ผวากัญชา!นายกฯบี้หนูคุมเข้ม

กระแสกัญชาตีกลับ  นายกฯ ยอมรับมีทั้งคุณและโทษ ถ้าไม่ควบคุมมันก็ไปกันใหญ่ เผยคุยกับ "อนุทิน" แล้วร่าง พ.ร.บ.กัญชงกัญชาต้องคุมเข้ม ขณะที่ รมว.สาธารณสุขโต้ข่าวพี้กัญชาแล้วตาย ต้องดูว่าสูบแบบโอเวอร์โดสหรือเปล่า ยืนยันกัญชาสำหรับการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น อะไรนอกเหนือจากนี้เป็นสิ่งที่ผิด บังคับใช้แล้วประกาศ  สธ. กลิ่น-ควันกัญชงกัญชาเป็นเหตุรำคาญ

หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้ กัญชาพ้นจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดกระแสดรามาเป็นระยะ ล่าสุดถึงขนาดมีการประโคมข่าวว่ามีคนตายเพราะเสพกัญชา   ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นการเมืองที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนำมาโจมตีว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเยี่ยมชมสมุนไพรอินทรีย์ปลอดสารในการส่งเสริมพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบด้านการแพทย์แผนไทย และศูนย์กลางสมุนไพรอย่างครบวงจร ที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร ให้สัมภาษณ์ว่า คณะกรรมการต่างๆ ไปดูรายละเอียดอีกทีว่าจะใช้อย่างไรในทางประโยชน์สร้างสรรค์กว่าไปใช้อย่างอื่นที่อันตราย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่พูดถึงหลักการในการใช้ มีมาตรฐานอย่างไร มีการตรวจสอบหรือไม่  ดีหรือไม่ดีตรงไหน

"คนมีอาการแพ้ คนที่ไม่เคยลองไปใช้แล้วมันอันตราย ต้องเตือนเขาด้วย มันมีทั้งคุณทั้งโทษ เราไม่อยากให้เริ่มไปแล้วมันเสียหาย ถ้าไม่ควบคุมมันก็ไปกันใหญ่ ให้ไปดูเกษตรกรส่วนหนึ่ง และสร้างการรับรู้กับประชาชนด้วย คนที่จะใช้ประโยชน์ เป็นห่วงตรงนี้ มีทั้งดีและผลข้างเคียง"

นายกฯ เผยว่า ได้คุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขไปแล้ว คณะกรรมการฯ จะไปดูรายละเอียดอีกทีว่าจะออกอะไรบ้าง ในขณะที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชงกัญชายังไม่ผ่านการพิจารณา ต้องมีมาตรฐานควบคุม จะต้องมีการกำหนดพื้นที่บ้างหรือไม่ หรือจะมีการสร้างการรับรู้ในการบริโภคต่างๆ ก็เห็นว่าหลายพื้นที่หลายร้านเอากัญชาใส่เข้าไปด้วย คนเขาไม่รู้ ถ้าจะเอาไปบริโภคกันก็ต้องติดประกาศที่ร้านว่ามีการผสม  และการผสมต้องอยู่ในกรอบว่าผสมได้เท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีการประกาศแล้วดูให้ครบ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประกาศแล้ว

ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องไปสอบดูเขาเสียชีวิตจากอะไร เขาเสพเกินหรือเปล่า ต้องไปดู

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวมีผู้เสพกัญชาแล้วเสียชีวิตว่า ถามก็ถามไม่ครบ รู้หรือไม่เขาเสียชีวิตเพราะอะไร ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าเสพกัญชาแล้วเเน่นหน้าอก นายอนุทินจึงตอบว่า ได้เห็นในรายงานว่าเสพขนาดไหน โอเวอร์โดสหรือไม่ ไม่ดูตรงนี้ก่อน มันเกิดขึ้นวันนี้หรือไม่ เพิ่งมาสูบเมื่อวานหรือไม่ ถ้าคนสูบแบบโอเวอร์โดสได้ สูบเป็นประจำแล้ววันนี้มีเหตุขึ้นมาทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีรายงาน ต้องการอะไร วันนี้ที่บอกว่าเสียชีวิต รายงานของแพทย์มีคำว่าโอเวอร์โดส ซึ่งคำว่าโอเวอร์โดส อย่าบอกว่าสูบกัญชา การกินยาแก้ปวดเกินขนาดก็โอเวอร์โดสแล้ว ต้องใช้อย่างเข้าใจ

เมื่อถามว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน แนะให้ผู้สื่อข่าวลองประเมินและวิเคราะห์เอาเอง อย่าไปก้าวก่าย ใครอยากทำอะไรก็ทำไป ถ้าเป็นเรื่องที่ดีกับประชาชน คนที่มาทำงานการเมืองต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว

"ยืนยันนโยบายกระทรวงสาธารณสุข กัญชาสำหรับการแพทย์และสุขภาพ อะไรนอกเหนือจากนี้เป็นสิ่งที่ผิด กระทรวงสาธารณสุขไม่เคยสนับสนุนให้เกิดขึ้น ถ้าตนจะรับผิดชอบคือใครใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ รักษาสุขภาพและเกิดผลเสีย ไอ้ตรงนั้นค่อยมาว่ากันว่าผิดพลาดตรงไหน ถ้าใช้ในทางที่ผิด ตั้งใจใช้ในทางที่ผิด ก็ไม่ต่างอะไรกับของไม่ควรเสพ และยืนยันเราไม่ได้โยนให้ประชาชนใช้วิจารณญาณเอง เพราะเราให้ประชาชนใช้เพื่อการแพทย์ ไม่เคยบอกให้นำไปเสพเพื่อให้โล่งหัว" นายอนุทินกล่าว

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงประเด็นการปลดล็อกกัญชากัญชงมีหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการกระจายไปสู่สถานศึกษาว่า เมื่อมีการหารือร่วมกรมอนามัยเรียบร้อยแล้ว จะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกหนังสือสั่งการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ให้ดูแลเข้มงวดเรื่องกัญชาเสรีในสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด และจะไม่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาในสถานศึกษาอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ชี้แจงว่า สาเหตุที่พรรคภูมิใจไทยดำเนินนโยบายเรื่องนี้ และผลักดันจนออกมาให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงการใช้กัญชาในระดับครัวเรือน ทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปากท้องของประชาชน เขาจะลืมตาอ้าปากได้ ส่วนเรื่องโทษของสารต่างๆ ในกัญชา พรรคภูมิใจไทยตระหนักดีมาตั้งแต่แต่เริ่มต้นทำนโยบาย จะเห็นว่าท่าทีของนายอนุทินย้ำเสมอว่าเสรีทางการแพทย์ไม่สนับสนุนในเชิงนันทนาการ

วันเดียวกันนี้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง กำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.2565 ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (ดร.สาธิต ปิตุเตชะ) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งเนื้อหาในประกาศกำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ เนื่องจากการใช้กัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด ในทางที่ไม่เหมาะสม

เช่น สันทนาการ อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่โดยปกติสุข หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยควันของพืชดังกล่าวจะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ปอดได้ด้วยการหายใจเอาควันเข้าไป ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย เช่น โรคปอด หอบหืด หลอดลมอักเสบ เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบจนเป็นเหตุให้เสื่อม หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง หรือผู้ที่ต้องประสบภัยกับเหตุนั้น สมควรกำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่นหรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข

ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมงานปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ปลดล็อกกัญชาเสรี สร้างเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ"

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากนโยบายการปลดล็อกกัญชา มีการคาดการณ์ว่าประชาชน เกษตรกร รวมถึงภาคธุรกิจ จะได้รับประโยชน์ เช่น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาท ต่อวิสาหกิจต่อรายต่อปี ขณะนี้วิสาหกิจชุมชนที่ยื่นขอปลูกกัญชาประมาณ 1,976 แห่ง ก็จะมีเงินไหลเวียนในระบบ 2,964 ล้านบาทต่อปี มีการส่งเสริมให้วัตถุดิบกัญชาเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอาง ซึ่งมีมูลค่าตลาด 200,000 ล้านบาทต่อปี กลุ่มผู้ป่วยนอนไม่หลับและผู้สูงอายุประมาณ 31 ล้านคน ประมาณการเป็นมูลค่า 64,000 ล้านบาทต่อปี

ด้าน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กัญชาเป็นภูมิปัญญาของชาติไทย ซึ่งยังมีความรู้ที่ดีอีกมากที่สมควรจะได้รับการรวบรวม ศึกษาวิจัย พัฒนา และต่อยอดต่อไปในอนาคต การนำกัญชามาพัฒนาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อระบบสุขภาพประชาชน ประเทศชาติ และถูกต้องตามกฎหมาย นับว่าเป็นภาพที่ชัดเจนตามภารกิจที่กำหนดไว้

โดยทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้ดำเนินการอย่างครบกระบวนการ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง นำไปสู่ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือสามารถต่อยอดเชิงเศรษฐกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ยา ด้านการท่องเที่ยว wellness มีการรวบรวมองค์ความรู้ เชิดชูเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติมากกว่า 200 ตำรับ ส่งเสริมแพทย์แผนไทย แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน ปรุงยากัญชาเฉพาะราย เพิ่มการเข้าถึงการใช้ยากัญชาในการรักษาโรค ในคลินิกกัญชาทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศกว่า 2,000 แห่ง ศึกษาวิจัย จัดทำมาตรฐาน ยากัญชา ผลักดันสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ให้ประชาชนทุกสิทธิ์เข้าถึงอย่างทั่วถึง สะดวกและง่าย และมีแนวทางในการนำไปใช้ในคลินิกเฉพาะโรค คลินิกผู้สูงอายุ การดูแลผู้ป่วย Long COVID และในระยะต่อไปจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มเติมการสร้างความรอบรู้ให้ประชาชน อสม. ผู้ป่วย ในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ดูแลสุขภาพตามวัยอย่างปลอดภัยและเหมาะสม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย