"กรณ์" ย้ำค่ากลั่นเป็นปัจจัยหลักทำราคาน้ำมันแพง "สนธิรัตน์" โอดกำเงิน 500 บาทยุคนี้ซื้อของมื้อหนึ่งยังไม่ได้ "อัยการ" ชี้คณะกรรมการกองทุนน้ำมันอำนาจเต็มเรียกเก็บค่ากลั่น "ทนายนกเขา-จตุพร" ประสานเสียงปลุกทวงคืนทรัพยากรประเทศสู่มือประชาชน
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนัดประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณาวิธีแก้ปัญหาราคานํ้ามันแพง ซึ่งสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ราคานํ้ามันดิบอยู่ในระดับเดียวกับวันนี้ที่ราคา 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่ากัน แต่ราคาดีเซลหน้าปั๊มถูกกว่ากันถึง 5 บาทต่อลิตร
“หากดูราคาค่าการกลั่น คือสาเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดราคาน้ำมันจึงแพง แต่ปี 2554 สามารถทำให้ราคาน้ำมันตํ่ากว่าปัจจุบันถึง 5 บาท วันนั้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเราเก็บภาษีน้อยกว่าปัจจุบัน และไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันชดเชยมากเท่าวันนี้ ดังนั้นที่อ้างว่าค่าการกลั่นสูง เพราะราคานํ้ามันดิบสูงนั้นไม่จริง ค่าการกลั่นที่ราคาแค่บาทกว่าๆ ในปีนั้น โรงกลั่นกำไรดีทุกโรง” นายกรณ์ระบุ
ที่ตลาดบางเขน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมคณะ ได้ลงสำรวจราคาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมจับจ่ายใช้สอยสินค้าภายในตลาด ก่อนระบุว่า ของแพงมาจากหลายมิติ มิติแรกคือเรื่องค่าขนส่งที่กระทบจากราคาค่าพลังงานมี่รัฐบาลต้องเจอปัญหาไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า มิติที่สองคือต้นทางการผลิตอาหาร ซึ่งหัวใจสำคัญคือเรื่องอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี ตรงนี้อยากเสนอให้รัฐบาลไปดูตั้งแต่ต้นทาง เพราะวิธีแก้ปัญหาปลายทางการกำกับราคาคงไม่ได้ และมิติสุดท้ายคือการบริหารจัดการ ต้นทุนสินค้าไปสู่มือพี่น้องประชาชน
จากนั้นนายสนธิรัตน์ได้โชว์สินค้าที่ซื้อจากตลาดในวันนี้ พร้อมระบุว่า “วันนี้นำเงินมา 500 บาท ตั้งใจจะมาซื้อของ ซึ่งในอดีตเคยซื้อได้ ตอนนี้ไม่พอ เพราะของขึ้นเกือบทุกรายการ อยากสะท้อนเรื่องนี้ อยากให้รัฐบาลไปดำเนินการแก้ไข”
ด้าน ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกฎหมายกรณีการนำส่งกำไรส่วนเกินของโรงกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีอำนาจตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ มาตรา 14 (4) และมาตรา 27 (1) ในการประกาศกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนโดยพิจารณาความเหมาะสมกับสภาวะวิกฤตราคาพลังงานในปัจจุบัน และ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังกำหนดบทลงโทษไว้ด้วยสำหรับผู้ไม่นำส่งเงินเข้ากองทุนฯ
วันเดียวกัน ที่บริเวณลานคนเมือง เสาชิงช้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน จัดกิจกรรมเสวนาสาธารณะ : ประเทศต้องมาก่อน ตอนทวงคืนพลังงานให้ประชาชน
โดยมีประชาชนทยอยเดินทางเข้าจับจองพื้นที่เพื่อฟังเสวนาอย่างต่อเนื่อง ช่วงแรกของกิจกรรมเป็นการแสดงดนตรี ก่อนที่เวลา 18.30 น. นายจตุพรขึ้นเวทีประกาศเจตนารมณ์การจัดกิจกรรมว่า จะจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูความสามัคคีของประชาชน และขจัดภัยกดขี่ประเทศชาติและประชาชนจากต่างชาติ ตลอดทั้งกลุ่มการเมืองกลุ่มทุนทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่รวมกันขายชาติจนกว่าจะบรรลุภารกิจ โดยต้องคืนความเป็นเจ้าของให้ประชาชนทุกคน เพื่อใช้สิทธิในการบริหารทรัพยากรของแผ่นดิน และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
“ทุกการปราศรัยในทุกมิติ ถ้าเราไม่อดทนที่จะต่อสู้ อยู่ที่บ้าน ทนบ่นว่าน้ำมันแพง ทนว่าไฟฟ้าแพง บ่นของแพง ตายก็ไม่ได้โลงศพก็แพง เราไม่มีวันหลุดพ้นได้ถ้าประชาชนไม่หลอมรวม และรวมต่อสู้กันเอง หมาที่ไหนก็ไม่ช่วย นอกจากที่พวกเราจะร่วมมือกันเอง” นายจตุพรกล่าว
จากนั้นคณะแกนนำหลอมรวมประชาชนได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยอภิปรายในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงานแพงกับการบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯจี้สางมาเฟียภูเก็ต!
"เศรษฐา" ลงภูเก็ต สั่งตำรวจจับตามาเฟียต่างชาติ
กกต.อวยคณะก้าวหน้า ‘ธีรยุทธ’ชงปมเลือกสว.
“อิทธิพร” เปิดติวเข้มเลือกตั้งสภาสูง ย้ำอย่าพยายามฝ่าฝืนกฎหมายเพราะโทษหนัก
เศรษฐาชี้อย่าเทียบคดีโจ๊กกับบิ๊กต่อ
"เศรษฐา" ชี้คำสั่งเด้ง "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการเป็นอำนาจ
ปัดยึดเก้าอี้ปธ.สภา แกนนำ‘เพื่อไทย’ลิ้นพันแจง/‘วันนอร์’ลั่นทำไม่ได้ไปเอง
“เศรษฐา” ย้ำ รมต.ให้ใช้ผลงานเป็นภูมิคุ้มกัน “สุทิน” รับเสียดายถ้าต้องหลุดเก้าอี้
เด้ง‘โจ๊ก’พ้นราชการ ‘บิ๊กต่าย’เซ็นคำสั่งฟันพร้อม4ลูกน้องเซ่นฟอกเงินเว็บพนัน
"รรท.ผบ.ตร." เซ็นคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อม 4 ตำรวจลูกน้องคนสนิท
สนอง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ งบกลาง68พุ่ง8แสนล.
ครม.ไฟเขียวงบปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มงบกลางอีก 1.52 แสนล้าน