‘วิษณุ’ท้าตีความ8ปีลุงตู่ พท.ฟุ้งซักฟอกไร้ลมโชย

"บิ๊กตู่" ไม่ตอบอยู่จนถึงเป็นเจ้าภาพจัดเอเปกใช่หรือไม่ ลั่นใครจะทำก็ทำเถอะ "วิษณุ" ท้าอย่าดีแต่คุยปมนายกฯ 8 ปี เห็นพูดกันจัง ก็ยื่นเลยไม่ได้ยากอะไร ประธานวิปรัฐบาลเหน็บฝ่ายค้านไร้สาระมาก เห็นเครื่องบินรบของเมียนมาบินเฉี่ยวก็ตะครุบเลย ทำให้ประเทศชาติวุ่นวายเปล่าๆ ส่วน "สุทิน" ยืนยันซักฟอก 5  วัน เปิดประชุมเมื่อไหร่ขอวัดกำลังทันที

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกของไทยที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า ขณะนี้มีการประชุมไปหลายส่วนแล้ว การจัดการประชุมก็มีการเดินกันเป็นขั้นๆ เริ่มจากคณะทำงาน การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ระดับรัฐมนตรีมี 180 กว่าการประชุมกว่าจะถึงการประชุมใหญ่ วันนี้ก็มีการเดินหน้าในหลายกระทรวง โดยการนำร่องของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะมาประชุมเรียกมาวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ จะต้องมีสารัตถะในการที่จะมาพูดกันในห้องประชุมเพื่อให้เกิดการลงนามและแถลงการณ์ร่วม การทำงานไม่ใช่สักแต่ว่าจะประชุมอย่างเดียว

เมื่อถามว่า จะอยู่จนถึงเป็นเจ้าภาพจัดเอเปกใช่หรือไม่ เพราะมีการมองว่าอาจจะมีประเด็นเรื่องการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี โดยจังหวะนี้ พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากโพเดียมให้สัมภาษณ์ทันที พร้อมกล่าวสั้นๆ ระหว่างเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าว่า "ก็แล้วแต่ ใครจะทำก็ทำเถอะ"

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ วาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีที่จะครบวาระในเดือนสิงหาคม ว่าเคยพูดแล้วว่าใครจะเป็นคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ หากใครมีความสงสัยก็ช่วยเข้าชื่อกันแล้วยื่น แต่รัฐบาลไม่ยื่นเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีผู้ยื่นตีความแล้วศาลรัฐธรรมนูญมาชี้ภายหลัง จะกระทบถึงคำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่างๆ อย่างไรหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยไว้อย่างไร เพราะในคำวินิจฉัยจะต้องบอกเอาไว้ เช่นปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมแต่ไม่มีใครทำอะไร จนกระทั่งล่วงเลยไปถึงเดือนธันวาคม แล้วศาลรัฐธรรมนูญไปวินิจฉัย หากจะพูดกันตามหลักคือไม่ถูกตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าครบวาระ 8 ปีในเดือนสิงหาคม แล้วสิ่งที่ทำไปจะถูกต้องหรือโมฆะหรือไม่นั้น ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำตอบตรงนั้นให้ ซึ่งก็มีเหมือนกับคดีอื่นๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำตอบให้

"หากใครสงสัยก็ควรไปยื่น ก็เห็นพูดกันจัง ก็ยื่นเลย เพราะไม่ได้ยากอะไร สามารถเข้าชื่อได้เพียงไม่กี่คน"

เมื่อถามว่า หากจะยื่นควรยื่นก่อนวันที่ 23 สิงหาคม  หรือหลังวันที่ 24 สิงหาคม นายวิษณุระบุว่า เมื่อไหร่ก็ได้  เพราะตอนนี้ก็เข้าเขต ถ้าหากอยากจะยื่น บัดนี้เข้าเขตก็ยื่นได้แล้ว อย่างไรก็ตามตอนยื่นจริงอาจจะยังไม่ใกล้วันที่  22-23 สิงหาคม และกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินก็คงจะเลยไปแล้ว เพราะฉะนั้นศาลต้องตัดสินแล้ว เพราะศาลคงไม่มาบอกว่าตอนยื่นไม่เข้าเขต

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายว่า ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เราเป็นรัฐมนตรีก็แค่กำกับและกำชับไว้ตั้งแต่ต้นว่า การดำเนินงานทุกอย่างต้องทำกฎหมาย ระเบียบ ขั้นตอน  ที่สำคัญต้องไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ และต้องได้ประโยชน์สูงสุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านประกาศเตรียมกลยุทธ์ไว้เด็ดหัวรัฐมนตรีในการอภิปรายครั้งนี้ ไม่กังวลใช่หรือไม่  นายสันติกล่าวว่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

ที่รัฐสภา นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล)  กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ฝ่ายรัฐบาลเตรียมความพร้อมหมดแล้ว โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรีพร้อมมาก และพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องช่วยประธานสภาในการทำหน้าที่ควบคุมการประชุม ส่วนองครักษ์พิทักษ์นายกฯ และรัฐมนตรีนั้นเราไม่มี แต่เราเป็นทีมปราบมาร เพราะถ้าใครเป็นมารเมื่อไหร่เราก็จะปราบ

"ฉะนั้นคำว่าองครักษ์ พิทักษ์นู่นพิทักษ์นี่ หมายความว่าคนที่เราต้องไปพิทักษ์นั้นทำผิดหรือหลบลี้หนีภัย อย่างนั้นต้องคอยหาองครักษ์คอยป้องกันและสร้างความปลอดภัย แต่อันนี้ไม่ใช่ เพราะเราตั้งทีมขึ้นมาเพื่อปราบมาร ซึ่งเราได้ฟอร์มทีมเรียบร้อยแล้ว จึงมีความมั่นใจ"

เมื่อถามว่า ยังคงกรอบเวลาการอภิปรายที่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย 4 วัน และลงมติวันที่ 5 หรือไม่ นายนิโรธตอบว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านติดต่อกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 และการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งเนื้อหาสาระจริงๆ ก็ไม่มีประเด็นอะไร และช่วงระยะเวลาการทำงานของรัฐบาลในสมัยประชุมนี้เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน ดังนั้นประเด็นหลักๆ  หรือการทุจริตยังไม่มีอะไร

 “จะเห็นได้ว่า พอมีเครื่องบินรบของเมียนมาบินเฉี่ยว โฉบเข้ามาในฝั่งไทย ก็ตะครุบเลย จะต้องเป็นประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมดูแล้วไร้สาระมาก คือดูแล้วไม่มีอะไรเลย ทำเรื่องให้เป็นเรื่องเป็นราว ทำให้ประเทศชาติวุ่นวาย และทำให้ประชาชนสับสนหวาดกลัวเสียมากกว่า  เพราะเรื่องระหว่างประเทศ ทางการทูตก็ต้องประท้วงไปตามหลักการและพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำผิด และเสียหายมากมาย จะให้รบกับประเทศเพื่อนบ้านหรืออย่างไร ผมคิดว่าไร้สาระ และแย่มากๆ ถือว่าเป็นการทำลายความมั่นคงของประเทศอย่างหนึ่ง น่าจะผิดกฎหมายอาญาหรือไม่” นายนิโรธกล่าว

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เผยว่า   จากการพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านคิดว่าวันเวลาที่เหมาะสมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือ 5+1 ซึ่งไม่มีอะไรเสียหายหรือจะกระทบกับส่วนใด เช่นหากใช้เวลา 5 วัน อย่างมากก็ล้นไปอภิปรายในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ ไม่ได้ไปชนกับวาระอื่น อีกทั้งไม่ได้ไปทำให้ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล เพราะวันเสาร์และวันอาทิตย์ทางรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเรามาทำงานวันเสาร์และวันอาทิตย์เพิ่มขึ้น จะทำให้ประชาชนชื่นใจและเห็นว่าสภาทำงาน เพื่อเขาอย่างไม่มีวันหยุดหย่อน หากในอดีตอาจจะไปชนกับวาระสำคัญ ถ้าแบบนั้นเราก็ไม่ว่า แต่เมื่อเวลาโล่ง ไม่มีอะไรได้รับผลกระทบ รัฐบาลก็ไม่มีเหตุผลที่จะมากีดกัน

 “ที่บอกว่าขอไป 5 วันคือเกณฑ์ขั้นสูง เอาเข้าจริงอาจจะไม่ถึง รัฐบาลไม่น่ามีเหตุผลอะไรมาบีบเป็น 3 วันหรือ 4 วัน โดยในการประชุมวิป 3 ฝ่ายวันที่ 6 ก.ค. เราจะเสนอก่อนว่าจะอภิปราย 5 วัน ถ้ายอมไม่ได้ก็ใช้ข้อบังคับแทน ก็ลองดูสักที ชวนรัฐบาลใช้ข้อบังคับสักที ไม่ต้องตกลง ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีแนวปฏิบัติที่เคยปฏิบัติมาอยู่แล้ว ทุกคนรู้อยู่แล้วในประเพณีปฏิบัติ คงไม่มีใครออกนอกลู่นอกรอย” นายสุทินกล่าว

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด 

นพ.ชลน่านกล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน 30 คน เป็นการแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยมั่นใจในเป้าหมายที่จะแลนด์สไลด์ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เพราะเป็นพื้นที่ที่เข้มแข็ง พี่น้องประชาชนชื่นชอบและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนอย่างเหนียวแน่น เข้มแข็งมาตลอด

ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานเสวนาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อยกระดับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ EEC ว่า เราก็ทำเต็มที่ 2-3 ปีนี้ก็ไม่มีน้ำแล้งเลย เพราะเราสามารถกระจายและบริหารจัดการน้ำได้อย่างดี ส่วนจะเป็นผลงานของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ก็แล้วแต่จะคิด ตนไม่ทราบว่าเป็นจุดขายหรือไม่ แต่เราก็ทำเพื่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนเขตไหน เราทำเพื่อประเทศชาติเป็นส่วนรวม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง