‘ธรรมนัส’ลา‘ป้อม’ถอนยวงรัฐบาล

องุ่นเปรี้ยว “เศรษฐกิจไทย”  หาที่ลงพ่ายเลือกตั้งซ่อมลำปาง อ้างเหตุยังร่วมรัฐบาล ประกาศถอนยวงไปเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน “ธรรมนัส” เตรียมหาโอกาสกราบลา “บิ๊กป้อม” นายกฯ ยันมีผลงานอีกเยอะนอกจาก 3 แกนหลักแต่ไม่ได้พูด ไม่ตอบเรื่องสั่งสูตรโหวตหาร 500 “ประวิตร” ลั่นจบแล้ว “อนุทิน-จุรินทร์” ยันพร้อมลุยทุกกติกา เพื่อไทยไม่ยอมแพ้  ประกาศหาทุกวิถีทางล้ม บอกกลัวเกิดเหตุการณ์ซื้อขายนักการเมือง!

                    เมื่อวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงระยะเวลาของรัฐบาลที่เหลืออีกประมาณ 8-9 เดือน นอกจากกลยุทธ์ภาพใหญ่ 3 แกนหลักที่ประกาศแล้ว ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเพิ่มเติมหรือไม่ว่า ยังมีเรื่องอื่นอีกเยอะที่ยังไม่ได้พูด และกลยุทธ์ภาพใหญ่ 3 แกนหลักนั้นเป็นนโยบายมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่มาทวนให้ทุกคนได้ฟังว่าอะไรที่เรากำลังเดินหน้าประเทศ

“เราทำมาตั้งหลายปีแล้วทั้ง 3 แกนหลักและยังมีอีกหลายอย่างที่เราได้ทำแต่ยังไม่ได้พูดถึง เช่น การบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ เรื่องเกษตรกรก็มีการแก้ปัญหาความยากจน เคยมีใครคิดบ้างไหมล่ะแบบนี้ เรียนรู้กันเสียด้วยนะจ๊ะ เรียนรู้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที และเมื่อถามย้ำว่าจะไม่ชี้แจงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ที่ฝ่ายค้านระบุว่าเป็นคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์หรือ ซึ่งนายกฯ ได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมกับยกมือขึ้นโบกปฏิเสธไม่ตอบคำถาม

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงเรื่องสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ว่า เรื่องนี้มันจบไปแล้ว จะมาถามอะไรเล่า และเมื่อซักว่าได้คุยกับนายกฯ หรือยังเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “คุยอะไร ก็คุยกันทั้งวันอะ”

เมื่อถามต่อว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตรยืนยันหาร 100 พล.อ.ประวิตรย้อนว่า “ใครบอก” เมื่อถามว่าที่สุดแล้วก็เห็นด้วยกับ 500 ไม่ได้โดนบังคับอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยเสียงดังว่า “ฮู้! บังคับอะไร ใครจะมาบังคับผมได้” และเมื่อถามว่า มองกันว่าก่อนหน้านี้เหมือนนายกฯ ไปล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลให้สนับสนุนหาร 500 พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้อะ ไม่รู้ๆ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการยื่นวินิจฉัยสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญจะบอกในตอนนั้น ซึ่งในวันที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาก็ต้องบอกด้วยอยู่แล้วว่าจะทำอย่างไร เพราะในตอนนั้นศาลอาจบอกก็ได้ว่าสูตรหาร 500 หรือ 100 ไม่ถูกทั้งคู่ ทั้งนี้ ต้องรอศาลวินิจฉัยก่อน และหากในที่สุดสูตรหารด้วย 500 นำมาใช้ได้ต้องออกระเบียบอะไรหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องพิจารณาว่าจำเป็นต้องออกระเบียบอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ในการนับจำนวน ส.ส. แต่ขอให้รอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะให้ความกระจ่างในเรื่องเหล่านี้ได้ทั้งหมด

“ภท.-ปชป.” พร้อมลุยทุกกติกา

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงสูตรหาร 500 ว่า ได้ให้ ส.ส.และผู้สมัครอยู่ใกล้ชิดพื้นที่ตลอดเวลาอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะพรรคให้ความสำคัญทั้ง ส.ส. ระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ซึ่งกติกาเลือกตั้งกำหนดรูปแบบ 2 ใบ เราก็ต้องทำนโยบายให้ดี และทำพื้นที่ให้แข็งแรง

เมื่อถามว่า การใช้สูตรหาร 500 พรรค ภท.จะได้ ส.ส.เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เคยบอกไว้แล้ว ส.ส.ได้กี่คน เย็นวันเลือกตั้งก็จะทราบ ส่วนที่พรรคจะได้ ส.ส.เขตเกินโควตาจนไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ไม่มีหรอก เราเจียมเนื้อเจียมตัว เราทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ พยายามไม่ทะเลาะกับใคร แต่คนมายุ่งกับเราก่อน อยู่เฉยๆ ก็โดนทัวร์ลงโดนโหดมาก เราก็ได้แต่ปกป้องพรรคและชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจมากที่สุด

ถามว่า นายอนุทินจะลง ส.ส.แบบเขตหรือบัญชีรายชื่อ นายอนุทินกล่าวว่า ลงบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคส่วนใหญ่ลงบัญชีรายชื่อ และเมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ผลอีสานโพลยกให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยได้อันดับ 1 เหมาะกับการนั่งตำแหน่งนายกฯ แต่นายอนุทินได้ลำดับที่ 5 นายอนุทิน กล่าวว่า “โล่งใจ ทัวร์จะได้ไปลงที่อื่น ทัวร์มาเที่ยวบ้านผมบ่อยแล้ว”

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. กล่าวถึงสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ว่า ต้องรอกระบวนการให้จบก่อน กฎหมายลูกยังไม่เสร็จเลย เพิ่งผ่านมาตรา 23 ยังมีอีกหลายมาตรา สิ่งที่ต้องพิจารณาคือเคารพการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่ในสภา แต่ไม่ได้ละทิ้งเสียงส่วนน้อยอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภท.จะเน้นเขตหรือบัญชีรายชื่อมากกว่ากัน นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ภท.ส่งครบอยู่แล้วในทุกเขต เพราะทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน และตนเองก็พร้อมลงทั้ง ส.ส.เขตหรือบัญชีรายชื่อแล้วแต่พรรคพิจารณา

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีหลายพรรคการเมืองจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมเลือกตั้งว่า ปชป.ได้ทำกิจกรรมทางการเมืองมาต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยมีกิจกรรมจุรินทร์ออนทัวร์ แต่ช่วงนี้อาจเพลาลงไปบ้าง แต่หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลไปแล้ว คณะผู้บริหารพรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะประชุมจัดกิจกรรมทางการเมืองต่อไป ไม่ว่านับจากนี้ไปจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม

เมื่อถามว่า ปชป.ประเมิน ส.ส.ที่คาดว่าจะได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้ากี่ที่นั่ง นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ได้ประเมิน แต่จะทำให้ดีที่สุด เพราะเรามั่นใจในสิ่งที่ทำมาตลอด 3 ปีในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แม้เราได้ ส.ส. 52 ที่นั่ง แต่เราประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง และมีผลงานออกมามากเกินจำนวน ส.ส. 52 เสียงด้วยซ้ำ

เมื่อถามว่า สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่หารด้วย 500 จะทำให้พรรคได้ ส.ส.น้อยลงหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ได้ประเมินเรื่องนี้ แต่กติกาออกมาอย่างไร เราก็ต้องเป็นไปตามนั้น พรรคยินดีปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของแต่ละพรรคการเมือง

ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยอมรับว่า สูตรหาร 500 จะทำให้พรรคเสียเปรียบ โดยเฉพาะพรรคขนาดกลางและเล็กที่ชื่อเสียงของพรรคยังไม่เป็นที่รับรู้ของประชาชนมากนัก อาจทำให้บางพรรคไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย

ทำทุกวิถีทางล้มหาร 500

ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคยืนยันว่ามติรัฐสภาที่เห็นด้วยกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 เป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 มาตรา 91 อย่างจงใจ ชัดแจ้ง แสดงถึงเจตนาในการสืบทอดอำนาจของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน หากถูกนำไปใช้จริงในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศจะหนักหนารุนแรงกว่าตอนนี้แน่นอน เพราะจะเกิดการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่มีให้เห็นมากขึ้นกว่าเดิม เกิดการอัปราคาค่าตัว สร้างกลุ่มก้อนใหม่ๆ ตลาดซื้อขายนักการเมืองจะเกิดขึ้นอย่างไม่อายประชาชน ซึ่งพรรคยืนยันเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายทุกช่องทาง เพื่อสกัดกั้นความเลวร้ายที่กำลังจะมาถึง

“กี่สารพัดวิธีที่ผู้มีอำนาจหวังล้มทำลายพรรคเพื่อไทย พี่น้องประชาชนรู้เห็นทุกอย่าง อย่าดูถูกประชาชน วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่มีแต่นั่งร้านเป็น ส.ว. 250 คนคอยดันหลังให้เท่านั้น แต่ประชาชนทั้งประเทศไม่ยอมรับอีกต่อไป ต่อให้กติกาจะบิดเบี้ยว ต่อให้ท่านลงพื้นที่เพื่อหวังคะแนนเสียง ก็ไร้ความหมาย เพราะศรัทธาประชาชนติดลบไปแล้วจากการกระทำของท่านตลอด 8 ปีที่ผ่านมา” น.ส.ธีรรัตน์กล่าว 

 วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากผลการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง โดย พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมของพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) พ่ายแพ้ เนื่องจาก ศท.ยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่ โดย พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าบึ้งตึง ก่อนเดินขึ้นตึกสันติไมตรีเพื่อเข้าประชุม ครม. และภายหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรก็ตอบในเรื่องนี้สั้นๆ ว่า “ก็ไปถามพรรคที่ส่งคนลงที่ลำปางเขาสิ” และเมื่อถามว่าต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามพร้อมขึ้นรถกลับทันที

ส่วนนายจุรินทร์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลทั้งประเทศ เพราะก่อนหน้านี้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรีที่แข่งระหว่างพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ปรากฏว่าฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ชนะ จึงคิดว่าขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่และหลายเงื่อนไขของการเลือกตั้ง ต้องดูอย่างแยกแยะเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์แท้ที่จริงแต่ละครั้งว่าเป็นอย่างไร

นายอนุทินกล่าวเช่นกันว่า วัดกันไม่ได้ เพราะเป็นการแข่งกันแค่ 2 พรรค และอยู่ช่วงปลายรัฐบาล เวลาจริงๆ แข่งเป็น 10 พรรค การเปรียบเทียบอะไรต้องเปรียบเทียบบนพื้นฐานบริบทเดียวกัน ดังนั้นจึงวัดอะไรไม่ได้

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า การเลือกตั้งก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเป็นปกติอยู่แล้ว และขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร ต้องรอดูในการเลือกตั้งใหญ่ดีกว่า แต่ครั้งนี้ถือว่าประชาชนชาว จ.ลำปางตัดสินใจแล้ว

ส่วนนายวราวุธระบุว่า เป็นบทเรียนให้กับฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ผ่านไปเพียงปีกว่าๆ ก็สามารถพลิกผันได้ ต่อจากนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง สถานการณ์ก็อาจพลิกผันได้ สิ่งที่ดีอาจจะไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีอาจจะกลับมาดี เป็นการบ้านที่พรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้านต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทำความเข้าใจ และเรียกความนิยมจากประชาชน

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล รองหัวหน้าพรรค และประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ศท. กล่าวถึงการพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่ จ.ลำปาง ว่าพรรคได้วิเคราะห์สาเหตุที่แพ้ว่าเป็นเพราะประชาชนไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคสนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นกรรมการยุทธศาสตร์พรรคและสมาชิกพรรคเห็นว่าสมาชิกพรรคของ 2 คน คือ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค ศท. ซึ่งเป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) อยู่ควรลาออก 

นายไผ่กล่าวถึงการยื่นหนังสือลาออกจากวิปรัฐบาลว่า เป็นวิธีการแสดงความชัดเจนเรื่องสถานะของพรรคว่ากำลังทำอะไร ซึ่งสถานะ ศท.ขณะนี้ถือว่าเป็นการเมืองอิสระในสภาผู้แทนราษฎร และหลังจากนี้ให้ติดตามปฏิกิริยาของพรรคในการทำงานในสภา และล่าสุดหนังสือการลาออกถึงเลขานุการวิปรัฐบาลแล้ว

นายบุญสิงห์กล่าวว่า การลาออกจากวิปรัฐบาลครั้งนี้ หมายถึงการถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล

เตรียมกราบลาบิ๊กป้อม

แหล่งข่าวจาก ศท.เผยว่า สังคมเห็นความไม่ชัดเจนของพรรค เราจึงอยากแสดงจุดยืนที่ชัดเจน โดยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมาถึง ส.ส.พรรคจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนโดยยกมือโหวตสวนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรค ศท. กล่าวว่า จากนี้ไปพรรคก็เตรียมตัวไปทำงานร่วมกับฝ่ายค้านอย่างชัดเจนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งหลังจากเดินทางมาถึง กทม.จะเข้าพบกับ พล.อ.ประวิตรเพื่อกราบลาในการที่ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ตามธรรมเนียมของคนไทยก็ต้องไปลามาไหว้

ส่วนนายวัฒนา สิทธิวัง หรือหมอรวย ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 3 พรรค ศท. ได้เข้ายื่นคำร้องต่อนายทองเนตร ดูใจ ผู้อำนวยการ กกต.จ.ลำปาง เพื่อขอให้ตรวจสอบผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปาง เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เป็นไปอย่างไม่สุจริตเที่ยงธรรม เข้าข่ายกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ไปยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อให้ทราบเบาะแส และพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นคลิป 2 คลิป และภาพถ่ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 เพื่อให้ตรวจสอบเช่นกัน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวหลังพรรค พท.ประกาศรายชื่อ 21 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. โดยเฉพาะเขตดอนเมือง ที่ไม่มีชื่อนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.นั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท.ระบุว่า พรรคพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยพฤติกรรมนายการุณไม่ได้เข้าร่วมประชุม หรือร่วมกิจกรรมใดของในครึ่งปีที่ผ่านมา และไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองพรรคอื่น พรรคจึงต้องสรรหาตัวแทนประจำเขตดังกล่าวแทน ยืนยันว่าพรรคทำตามหลักการและหลักเกณฑ์ โดยไม่ได้มีอคติหรือตั้งธงกับบุคคลใด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์รูปและข้อความผ่านอินสตาแกรมระบุว่า มาเฝ้าพ่อ แต่ไมเกรนขึ้น so useless ขณะที่ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ก็ได้โพสต์รูปคู่ น.ส.แพทองธาร ผ่านไอจีพร้อมระบุว่า พยาบาลคู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณเดินทางไปยัง รพ.แห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ เพื่อตรวจสุขภาพตามนัดหมาย และเข้ารักการผ่าตัดถุงน้ำดีและไส้เลื่อนที่เป็นมานานแล้ว แต่ที่รับการผ่าตัดช่วงนี้เพราะเป็นเวลาที่เหมาะสม โดยผ่าตัดไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ขณะนี้หมออนุญาตให้เดินทางกลับมาพักฟื้นที่บ้านพักที่สิงคโปร์แล้วอาการทั่วไปเป็นปกติ เมื่อพักฟื้นดีขึ้นแล้วนายทักษิณจะเดินทางกลับดูไบวันที่ 16 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่า พรรคได้มีหนังสือเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค (ชุดรักษาการ) หัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค ร่วมประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 3 ส.ค.2565 ที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีวาระพิจารณาการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค การเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ การเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรค โดยวาระที่ต้องจับตาคือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติชุดใหม่ และการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งชุดใหม่ ซึ่งต้องจับตาการเปิดตัวแกนนำพรรคสำคัญๆ เช่น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค รวมถึงนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม., นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายวีระชัย วีระเมธีกุล อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์, นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง อดีตเลขาธิการพรรครวมพลังประชาชาติไทย ส่วนที่ทำการพรรคใหม่ จะย้ายจากเพชรเกษม 18 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ มาอาคารเลขที่ 35 อารีย์ ซอย 5 พหลโยธิน 7 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง