เทงบ8.3พันล้าน เบี้ยพิเศษสูงอายุ งวดแรก19ก.ค.

“พ่อยกตู่” ลั่นทำทุกวิถีทางเพื่อคลี่คลายความโศกเศร้า ความทุกข์ตรมต่างๆ ของประชาชนให้ได้มากที่สุด ขอให้มั่นใจไทยมียุทธศาสตร์รองรับทั้งพลังงาน-อาหาร ประเดิมช่วยกลุ่มเปราะบาง อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุรายเดือนย้อนให้ตั้งแต่ เม.ย.-ก.ย. วงเงินกว่า 8.3 พันล้านบาท

เมื่อวันอังคารที่ 5 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทันทีที่เดินมาถึงโพเดียมแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ก่อนถอนหายใจยาวและถามสื่อมวลชนว่า กินข้าวกันหรือยัง จากนั้นแถลงว่า รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของพี่น้องที่มาจากวิกฤตพลังงานของโลกที่เกิดขึ้น ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์เพื่อรองรับสถานการณ์ ทั้งระยะสั้น 3 เดือน ระยะกลาง 6 เดือน และระยะยาว 1 ปี เพื่อให้เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะไม่เกิดการขาดแคลนทั้งด้านพลังงานและอาหาร โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อเร่งรัดจัดทำมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง ครม.จึงอนุมัติจัดสรรงบประมาณปี 2565 ที่เคยเห็นชอบหลักการไปแล้วเพื่อจ่ายเงินพิเศษช่วยเหลือพี่น้องผู้สูงอายุ 10.9 ล้านคน ตามระดับของอายุ อาจไม่มากนักในรายบุคคล เมื่อรวมแล้ว 10.9 ล้านคน รวมเป็นวงเงินประมาณ 8,300 ล้านบาท โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับการช่วยเหลือเดือนละ 100-250 บาทต่อคนต่อเดือน ภายในเดือน ก.ค.นี้จะเริ่มจ่ายผู้สูงอายุครั้งแรกเป็นเวลา 4 เดือน โดยจ่ายทุกเดือนจนถึงเดือน ก.ย. แม้ว่าจะไม่มากนักแต่เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยผู้สูงอายุได้ไม่มากก็น้อย ยามนี้เราทุกคนต้องหาทางช่วยกัน รัฐบาลก็ทำเท่าที่เราทำได้

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบการธุรกิจโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมปีละ 40 บาทต่อห้องพักตั้งแต่ปี 2563 โดยขยายเวลาไปจนถึง มิ.ย.2567

“ที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังทุกปัญหาของประชาชนที่เกิดขึ้น บางอย่างต้องแก้ไขเร่งด่วน แต่บางอย่างอยู่ในกระบวนการ   บางอย่างต้องดูเรื่องกฎหมายต่างๆ  เพราะเราทำหลายๆ อย่าง ถ้าคิดจะทำถ้ากฎหมายไม่พร้อมมันก็คือปัญหา ทำไม่ได้ ก็ต้องไปปรับกฎหมาย ซึ่งอาจช้าไปบ้าง วันนี้เราบริหารได้ดีพอสมควร พลังงานเรายังไม่ขาดแคลน ยังมีใช้อยู่ แต่ราคาสูงขึ้น ฉะนั้นเราคงต้องเตรียมความพร้อมเหล่านี้ไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่โควิดมาจนถึงพลังงาน” นายกฯ กล่าว และว่า พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า โดยรัฐบาลมุ่งหวังอย่างเดียว ทำอย่างไรจะคลี่คลายความโศกเศร้า ความทุกข์ตรมต่างๆ ของประชาชนให้ได้มากที่สุด ก็ขอความร่วมมือเท่านั้นเอง ขอความเข้าใจและร่วมมือกัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ....โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ 40 บาท/ห้องพัก เป็นเวลา 2 ปีตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565-30 มิถุนายน 2567 จากที่กฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมจะสิ้นสุดผลใช้บังคับไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2565 ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้เฉลี่ยประมาณปีละ 24,893,080 บาท แต่ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมได้ 47,354,200 บาท

นายธนกรยังกล่าวถึงการอนุมัติวงเงิน 8,382.2 ล้านบาทจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุจำนวน 10,946, 646 คน ว่าเพื่อบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-  ก.ย.2565 ตามที่มติ ครม. เมื่อวันที่ 26 เม.ย. อนุมัติหลักการ โดยงวดแรกจ่ายในวันที่ 19 ก.ค. เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษครั้งเดียวสำหรับ 4 เดือน (เม.ย.- ก.ค.2565) ครั้งที่สอง 19  ส.ค.2565 สำหรับเดือน ส.ค. และครั้งที่สาม 19 ก.ย. สำหรับเดือน ก.ย. โดยจ่ายเข้าบัญชีธนาคาร และจ่ายเงินสดให้กับผู้สูงอายุ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น   กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำเรื่องเศรษฐกิจฐานราก โดยได้กำชับให้กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงการคลัง, กระทรวงพลังงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และทุกส่วนราชการร่วมกันขับเคลื่อน รวมถึงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่กำหนดแผนงานเชิงยุทธศาสตร์ตามช่วงระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือนก.ค.-ก.ย.2565 และในช่วง 6 เดือนถึงเดือน ธ.ค. โดยให้เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบวิกฤตด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆทั้งวิกฤตเรื่องอาหารและวิกฤตด้านพลังงาน รวมทั้งส่งเสริมแนวทางใหม่ๆ ในการสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ

วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา พร้อมสมาชิกกลุ่ม ยื่นหนังสือทวงถาม พล.อ.ประยุทธ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และปรับรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โดยระบุว่า ได้เคยยื่นข้อเรียกร้อง 9 ข้อแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ และไม่มีการชี้แจงเหตุผลเลย จึงมาทวงถามเพื่อให้แก้ไขคำว่าปิโตรเลียมเป็นของรัฐ เป็นปิโตรเลียมเป็นของรัฐและประชาชนร่วมกัน และขอให้แก้บทบัญญัติมาตราต่างๆให้สอดคล้องเพื่อรับรองและคุ้มครองสิทธิประชาชน และในวันที่ 7 ก.ค. จะเดินทางไปทวงถามนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อทวงถามเรื่องของแพงและน้ำมันแพงต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง