนไปในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา หากไม่มีระบบนี้ เวลานี้ยังไม่ทราบว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ระบบต่างๆ ก็ต้องปรับ และถ้ามีการปรับระบบเข้าประเทศ จะใช้ไทยแลนด์พลัสเท่าที่จำเป็นโดยยึดหลักความปลอดภัยเท่าที่ประเมินแล้วว่าเราจะรับได้และให้เกิดความสะดวกที่สุด

เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า มาตรการที่ว่านี้ หากที่ประชุมเห็นชอบจะเริ่มวันที่ 1 พ.ค. ยกเว้นมีเหตุจำเป็นที่ต้องขยับ โดยมาตรการที่จะปรับมีทั้งทางอากาศ ทางบก ซึ่งทางบกจะพยายามเปิดด่านทางบกให้ได้ทั่วประเทศ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ จะนำมาพิจารณาในวันที่ 22 พ.ค. เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาร่วมกันว่าใช้วิธีใดในการเปิด โดยใช้เงื่อนไขเดียวกับทางอากาศที่มาตรการอาจจะน้อยกว่า

พล.อ.สุพจน์กล่าวถึงการพิจารณาปรับโซนสีว่า เราประเมินตามเงื่อนไขที่มี และเท่าที่ดูตัวเลขสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ผ่านมา จะพิจารณาปรับโซนสีให้ดีขึ้นในทุกจังหวัด ส่วนมาตรการป้องกันในปัจจุบัน ทั้งประชาชนและสถานประกอบการณ์ปรับตัวอยู่กับโควิดได้ดีขึ้น ดังนั้นการปรับโซนสีในหลายจังหวัดที่เป็นสีส้มจะได้ปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้น

ถามว่า ที่ประชุม ศบค.จะพิจารณารับมือการเปิดภาคเรียนเดือน พ.ค.นี้อย่างไรพล.อ.สุพจน์กล่าวว่า นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยวันนี้ ศปก.ศบค.จะคุยเรื่องเงื่อนไขบางประการที่กำหนดไว้ในมาตรการที่ทำให้สถานศึกษามีข้อจำกัดในการให้นักเรียนไปเรียนออนไซต์แบบเต็มจำนวน ซึ่งเราต้องปรับเงื่อนไขให้เรียบร้อย ขณะที่โรงเรียนก็ต้องมีมาตรการรองรับได้อย่างปลอดภัย

เมื่อถามถึงความพร้อมเรื่องยาและเวชภัณฑ์รองรับการแพร่ระบาดที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ปัจจุบันเราดูเรื่องของอัตราการครองเตียงและขีดความสามารถด้านสาธารณสุข แล้วนำมาประเมิน ดังนั้นตัวเลขการจัดอันดับว่าประเทศไทยอยู่ในลำดับไหนของโลกหรือของอาเซียน ไม่ใช่มิติที่ครบถ้วนที่จะนำมาพิจารณาเพื่อเปิดประเทศ เวลานี้แพทย์ใช้ปัจจัยดูเรื่องเปอร์เซ็นต์เตียงที่เหลือและการรองรับทางสาธารณสุขมาพิจารณา และปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ยังมีเพียงพอ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อยากให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่นำร่องเป็นเมืองที่ใช้ชีวิตปกติสามารถเปิดหน้ากากได้ พล.อ.สุพจน์ ตอบว่า เรื่องนี้แพทย์ประเมินต่อเนื่อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง