อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ประยุทธ์ลั่นเมียนมาขอโทษแล้ว/ฝ่ายค้านปั่นรุกอธิปไตย

“บิ๊กตู่” ยันเคสมิก 29 ล้ำน่านฟ้าไทยจบ! เมียนมาขอโทษแล้ว   อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ “บิ๊กป้อง” รับเดือดไม่แพ้คนไทยทุกคน แต่เพื่อนบ้านยอมรับผิดแล้ว ชี้การตัดสินใจที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความรวดเร็ว แต่วัดที่ความสุขุม รอบคอบ เหมาะสมสถานการณ์ บอกคนไทยอย่าขัดขากันเองเรื่องชงซื้อ “เอฟ 35” ที่จะเป็นอนาคตทัพฟ้า ฝ่ายค้านเรียงหน้าโหน ซัดเป็นเรื่องใหญ่รุกล้ำอธิปไตย อัดหากสมยอมแสดงว่าเกี๊ยะเซียะกองทัพถล่มชนกลุ่มน้อย

เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเครื่องบินรบ Mig 29 ของประเทศเมียนมา บินล้ำเข้ามาในเขตดินแดนประเทศไทยที่ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ว่าได้ประสานไปแล้ว เขายอมรับแล้ว และขอโทษมาแล้ว ซึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจ เจตนา  เนื่องจากตีวงเลี้ยวเข้ามาในเขตไทยนิดหน่อย ซึ่งเราเอาเครื่องบินขึ้นไปเพื่อแจ้งเตือนเขาแล้ว ก็เป็นตามมาตรฐานที่ต้องทำแบบนี้

 “วันนี้ทูตทหารก็ได้คุยกับเขาแล้ว เขาก็ขอโทษมา และตัวผมเองก็คุยกันแล้ว นี่คือสิ่งที่เป็นเรื่องที่มองดูอาจเป็นเรื่องใหญ่ แต่มันขึ้นอยู่ว่าเราจะทำเรื่องใหญ่ให้มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกไหม วันนี้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้ว ฉะนั้นมีอะไรก็พูดคุยหารือกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรายังมีสมรรถนะที่พอเพียงป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้าก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็งทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคตไว้ด้วย ฝากไว้ด้วยละกัน ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า หน่วยงานผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่และขั้นตอนที่ถูกกำหนดไว้ โดยกองทัพอากาศได้ชี้แจงรายละเอียดชัดเจนหลายรอบแล้วเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. แต่สิ่งที่เราต้องกำชับเพิ่มเติมคือ มาตรการที่ให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างไทยกับเมียนมา แต่เป็นเรื่องภายในเมียนมาแล้วส่งผลกระทบกับไทย เราจึงต้องประท้วงไปตามขั้นตอนของหน่วยงานทุกระดับชั้น ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้หนีภัยสงครามทะลักเข้ามาในไทยอีก จะมีแผนการรับมืออย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เราเตรียมรับมืออยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียวในสัปดาห์นี้ แต่เกิดขึ้นมาแล้ว 4-5 ครั้งในรอบปี ซึ่งเราได้ดำเนินการไปตามมาตรการ และทุกหน่วยได้ปรับการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

พล.ท.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้แสดงความชื่นชมกองทัพอากาศ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วทันเวลา และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ากองทัพไทยจะดำรงภารกิจในการป้องกันประเทศด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป

บิ๊กป้องรับเดือดเหมือนคนไทย

ขณะเดียวกัน พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พร้อมคณะ ซึ่งได้ขึ้นตรวจสถานีเรดาร์ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีประชาชนและแฟนคลับแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศดีหรือไม่ หรือเครื่องบินของ ทอ.มีไว้ใช้ในการแสดงวันเด็กหรือเปล่า หรือกระทั่งพูดว่าผู้บัญชาการระดับสูงของ ทอ.มีวิจารณญาณในการตัดสินใจช้าเกินไปหรือไม่ ที่ท่านแสดงความเห็นก็มีส่วนถูกต้อง แต่ขอบอกว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของเราดีมาก ไม่ใช่อย่างที่หลายคนแสดงทัศนะ เครื่องบินและนักบินของเราดี มีความรู้ มีประสบการณ์ และสุดท้ายการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็มีการตัดสินใจที่ดี ซึ่งการตัดสินใจที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความรวดเร็ว แต่วัดที่ความสุขุม รอบคอบ เหมาะสมกับสถานการณ์

 “ผมจะบอกตามตรงว่าผมก็เหมือนกับทุกท่าน ผมก็เดือดเหมือนกัน บางทีอาจเดือดกว่าพี่น้องประชาชนอีกด้วย แต่สิ่งที่เราดำเนินการไปแล้ว เราได้ประสานติดต่อกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศเมียนมา เพื่อขอให้กำกับดูแล ให้การปฏิบัติการอะไรก็แล้วแต่ในเขตแดนของท่าน ขอให้อยู่ในขอบเขต อย่าได้ล่วงล้ำเข้ามา ซึ่งผมก็ได้รับทราบถึงคำขอโทษและเหตุผล จริงเท็จอย่างไรก็ให้ว่ากันไปก่อน เขาให้เหตุผลว่าเมื่อวานช่วงนี้สภาพอากาศไม่ดีจริงๆ และเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรกที่ผ่านมา เขาก็ระมัดระวัง ประกอบกับภูมิประเทศ หากมองจากคนที่อยู่บนฟ้า บางทีอาจจะมองไม่เห็นว่าได้ผ่านล้ำ หรือตัดผ่านเข้ามาในบ้านของคนอื่น   ซึ่งเขตแดนไทยเมียนมาไม่ใช่สั้นๆ การข่าวของเราที่ดี เราก็รู้ล่วงหน้า แต่ไม่ว่าเราจะรู้ล่วงหน้าหรือรู้เฉพาะหน้าจากเรดาร์ เราก็ส่งเครื่องบินขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ภาพที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกร่วมกันของประชาชนชาวไทยที่ไม่ชอบ ถ้าผมเป็นเขาก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น” พล.อ.อ.นภาเดชกล่าว

พล.อ.อ.นภาเดชย้ำว่า เรามีระบบเรดาร์ตรวจจับ และมีสายข่าวที่ดี ขอให้ประชาชนได้เชื่อมั่นในกองทัพอากาศอย่างเช่นที่เคยเชื่อมั่นมาตลอด และโปรดไว้วางใจเรา ตนก็เหมือนทุกท่านนั่นแหละ ที่รักชาติ จึงขอให้ความเชื่อมั่นว่าเครื่องบินที่เราส่งขึ้นไป การขึ้นไปของนักบินของเรา ยังพบว่าทางโน้นยังมีความพลั้งพลาด ด้วยเจตนาจงใจหรือไม่ก็ตาม เราจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาด แต่ภายใต้ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ทำให้เรื่องใหญ่ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก

แจงความจำเป็น F-35

เมื่อถามว่า หากมีอีกครั้งจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.อ.นภาเดชกล่าวว่า ปกติการป้องกันภัยทางอากาศมี 3 ลำดับ พิสูจน์ฝ่าย สกัดกั้น และทำลาย แต่เมียนมาคือเพื่อน ถ้าเพื่อนพลั้งเผลอเดินตัดสนามหน้าบ้านแล้วเราจะไปยิงเขาตายเลยก็เกินไป เพราะฉะนั้นการปฏิบัติการที่เหมาะสมจึงอยู่บนพื้นฐานเพื่อนปฏิบัติต่อเพื่อน เชื่อว่าขณะนี้เขาตระหนักในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น 

เมื่อถามว่า ในอนาคตหากมีเอฟ 35 ประจำการ จะทำให้เมียนมาระมัดระวังการปฏิบัติการต่างๆ กว่านี้หรือไม่ พล.อ.อ.นภาเดชกล่าวว่า ไม่อยากให้เอามาโยงกัน เพราะอาจทำให้คนไม่เข้าใจนำมาพัวพันกันมากขึ้น เพราะภัยคุกคามของ ทอ. ไม่ใช่อย่างอื่น แต่ภัยคุกคามที่แท้จริงก็คือความล้าสมัย แม้เราจะมีความทันสมัยอยู่บ้าง แต่อีก 10 ปี ข้างหน้า ทอ.ก็จะมีความความล้าสมัยคืบคลานเข้ามาทุกวัน หากไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งต่ออนาคต ซึ่งโครงการจัดหาเครื่องบินเอฟ 35 เป็นโครงการที่จะนำให้เกิดความทันสมัยขึ้นทุกองคาพยพของ ทอ. เพราะจะเกิดการเรียนรู้ต่างๆ เช่นเทคโนโลยีและบุคลากร เป็นต้น

 “ถ้าเราคิดจะมีของดี ผมไม่อยากให้คนไทยเราขัดขากันเอง เพราะเราจะพลาด สู้เราช่วยกันสนับสนุนได้มาดีกว่า แม้จะพลาด ก็ขอให้เป็นขั้นตอนที่เขาไม่ขายให้เรา ไม่ใช่เราขัดขา โยกเยกกันเอง จนเราพลาดตั้งแต่ยกแรก ไม่ใช่ยกสุดท้าย ผมอยากให้คนไทยสามัคคีทุกเรื่อง โดยเฉพาะกับสิ่งดีๆ ในบ้านเมือง ก็ขออย่าโยงเรื่องเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องกัน”พล.อ.อ.นภาเดชกล่าว

ด้าน พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษก ทอ. ชี้แจงเรื่องนี้อีกครั้งว่า ผู้ปฏิบัติของ ทอ.ปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีการปฏิบัติที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น และได้รับการแจ้งเตือนจากระบบเรดาร์ภาคพื้นมายังที่ศูนย์ยุทธการทางอากาศ นักบินก็พร้อมวิ่งขึ้นภายใน 5 นาที ระยะทางกว่า 100 ไมล์ ประมาณกว่า 10 นาทีก็จะถึงเป้าหมาย แต่การไปด้วยเครื่องรบทางอากาศ นักบินก็ต้องระมัดระวัง แต่เครื่องที่เข้ามาเมื่อวาน เขาเข้ามาแป๊บเดียวแล้วก็ออกไป ในลักษณะการใช้อาวุธและโอเวอร์ชูต เข้ามาในพื้นที่ที่เป็นภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ต้นไม้ ซึ่งเขาไม่เห็นหรอก ก็เห็นใจนักบินที่อยู่ข้างใน

ส่วนที่ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ได้ออกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ จ.ตาก ถึงเหตุปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า มีกระสุนไม่ทราบชนิดและไม่ทราบฝ่ายข้ามมาตกยังฝั่งไทย ส่งผลให้ยานพาหนะของประชาชนเสียหาย และมีผู้หนีภัยความไม่สงบ ชาวเมียนมาได้เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย 855 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ 2 แห่ง คือ 1.บ้านมอเกอร์ไทย ผู้หนีภัยยอดเดิม 281 คน เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 26 คน และสมัครใจเดินทางกลับเมียนมา 2 คน ยอดคงเหลือ 305 คน 2.บ้านวาเล่ย์เหนือ เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 550 คน

ฝ่ายค้านแห่โหนปั่น

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวอย่างมาก โดยในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้หารือถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และรัฐบาลไทยมีมาตรการรองรับปัญหาอย่างไร

ขณะที่นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก กห.ในฐานะกำกับดูแลต้องไม่ปล่อยให้ ทอ.ออกมาแก้ตัวว่าเขาบินมาไม่นาน เพราะชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าทหารเพื่อนบ้านใช้เวลานาน ขณะที่เจ้าหน้าที่เราได้แต่ยืนดู กห.ต้องมีคำตอบให้ประชาชน เพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง

 ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว. ยอมรับว่า จะมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการทั้ง 2 สภาหาข้อมูลเรื่องนี้ เพื่อแจ้งประธานรัฐสภาทราบต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแล

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร กล่าวว่า อยากเสนอให้ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ประธาน กมธ. เรียก พล.อ.ประยุทธ์มาชี้แจงด้วยตนเอง พร้อมเรียก พล.อ.อ.นภาเดชเข้ามาชี้แจงกับ กมธ.ภายในสัปดาห์หน้า เพราะถือเป็นภัยความมั่นคง ยอมไม่ได้ และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า มีข้อมูลว่าเครื่องบินดังกล่าวไม่ได้บินเข้ามารอบเดียว แต่บินเข้ามาถึง 3 ครั้ง ในเวลา 20 นาที ก่อนทำการโจมตีในเวลา 17.00 น. จึงน่าสงสัยว่ามีการรู้เห็นเป็นใจของกองทัพไทยหรือไม่ที่เปิดให้มีการบินรุกล้ำ โจมตีชนกลุ่มน้อย

นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การตัดสินใจล่าช้าของกองทัพอากาศที่นำเครื่องบิน เอฟ 16 บินขึ้นไปสกัดกั้นเครื่องบินต่างชาติ ถือเป็นความบกพร่องของกองทัพอากาศไทย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความว่า เพื่อนคุณยิงประชาชนพม่าแล้วก็เลี้ยวล้ำเข้ามาในแดนเรา แล้วก็แล้วกันไป เวลาชาวพม่าเพื่อนเราหนีตายเข้ามา คุณกลับรีบผลักดันให้กลับบ้านไป กลับไปเพื่อไปถูกเพื่อนคุณยิง แบบนี้ชาวพม่าเพื่อนเราก็มีแต่ตายกับตายสิ ชาวพม่าไม่ใช่เพื่อนคุณบ้างเลยหรือ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า เรื่องละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงแบบนี้ ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ถึงทำเหมือนเล่นขายของ ท่าทีอย่างเป็นทางการของทั้ง 2 ฝ่ายต้องมี เราท้วงไปว่าอย่างไร เขาตอบมาแบบไหน ต้องให้ชัด นายกฯ พูดง่ายๆ แค่ไม่มีอะไร จะยิ่งทำให้ชาวโลกมองว่ารัฐบาลไทยมีอะไรกับรัฐบาลเผด็จการเมียนมาหรือไม่

 “ประชาชนเดินขบวน ตู้คอนเทนเนอร์มาล่วงหน้าเป็นวัน ทั้งแก๊ส น้ำ ปืนกระสุนยาง เต็มอัตราศึก ไล่ยิงไล่ตีแทบเป็นแทบตาย พอเครื่องบินเมียนมาล้ำแดน เครื่องบินเรามาเหมือนตำรวจในหนังไทย แถมนายกฯ อธิบายแทนว่าแค่มายูเทิร์น ทำเหมือนปฏิบัติการนี้ พล.อ.ประยุทธ์รู้เห็นเป็นใจ” นายณัฐวุฒิโพสต์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง