“กองทุนน้ำมัน” ดิ้นหาเงินอุ้มราคาพลังงาน เล็งขอรัฐบาลล้วงเงินงบประคอง หลังเดินหน้ากู้ 3 หมื่นล้านบาทไม่คืบ ยอมรับมีสภาพคล่องเหลือ 1.2 หมื่นล้านบาท ดูแลราคาได้อีกแค่เดือนกว่า “บิ๊กตู่” ฟุ้งผลประชุม Nikkei Forum น่าพอใจ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องเหลืออยู่ 1.2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสามารถใช้ในการพยุงราคาน้ำมันได้อีกประมาณเดือนกว่า หลังจากนั้นจะต้องหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้ได้ ซึ่งมี 2 ทางเลือกที่ดำเนินการได้ คือ 1.การกู้เงิน ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้เงินได้รวมทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท และ 2.การขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายว่ารัฐบาลจะนำเงินส่วนไหนมาดำเนินการให้
นายวิศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสถานะติดลบอยู่ 7.6 หมื่นล้านบาท โดยมีเงินที่ไหลเข้า-ออกกองทุนในแต่ละวัน เมื่อหักลบแล้วจะติดลบอยู่ประมาณ 4-5 ล้านบาทต่อวัน โดยเมื่อพิจารณาจากสภาพคล่องที่มีอยู่ กับสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันที่มีความผันผวนอย่างมาก จึงต้องเร่งหาสภาพคล่องมาเพิ่มเติม ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศนั้น ยอมรับว่ายังมีความผันผวนอยู่มาก ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นหลัก โดยเฉพาะสหรัฐและจีน ที่หากมีการขยับราคาขึ้นเพียงเล็กน้อยก็จะมีผลกระทบต่อราคาขายปลีกทันที เบื้องต้นได้มีการประเมินว่าทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 107-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปอยู่ที่ 138-145 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
“ถึงแม้ว่าการกู้เงินตามมติ ครม. จะไม่ทันภายในเดือน พ.ค.65 และสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่อาจจะหมดไป ก็เชื่อว่ายังไม่ส่งผลกระทบกับกองทุน เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีช่องทาง คือการขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ส่วนรัฐบาลจะเอาเงินจากตรงไหนมาอุดหนุนให้เป็นเรื่องของฝ่ายนโยบายที่จะพิจารณา ทำให้มั่นใจได้ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังสามารถดูแลราคาน้ำมันได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดการสะดุด” นายวิศักดิ์กล่าว
นายวิศักดิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเงินกู้เพื่อรองรับสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคาร ยอมรับว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สามารถกู้เงินโดยตรงได้ เพราะไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล แต่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันกับธนาคาร โดยยอมรับว่าธนาคารก็ต้องพิจารณาถึงสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย เพราะมีผลกระทบจากทั้งโควิด-19 และสงคราม ล่าสุดมีเรื่องฝีดาษลิงเข้ามาเพิ่มเติม ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันผันผวนอย่างมาก
ผู้อำนวยการ สกนช.กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ครม.ที่ได้มีมติให้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.2565 และในเดือน พ.ค.-มิ.ย.2565 รัฐบาลจะช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเพียงครึ่งหนึ่ง โดยกำหนดอัตราเพดานไว้ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันแม้ว่ารัฐบาลยังอุดหนุนราคาไม่ถึงครึ่งของราคาเพดาน ก็ถือว่าไม่ผิดมติ ครม. เพราะกำหนดไว้ชัดเจนว่ามีเวลาดำเนินการในส่วนนี้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 ที่จะปรับราคาน้ำมันดีเซลไปที่ 35 บาทต่อลิตร
“ตอนนี้มีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ประมาณ 7 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ราว 32 บาทต่อลิตร บวกกับที่อุดหนุนอยู่ 7 บาทต่อลิตร ทำให้จริงๆ แล้วราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 39 บาทต่อลิตร ส่วนว่าหลังจากนี้ราคาจะปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลงคงตอบได้ยาก เพราะสถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงรายวัน รวดเร็วมาก การพิจารณาเรื่องราคาน้ำมันจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ที่ช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น เพราะต่างประเทศมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น หลังจากมีการกลับมาเปิดประเทศทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยวกันทั่วโลก ส่วนตั้งแต่เดือน ก.ค.2565 เป็นต้นไป ที่ตามมติ ครม.ระบุว่าจะไม่มีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบายจะพิจารณาอีกครั้ง แต่ก็มองว่าหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ราคาขายปลีกในประเทศก็อาจจะไม่ถึง 35 บาทต่อลิตรก็ได้” ผู้อำนวยการ สกนช. ระบุ
วันเดียวกัน ที่โรงแรมพาเลซ โฮเทล กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับทีมประเทศไทย (ทีมไทยแลนด์) ประจำกรุงโตเกียว โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณทุกคนที่ทำให้การเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีแนวโน้มออกมาเป็นไปในเกณฑ์ที่น่าพอใจในฝ่ายการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha โดยระบุตอนหนึ่งว่า หัวใจสำคัญที่ผมต้องการสื่อสารในการประชุมครั้งนี้ ก็คือการสร้างความตระหนักร่วมกันว่า ท่ามกลางวิกฤตโลกที่ซ้อนทับและส่งผลกระทบต่อทั่วโลกในขณะนี้ ไม่มีใครสามารถอยู่เพียงลำพังได้ ความเข้มแข็งของเอเชียคือความเป็นเอกภาพและการเติบโต ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันทุกคน ทุกประเทศ
ขณะที่เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ณ ห้อง Salon โรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมหารือกับนายมาเอดะ ทาดาชิ ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) และนายมุราอิ ฮิเดกิ ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผู้ว่าการ JBIC ได้ประชุมและสานต่อสิ่งที่ได้หารือกับนายกฯ ไว้ และยังได้ยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในทุกระดับ รวมถึงพร้อมสนับสนุนการเป็นประธาน APEC 2022 ของไทย
นายธนกรกล่าวว่า จากนั้นในเวลา 10.30 น. นายกฯ ได้หารือกับนายโทคุระ มาซาคาสึ ประธานสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (เคดันเรน) และนายซูซูกิ โยชิฮิสะ ประธานคณะกรรมการการค้าและเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ภายใต้เคดันเรน โดยนายกฯ ยินดีที่ได้ทราบว่า คณะกรรมการการค้าและเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นของเคดันเรน ซึ่งมีสมาชิกกว่า 70 บริษัท มีแผนจะเยือนไทย โดยเชื่อมั่นในภาคเอกชนซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางโลก และเชื่อมั่นในความสำคัญของเคดันเรน
จากนั้นเวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ Haneda Innovation (HI) City เขตโอตะ กรุงโตเกียว หนึ่งในโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.มี.ค.ชะลอ ธปท.ชี้ยังโตได้ ท่องเที่ยวหนุน
ธปท.เผยเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ชะลอตัว หลังเร่งไปมากช่วงก่อนหน้า
สุทินรอคุยจีนเคาะ‘เรือดำน้ำ’
"สุทิน" คุย "ทูตจีน" ยังไม่ตกผลึกเรือดำน้ำ เผยคณะจีนชุดใหญ่
คกก.สอบ2บิ๊กตร.ใกล้จบ
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี
ยื่นศาลล้มกฎกกต. ภท.สั่งห้ามจุ้นสว.
“อนุทิน” ออกประกาศสั่งลูกพรรคให้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นิดติวเข้มรมต.ใหม่ ทูลเกล้าฯ‘มาริษ’การันตี‘พิชิต’ไม่ขาดคุณสมบัติ
ทำเนียบฯ คึกคัก! "เศรษฐา" เรียก "รมต.ใหม่เพื่อไทย" เข้าพบ ติวเข้มงานกระทรวง "มาริษ" ดอดขึ้นตึกไทยฯ
เรียกโจ๊กแจง7พค. ทีมสอบวินัยย้ำชัด ยึดกม.-ไร้คนชี้นำ
"รอง ผบ.ตร." เรียกประชุมคณะกรรมการสอบ “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวก 5 คนผิดวินัยร้ายแรง จ่อเรียกรับทราบข้อกล่าวหาภายใน 7 พ.ค.นี้