เรียกค่าไถ่ส่อโกง! เปิดฉากงบ66ฝ่ายค้านซ้อมใหญ่ซักฟอก/บิ๊กตู่ย้อนใครหนีคุก

“ประยุทธ์” ยันงบประมาณปี 2566 ทำตามกฎหมายและสอดคล้องเศรษฐกิจ เซ็งฝ่ายค้านเหมือนคนถูกฝังชิป บอกและอธิบายก็ไม่เคยเข้าใจ พปชร.เชื่อ “บิ๊กป้อม” สยบพรรคเล็กอยู่ “ชลน่าน” อัดงบเรียกค่าไถ่ของพรรคร่วม ตั้งเพื่อเอื้อประโยชน์ส่อโกง  “บิ๊กตู่” เดือดโต้ใครที่ติดคุกหนีคดี ฝ่ายค้านเรียงหน้าท่องอาขยานต้องโหวตคว่ำเปลี่ยนนายกฯ พึ่งน้ำบ่อหน้าในชั้นกรรมาธิการไม่ได้ “พิธา” งัดข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2557 งบประจำข้าราชการเป็นยาขมทำประเทศไม่พัฒนา

เมื่อวันอังคารที่ 31 พ.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ โดยมีระเบียบวาระพิจารณาเรื่องด่วนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3,185,000,000,000 บาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

ในเวลา 09.05 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาร่วมการประชุมสภา โดยรัฐมนตรีจากพรรคพรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.) และ ส.ส.กว่า 30 คน มารอรับ โดยทันทีที่มาถึงบรรดา ส.ส.กรูเข้าไปสวัสดีและแสดงตัว ซึ่ง​ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวว่า "ฝากด้วยนะ ช่วยกัน" แต่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า​ กังวลอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ส่ายหน้า และเมื่อถามต่อว่า พร้อมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เพียงหันมาพยักหน้า ก่อนเดินเข้าลิฟต์ทันที

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. และผู้ประสานงานพรรคเล็ก กล่าวถึงการเคลียร์ใจพรรคเล็กในการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2566 ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ดูแลอยู่แล้ว และ พล.อ.ประวิตรก็พูดชัดเจนแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ค. พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาลและเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลดูแลทุกอย่างและท่านก็ให้สัมภาษณ์ชัดเจนแล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า มั่นใจว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะสปิริตของพรรคร่วมต้องมีอยู่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยให้ความมั่นใจกับที่ประชุม ครม.แล้วว่าพร้อมให้การสนับสนุนร่างดังกล่าว

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ​ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร​ (วิปรัฐบาล)​ กล่าวว่า วิปรัฐบาลได้ตั้งทีมงานขึ้นมา 5 คน เพื่อติดตามการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ โดยมั่นใจว่าเสียงข้างมากของรัฐบาลผ่านวาระแรกอย่างแน่นอน เพราะงบประมาณนี้ไม่ใช่งบประมาณช้างป่วย แต่เป็นช้างวิ่ง ที่จะนำพาไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายวันแรกจะฉายภาพปัญหาของประเทศว่าสภาพปัญหาและความต้องการของประเทศในวันนี้คืออะไร และบริบทโลกบริบทประเทศเป็นอย่างไร รวมถึงปัญหาการเงินการคลังของประเทศด้วย ส่วนในวันที่ 1 มิ.ย. จะเป็นเรื่องของการจัดงบที่ไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน และวันที่ 2 มิ.ย. จะเป็นเรื่องกลุ่มทุจริต

ไม่มั่นใจ 100% คว่ำงบ

“เสียงฝ่ายค้านเต็มร้อยไม่มีบกพร่อง  แต่จะมีทางอื่นมาเพิ่มเติมหรือไม่ เราไม่อยากคาดหวัง แต่รู้ว่าคิดตรงกัน แต่เขาจะกล้าที่จะมายกมือให้กับเราหรือไม่ ผมยังเชื่อมั่นลึกๆ ว่าโอกาสคว่ำมี แต่ไม่มั่นใจ 100% เพราะเราไปฝากไว้กับใจคนไม่ได้” นายสุทินกล่าว

ในเวลา 09.45 น. ได้เปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ในวาระที่ 1 โดย พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า งบประมาณปี 2566 ยังเป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ 2.49 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ  6.95 แสนล้านบาท รวมเป็นรายรับ 3.18 ล้านล้านบาท เท่ากับวงเงินงบประมาณรายจ่าย สำหรับฐานะการคลังหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มี.ค.2565 มีจำนวน 9.95 ล้านล้านบาท คิดเป็น 60.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่กำหนดไว้ที่ 70% 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ชี้แจงถึงฐานะเงินคงคลังและระบบการเงิน รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายที่จำแนกตามยุทธศาสตร์ 6 ด้าน พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ฝ่ายค้านไม่สามารถรับหลักการของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ได้ เพราะเป็นการทำลายประเทศ เรายอมสูญเสียโอกาสไปบ้าง แล้วนำเม็ดเงินเหล่านี้ไปจัดสรรใหม่จะดีกว่า ตัวนายกฯ ตนเองเคารพในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำสูงสุด และเชื่อประชาชนส่วนใหญ่ก็เคารพ แต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน เสมือนท่านไม่เคารพตัวท่านเอง สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดคือมาจากการยึดอำนาจแล้วแปลงร่างตัวเองว่ามาจากประชาธิปไตย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยเพียงวาทกรรม และเป็นรูปแบบจอมปลอม แต่พฤติกรรมยังคงยึดมั่นในอำนาจนิยม ยึดตัวเองเป็นใหญ่ เหมือนที่ตนเองเคยพูดไว้ว่านายกฯ มีบุคลิกภาพแปรปรวน โรคหลงตัวเอง นายกฯ หารายได้ไม่เป็น และหารายได้ไม่เก่ง ทั้งก็ยังใช้งบประมาณไม่เป็นอีก 

“รัฐบาลชุดนี้ได้ฝากมรดกหนี้ไว้ วันนี้ได้รับมรดกมาอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งหนี้สาธารณะสูงสุดในประวัติศาสตร์ หนี้ครัวเรือน หนี้ที่ซ่อนไว้ลึก คือหนี้เสีย NPL นายกฯ เป็นกองปัญหาของประเทศ ถ้าต้องการแก้ไขก็ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ จะด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่ เชื่อว่าจะทำให้ประเทศพ้นวิกฤตได้” นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านยังตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ไว้ที่ 2.49 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 3.18 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนที่เหลือต้องกู้ 6.95 แสนล้านบาท ถือเป็นการซ่อนตัวเลขอย่างแนบเนียน และเกิดคำถามว่าจะจัดเก็บรายได้ได้จริงหรือไม่ ถ้าเก็บไม่ได้จริงก็สุ่มเสี่ยงผิดวินัยการเงินการคลัง การจัดงบปี 2566 ไม่ตอบโจทย์ ไม่ตรงสถานการณ์ เป็นการจัดงบที่สิ้นหวัง นอกจากนี้ยังตั้งงบเอื้อประโยชน์ งบส่อโกง อีกทั้งยังเป็นการจัดงบประมาณแบบถูกเรียกค่าไถ่จากพรรคร่วมรัฐบาล

“สรุปฝ่ายค้านไม่อาจรับหลักการของร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2566 ที่จัดโดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ เราไม่เห็นชอบ และไม่ต้องไปแก้ไขในชั้น กมธ. เราต้องการให้ตก แก้ไขใน กมธ.ไม่เกิดประโยชน์ ให้ร่างนี้ตกไปกับรัฐบาลจะได้จัดกันใหม่ ประชาชนจะได้มีความสุข” นพ.ชลน่านระบุ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า โครงการต่างๆ ที่ลงพื้นที่ตามต่างจังหวัดเป็นไปตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่ กว่าจะปรับลดลงมาได้ก็ต้องให้สอดคล้องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่นึกจะให้ใครก็ให้ ไม่เหมือนสมัยก่อน บางคนได้มีการประกาศไว้ว่า ถ้าไม่เลือกก็ไม่ให้ ไปดูซิว่าแผนงานโครงการลงพื้นที่ทุกจังหวัดหรือไม่ ในเรื่องของการส่อโกงต่างๆ ก็ไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรมไป ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องร้องกันไป ก็กรุณาย้อนกลับไปดูด้วยว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการยุติธรรม มีติดคุก มีหนีคดีหรือไม่

พิธาซัดงบประจำเป็นยาขม

ในเวลา 12.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบประมาณปีนี้จึงเป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อและสำคัญ ถ้าเราจัดงบปีนี้ดีประเทศจะทะยานไปข้างหน้า เป็นจุดตัดจุดเปลี่ยนของประเทศ แต่ถ้าจัดงบไม่ดี ทศวรรษที่แล้วไม่ดีอย่างไร ทศวรรษหน้าก็จะเป็นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจากการพิจารณาปีนี้เป็นงบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ รายได้ผันผวน รายจ่ายแข็งตัว การกู้จะหลุดกรอบ เพราะรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย เราจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก 6.95 แสนล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงการเก็บภาษีของเราถดถอยลง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงทำให้ภาระเงินกู้สูงขึ้นด้วย โครงสร้างงบประมาณตั้งแต่ปี 2557-2565 งบประมาณ 75% เป็นงบประจำทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรในประเทศ การตั้งงบประมาณไม่ได้ตอบสนองกับวิกฤตหรือโอกาสในปีหน้าแต่อย่างใด นี่เป็นยาขมที่พวกเราทุกคนต้องกลืน เป็นโครงสร้างงบประมาณที่น่ากลัว

“ทุกๆ 1 บาทที่เก็บภาษีและกู้มา 40% กลายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ กับบำนาญข้าราชการ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเงินที่ใช้ไปกับบำนาญมากขึ้น 2 เท่า โดยปี 2557 บำนาญอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท ปี 2566 อยู่ที่ 3.22 แสนล้านบาท ตอนนี้เรามีข้าราชการเกษียณ 8 แสนคน แต่ในปี 2580 จะมีข้าราชการเกษียณ 1.2 ล้านคน แค่บำนาญของบุคลากรก็เกินงบประมาณที่เราจะใช้ไปเยอะมาก กระบวนการรัฐราชการ รัฐอุ้ยอ้าย จึงเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เราจะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างไร ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร” นายพิธากล่าว

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.อภิปรายว่า พรรคฝ่ายค้านตั้งฉายาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ว่าเป็นขอทานจัดงานวันเกิด เป็นการด้อยค่า ฝ่ายค้านไม่น่าด้อยค่าเงินที่จะถึงมือประชาชน จึงขอถามว่าพูดทำไม ขณะเดียวกันแกนนำพรรคฝ่ายค้านอีกคนเปรยว่าเป็นงบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ ขออนุญาตแก้ต่างแทนว่า ช้างนี้ไม่ได้ป่วย แม้พบสารพัดโรคกระหน่ำรุนแรง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังดูแลขับเคลื่อนประเทศไทยที่เสมือนช้างทรงพลังเดินหน้าฝ่าวิกฤตได้ ไม่เช่นนั้นมาไม่ได้ถึงขนาดนี้ ดังนั้นถือว่าเป็นช้างที่ปรับตัวได้อย่างดี พร้อมต่อสู้วิกฤตต่างๆ ย้ำว่าเราเป็นช้างมีพลังเดินหน้าไปสู่ความมั่นคงยั่งยืน

“ส.ส.ฝ่ายค้านประกาศโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ ท่านมีเงินเดือน มีเงินประจำตำแหน่งกันทุกคน ไม่กลัวเดือดร้อน แต่ประชาชนที่รอความช่วยเหลือจากงบประมาณนี้เดือดร้อนกัน จึงไม่เห็นด้วยที่จะไม่โหวตสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เชื่อว่า ส.ส.ที่รักประชาชน มุ่งมั่นดูแลให้ประชาชนได้งบประมาณนั้น จะช่วยกันโหวตให้ร่างฉบับนี้ผ่านสภา” นายไพบูลย์กล่าว

เวลา 13.40 น. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. อภิปรายว่า หลายฝ่ายออกมาพูดในลักษณะจะคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2566 ซึ่งไม่เห็นด้วย เพราะไม่ว่าจะเห็นด้วยกับรัฐบาลหรือไม่ แต่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ต่างอะไรกับถังออกซิเจนที่จะมาพยุงชีวิต ช่วยต่อลมหายใจประชาชน การคว่ำงบก็ไม่ต่างอะไรกับการถอดท่อหายใจที่จะช่วยประชาชน ถ้านึกถึงประชาชนมากกว่าเกมการเมือง เปลี่ยนจากจะคว่ำงบมาเป็นแนะนำว่าจะปรับงบอย่างไรในชั้น กมธ. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่าซ้ำเติมเพลิงเศรษฐกิจ ด้วยพิษการเมืองเลย

ในเวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงเกี่ยวกับงบรายจ่ายลงทุนปี 2566 มีจำนวนน้อยไม่เพียงพอในการพัฒนาประเทศว่า งบลงทุน 6.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 21.8% ของวงเงินงบประมาณ เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ ภาครัฐก็ยังลงทุนในส่วนอื่นๆ อีกด้วย เช่น จากเงินกู้ จากการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน เป็นต้น จึงอยากบอกว่างบลงทุนไม่ได้มีเฉพาะแค่ในงบประมาณรายจ่ายเท่านั้น 

เซ็งฝ่ายค้านเหมือนถูกฝังชิป

นายกฯ ย้ำว่าเราต้องให้เบ็ดตกปลา และต้องให้ปลาไปด้วย เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ อยู่รอดปลอดภัย ตอนนี้เราทำโครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ หารายได้ใหม่ และเรื่องอื่นๆ มีมากมาย ซึ่งต้องใช้เวลาเพื่อเดินหน้าหารายได้เข้าประเทศ ที่ผ่านมามีอะไรใหม่ๆ ให้ดูบ้างไหม ถ้ามีก็บอกมา วันนี้บอกทุกวันว่ารัฐบาลทำอะไรแล้วบ้าง สื่อสารทุกวัน แต่ท่านไม่เคยฟัง แต่ก็ต้องพูดอยู่ดี เพราะประชาชนรอฟังอยู่ทางบ้าน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ดูแลเขา ส่วนเรื่องหนี้ต่างๆ ก็เคยชี้แจงไปแล้ว แต่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่าง บรรยากาศที่นี่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะอภิปรายอะไรก็เหมือนเดิม เพราะถูกฝั่งชิปไปหมดแล้ว ก็ไม่อยากตอบอะไรรุนแรง พยายามอย่างยิ่งยวดแล้วที่จะไม่ใช้อารมณ์ หลายเรื่องที่ท่านพูดไม่ใช่ข้อเท็จจริง

ต่อมาเวลา 15.10 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า งบรายจ่ายปี 2566 มีความอันตรายคือ 1.ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหา เป็นแค่งบรูทีนของข้าราชการ และประเคนงบให้พรรคร่วมรัฐบาล 2.จัดงบผิดฝาผิดตัว มุ่งแต่ความเป็นรัฐราชการ เพิ่มแต่งบประจำ แต่ไม่เพิ่มงบลงทุน 3.โกหกหลอกลวง 4 ปีที่ผ่านมา นโยบายพรรคพลังประชารัฐทำไม่ได้

“อย่าอ้างการไม่ผ่านงบจะเกิดทางตัน เพราะยังถ้างบไม่ผ่าน สามารถใช้งบเหมือนงบประมาณปี 2565 ไปก่อนในส่วนงบประจำ งบผูกพัน ไม่มีสุญญากาศเกิดขึ้น การอ้างไปแก้ไขในชั้น กมธ.ไม่เคยแก้ไขได้ เพราะรัฐบาลเป็นเสียงข้างมากควบคุมทิศทางร่าง พ.ร.บ.ได้ จะไปพึ่งความหวังในชั้น กมธ. ต้องไม่เห็นชอบงบเพื่อเปลี่ยนตัวผู้นำเท่านั้น” นายจุลพันธ์กล่าว

ในเวลา 15.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วันแรกว่า ไม่มีอะไร ซึ่งประชาชนจะตัดสินใจเอาเอง ซึ่งยังไม่ได้ชี้แจงเท่าไหร่เลย รัฐมนตรีเป็นคนชี้แจง นายกฯ พูดแต่หลักการกว้างๆ ไป และเมื่อถามว่าดูเหมือนนายกฯ จะตอกกลับฝ่ายค้านไปหลายครั้ง พล.อ.ประยุทธ์สวนว่า จะตอกกลับเขาทำไมล่ะ ไม่ได้ตอกกลับ แต่เป็นการอธิบายกลับ ใช้คำพูดให้มันดีหน่อย 

ต่อมานายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบปี 2566 ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ยังเหมือนเดิม เป็นงบไม่ยอมเปลี่ยนแปลง รวมทั้งยังมีความเหลื่อมล้ำของการจัดสรรงบโดยส่วนกลาง โดยงบซ่อมถนนของกรมหลวงกับทางหลวงชนบท จ.บุรีรัมย์ นำโด่งได้มากกว่าค่าเฉลี่ย 4.29 เท่า รองลงมาคือ จ.สุรินทร์ 3.58 เท่า ท่านไม่สงสารจังหวัดอื่นๆ ที่ได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยบ้างหรือ เราจะอยู่ในระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาแบบนี้หรือ ตรงไหนคือการกระจายงบที่เป็นธรรมอย่างที่นายกฯ ชอบพูด

 เวลา 17.20 น. นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรค พท. อภิปรายว่า นายกฯ บริหารงานตามยถากรรม บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรช่างมัน มีแต่ไปกู้หนี้ยืมสิน สร้างมรดกบาปให้คนรุ่นหลัง แล้วบ้านเมืองจะไปได้อย่างไร นายกฯบอกจะอยู่อีก 4 ปี แต่เชื่อว่าจะมีเด็กผูกคอตายอีกเยอะ ประเทศนี้คนตายอีกเยอะ วันนี้เกิดภาวะของแพงทั้งแผ่นดิน พรรคการเมืองทุกคนอย่าทำบาปกับประเทศอีกเลย บอกท่านว่าไม่ได้แล้วพอแล้ว งบประมาณวันนี้เป็นการกระจายเพื่อการเมือง เพราะเตรียมการเลือกตั้ง การเมืองยุคนี้เลวร้ายที่สุด 

“เราอยู่การเมืองมานาน ไม่เคยได้ยินกล้วย แจกกันเป็นหวี แจกกันเป็นเครือ เอาเงินมาจากไหน แจกกันสะบัดช่อ พล.อ.ประยุทธ์เคยแข็งกร้าวกับนักการเมืองจะเอาจริงเอาจัง สุดท้ายอ่อนปวกเปียกยอมหมด นายกฯ ทำบาปต่อแผ่นดินมาเยอะแล้ว วันนี้ตามใจคนใกล้ท่าน ส่วนบ้านเมือง สังคม เศรษฐกิจ ชาวนา ชาวบ้านจะเป็นอย่างไร ท่านไม่ได้ใส่ใจ และเรื่องกระแนะกระแหนขอให้เพลาๆ  บ้าง ที่บอกว่าผู้ว่าฯ กทม. ถ้าทำได้กว่า 200 นโยบาย ก็เก่งกว่านายกฯ ขอบอกว่าเขาเก่งกว่าอยู่แล้ว” นายครูมานิตย์กล่าว  

ในช่วงค่ำ เวลา 19.00 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกชี้แจงภายหลังส.ส.เพื่อไทย อภิปรายพาดพิงถึงงบประมาณกระทรวงกลาโหมว่า งบประมาณจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในภาพรวมของกระทรวงกลาโหมนั้น เรื่องการจัดหาเครื่องบินขับไล่เอฟ 35 ยืนยันกระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นที่จะจัดหาเข้ามา เพราะมีภารกิจสำคัญในการป้องกันประเทศ เพื่อรักษาอธิปไตย ซึ่งเป็นภารกิจของกองทัพอากาศที่สำคัญ แม้ว่าปัจจุบันจะมีอยู่หลายแบบ แต่ถูกจำกัด และเครื่องบินที่มีขีดความสามารถบางเครื่องใช้งานมาเป็นเวลานานถึง 41 ปี เฉลี่ยที่มีอยู่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจมาแล้วถึง 28 ปี มีความจำเป็นจะต้องทยอยปลดประจำการ เนื่องจากไม่สามารถหาชิ้นส่วนอะไหล่เข้ามาทดแทน หรือซ่อมบำรุงไม่คุ้มค่า จึงได้มีการปลดประจำการไปตั้งแต่ปี 2564 ทำให้กองทัพอากาศมีเครื่องบินสกัดกั้นโจมตีอยู่ในระดับไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ อาจจะเป็นความเสี่ยงในเรื่องการป้องกันประเทศได้ กองทัพอากาศจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาขึ้นมาทดแทน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊ง' ดูไว้! นักการเมืองต้องรักษาสัจจะเหมือน 'อภิสิทธิ์' เคยหาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในงานอีเวนต์ ”10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10“ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม