ถล่มตู่‘รัฐบาล608’ เปิดฉากสอยอนุทินทับซ้อนกัญชา/สะพัดแจกกล้วย2ล้าน

วันแรกอภิปรายไม่ไว้วางใจร้อนฉ่า “ชลน่าน” อัดประยุทธ์เป็นผู้นำลวงโลก รัฐบาล 608 หมดราคา ซัดสถาปนารัฐสภากล้วย เจ็บใจไม่เลิกโยงเรื่องหาร 500 เผาบ้านเพื่อแค่จับหนูตัวเดียว “ทักษิณ” สะดุ้งแทน “บิ๊กตู่” ตอกกลับนายกฯ ฉลาดตอนนี้อยู่ไหน ท้าแน่จริงพากลับไทยให้ได้ “เพื่อไทย” พาเหรดอัดอนุทินเรื่อง “โควิด-กัญชา” เสี่ยหนูย้อนคำท้าเรื่องฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส สธ.ขนทีมแถลงเรื่องกัญชา “ปช.-ก.ก.” ประสานเสียงถล่มศักดิ์สยาม ปูด “นายเอ” ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดง-นอมินีถือหุ้น

เมื่อวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม เป็นวันแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 ราย  ที่นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ  จำนวน 186 คน เป็นผู้เสนอ

โดยก่อนการประชุม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาเข้าร่วมประชุมเพื่อร่วมรับฟังการอภิปรายกล่าวว่า ในวันนี้เป็นเพียงเพื่อนเจ้าบ่าว ไม่ได้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และในฐานะที่เป็นฝ่ายกฎหมาย ไม่ได้ห่วงรัฐมนตรีที่ไม่เคยถูกอภิปรายแต่อย่างใด เพราะในฐานะที่เป็น ส.ส. ย่อมเคยอภิปรายคนอื่นมาบ้างแล้ว เชื่อว่าจะผ่านไปด้วยดี 

ขณะที่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอให้ติดตามการประชุมทั้ง 4 วัน รับรองมีเรื่องที่ตื่นเต้นและสนุกทุกวัน โดยเฉพาะวันสุดท้ายที่เป็นวันสรุปโดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) จะเป็นผู้สรุปจบข้อมูลที่สมาชิกร่วมอภิปรายตามยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน ไม่ตายในสภา ก็ไปตายในสนามเลือกตั้ง

ด้านนายสุทินระบุว่า ฝ่ายค้านจะใช้เวลาอภิปรายวันละ 11 ชั่วโมง วันแรกจะอภิปรายรัฐมนตรี 5-6 คน เริ่มด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย หากไม่ทันจะขยับไปเป็นวันที่ 20 ก.ค. โดยในวันดังกล่าวจะอภิปรายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ รวมถึงนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากนั้นจะเข้าคิวเดี่ยวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จากนั้นจะอภิปรายวีรกรรมร่วมของ 3 ป. เมื่อเสร็จแล้วจะเข้าสู่การอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม โดยจะให้เวลาตรงนี้ 2 วันครึ่ง ซึ่งมีผู้อภิปรายประมาณ 30 คน โดยจะโดนในทุกประเด็น ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ พลังงาน การปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต การต่างประเทศ และเชื่อว่าแม้จะให้เวลาการอภิปรายนายกฯ 2 วันครึ่ง แต่จะไม่ทำให้คนเบื่อหน่าย แต่หากการอภิปรายเนื้อหาจบก่อน พอดีแล้ว เราก็จะปิดการอภิปราย โดยเราจะดูอารมณ์ของคนฟังประกอบด้วย ไม่จำเป็นต้องดึงดันใช้เวลาให้ครบ

เผื่อเวลาให้ธรรมนัส 1 ชม.

เมื่อถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ประสานขอเวลาอภิปรายแล้วหรือยัง นายสุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อ แต่เราเตรียมเวลาให้อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าประสานมาช้าเกินไป เลยไปถึงวันที่ 20 ก.ค.จะยาก

และในเวลา 08.08 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึงอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมประชุมสภาในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายกฯ เดินทางออกจากบ้านพักในเวลา 07.40 น. ทั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึงรัฐสภา เป็นจังหวะเดียวกับที่นายสุทินเดินทางมาถึงก่อนไม่นาน นายสุทินจึงได้สวัสดี พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ยกมือรับไหว้พร้อมแตะแขนทักทาย และเมื่อผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ถึงความพร้อมรับศึกอภิปรายในครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ส่วนในเวลา 09.00 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมเนื่องจากจะถูกอภิปรายเป็นคนแรกว่า ได้เตรียมข้อมูลมากที่สุด เตรียมตัวมาอย่างดี ตรงไหนลืมก็ก้มหน้าอ่าน ตรงไหนพูดจากใจได้ก็จะพูดจากใจ ส่วนการอภิปรายเรื่องโควิด-19 นั้น ขออย่างเดียว อย่าเอาสุขภาพ ชีวิตของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 มาเป็นเกมทำลายล้างทางการเมือง ส่วนเรื่องกัญชาที่จะถูกอภิปราย ก็มีความพร้อม เพราะเป็นนโยบายของพรรคที่เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งปี 2562 ขณะที่เรื่องดึง ส.ส. จากพรรคการเมืองอื่นเข้ามาสังกัดพรรค ภท.นั้น หลักการของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ควรพูดถึงหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของการบริหารจัดการเรื่องการเมือง ไม่น่าเกี่ยวข้องในการบริหารราชการแผ่นดิน

เมื่อถามว่า การลงมติจะมีเซอร์ไพรส์พรรคฝ่ายค้านและพรรคอื่นๆ มาลงคะแนนไว้วางใจให้ฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า “ไม่ทราบเลย ผมไม่มีเซอร์ไพรส์ มีแต่สไปรท์”

และในเวลา 09.25 น. ในการประชุมสภาที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานได้เริ่มขึ้น โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรค พท. ได้ชี้แจงถึงคิวการอภิปรายรัฐมนตรีในวันแรกว่า จะเริ่มที่นายอนุทิน,  นายศักดิ์สยาม, นายสุชาติ, นายจุติ และนายชัยวุฒิ

ต่อมา นพ.ชลน่านได้แถลงญัตติการอภิปราย โดยระบุว่า การอภิปรายครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความบกพร่อง 6 ด้าน 1.บกพร่องด้านความเป็นผู้นำ เป็นผู้นำไร้ความสามารถ ลวงโลก บุคลิกภาพมีปัญหาทั้งกับตัวเอง ครอบครัว และประชาชน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป็นแบรนด์สินค้าหนึ่ง ถ้าได้ฟังฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนจะไม่ใช้สินค้ายี่ห้อนี้อีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นผู้นำไร้วิสัยทัศน์ แต่ที่ชัดเจนคือ บังอาจตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจประเทศ

2.เศรษฐกิจพังพินาศ ล้มเหลว จนทั้งแผ่นดิน ทุกข์ เครียดทั้งแผ่นดิน ของแพง หนี้สินท่วมหัว นำมาซึ่งความสิ้นหวังของประชาชน รัฐบาลชุดนี้คือรัฐบาล 608 ไร้ความรู้ไร้ความสามารถ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มิหนำซ้ำอมโรคป่วย 3.สังคมพินาศพังทลาย สร้างความแตกแยก แบ่งฝักฝ่าย ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ดูแลลูกหลาน ถามว่าเอื้อประโยชน์ให้ใคร ปล่อยให้มีนโยบายสุ่มเสี่ยง อย่างนโยบายกัญชาเสรี เป็นผู้นำยิ่งใหญ่ แต่ถูกบีบคอ เรียกค่าไถ่ได้ตลอดเวลา

4.ความพินาศด้านสาธารณสุข ล้มเหลวแก้วิกฤตโควิด-19 สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 5.ความพินาศด้านการเมือง ระบบรัฐสภาถูกทำลายย่อยยับ เป็นระบบที่สถาปนาสภากล้วยขึ้นมา มีการใช้เงินแลกเสียงโหวตทุกครั้งที่มีการลงมติที่สำคัญๆ ตัวเลขอยู่ที่หลักล้าน ภาษาชาวบ้านเรียก 3 อย่างบาท 3 คนล้าน เรื่องที่อัปยศอดสูที่สุดคือการทำลายหลักการพื้นฐาน และเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง ครอบงำชี้นำพรรคการเมืองที่สมยอม เปลี่ยนระบบเลือกตั้งมาเป็นแบบคู่ขนาน โดยสั่งการจากทำเนียบฯ ให้หาร 500 เพื่อทำลายพรรคคู่แข่ง ตามเจตนารมณ์ที่ยึดอำนาจเข้ามาไม่เสียของ ทำลายพรรค เพราะคิดว่าเป็นของคนคนเดียวคนนั้น จับหนูตัวเดียวเผาบ้านตัวเอง พังพินาศหมด และ 6.คอร์รัปชันจนประเทศพังพินาศ เป็นยุคทุจริตเฟื่องฟู ติดอันดับความโปร่งใสประเทศตกต่ำสุดรอบ 10 ปี

“ท่านไม่ตายในสภา ใส่รถฉุกเฉินยังรักษาชีวิตได้ แต่ตายในสนามเลือกตั้งแน่นอน ฝาก ส.ส.ที่มาจากประชาชน ต้องคำนึงถึงความต้องการประชาชน และหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรไปจากสภาแห่งนี้ได้แล้ว อย่าอยู่เป็น 608 ทำลายประเทศต่อไป” นพ.ชลน่านกล่าว 

บิ๊กตู่ย้อนแสบคนฉลาดที่สุดอยู่ไหน

จากนั้นเวลา 11.08 น. พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงว่า เราต้องละทิ้งอคติหรือผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ถ้าเราไม่ขัดแย้งกันปัญหาที่พูดมาแก้ได้หมดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทุกอย่างเกิดจากความร่วมมือและเสียสละของทุกคน แต่ท่านมองข้างเดียว และที่ท่านพูดถึง 608 ท่านต้องให้เกียรติคนกลุ่มนี้ด้วย เป็นประชากรสูงอายุ เราต้องให้ความสำคัญคนเหล่านี้โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ

“นายกฯ ไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกว่าฉลาดที่สุด ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ประเด็นที่ท่านกล่าวถึงวิสัยทัศน์และการเป็นผู้นำรัฐบาล ผู้นำประเทศ ที่บอกผมไม่ได้รับเกียรติในเวทีต่างประเทศ ผมคิดว่าไม่ได้ด้อยค่าไปกว่านายกฯ ท่านอื่นๆ หรืออดีตนายกฯ บางท่านที่ไปมา และ 10 กว่าปีมาแล้ว ผมไม่ใช่คนทำให้เกิด ความขัดแย้ง ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิด ย้อนกลับไปดูคนที่ติดคุก แม้เรามีอุดมการณ์ที่แตกต่าง แต่เราต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ผมไม่ใช่คนที่ต้องการให้เกิดการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย ที่บอกว่าตนบังคับใช้กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายที่ว่าเป็นกฎหมายอะไร กฎหมายทั่วไปหรือไม่ หลายคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ตอบโต้ในเรื่องของการจัดอันดับคอร์รัปชัน รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจ และการใช้กลไกทหารและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก่อนระบุว่า สรุปแล้วที่พูดมาไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่านแรงมาก็พยายามแรงน้อยกว่าท่านหน่อย เพราะรู้อยู่แล้วท่านต้องการให้ตนเองโมโห ให้เกียรติกัน ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่น ก็ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นเขา ถ้าโจมตีด้วยการให้ร้าย พูดจาส่อเสียดไม่ใช่สุภาพบุรุษ ไม่อยากฟัง แต่ให้เกียรติสภา ประธาน สมาชิกทุกคน

“ผมต้องชี้แจง เพราะผ่านมา 1 ชั่วโมง ไม่ใช่ข้อเท็จจริง 100% เลย หลายอย่างมันดี หลายอย่างกำลังทำ หลายอย่างกำลังแก้ไข ผมทราบดีท่านชื่นชมคนที่ทำงานมาก่อนว่าดีกว่าผม ว่าโน่นนี่ ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้าย

                    จากนั้น เวลา 11.25 น. นายสุทินอภิปรายถึงความล้มเหลวของนโยบายกัญชา โดยช่วงต้นนายสุทินได้เปิดคลิปวิดีโอปฐมเหตุความผิดของนายอนุทินที่ประกาศบนเวทีจะปลดล็อกกัญชา ก่อนอภิปรายว่า ขอใช้สิทธิ์กล่าวหานายอนุทิน และ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากร่วมกันกำหนดนโยบายให้มีกัญชาเสรี นำมาซึ่งเกิดการละเมิดกติกาโลกและกฎหมายประเทศ รวมถึงรัฐธรรมนูญและมติรัฐสภาไทย อีกทั้งยังละเลย ละเว้นไม่ออกมาตรการควบคุมกัญชาในสิ่งที่ควรจะมี  และควรจะเป็น นำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศชาติ

ต่อมานายสุทินได้ลงรายละเอียดไล่มาตั้งแต่ข้อผูกพันในอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 เป็นอนุสัญญาเดี่ยวที่ไทยไปลงนาม รวมถึงเรื่องการปลดล็อกกัญชาเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 และร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง พร้อมทั้งระบุว่าเป็นห่วงภาพพจน์และเกียรติภูมิของประเทศ หากหลับตาลงเป็นนครกัญชา ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้น นี่คือผลประโยชน์ทางการเมือง

 “เรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากประโยชน์ทางการเมือง นายกฯ ก็ทำเพื่ออยากอยู่ต่อในตำแหน่ง และได้ยินมาว่าบอกว่ามีนักการเมืองใหญ่ทำไร่กัญชาเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ที่ลาว แถมยังมีคนกระซิบบอกด้วยว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นแอบมาตกลงกับนักการเมือง นอกจากนี้ ยังพบเป็นข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เครือบริษัทซิโน-ไทยฯ หันมาทำธุรกิจกัญชงเต็มตัว เรื่องทั้งหมดที่ว่ามานี้ นายกฯ อยู่ไหน ถ้านายกฯ ไม่อนุญาตหรือไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ไม่สำเร็จ ฉะนั้นทั้งนายกฯ และนายอนุทินต้องรับผิดชอบด้วยกัน” นายสุทินกล่าว

'อนุทิน'ทำ'แม้ว'สะดุ้ง

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรค พท. อภิปรายถึงความล้มเหลวการแก้วิกฤตโควิดของนายอนุทินว่า รัฐบาลพยายามสร้างภาพควบคุมโรคโควิด-19 ได้ แต่ขณะนี้มีโรงพยาบาลรัฐหลายแห่งปฏิเสธการรับผู้ป่วย และพยายามคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด บอกว่ามีผู้ติดเชื้อต่อวัน 3,000 คน แต่ความจริงติดเชื้อวันละไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ส่วนการจัดซื้อวัคซีนโควิดนั้น ขณะนี้มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าค้างสต๊อกอยู่ 30 ล้านโดส วงเงิน 10,000 ล้านบาท ที่รอวันหมดอายุ แทนที่จะเลิกสั่งวัคซีนดังกล่าว แต่ ครม.กลับสั่งเพิ่มมาอีก 22 ล้านโดส รวมเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 55 ล้านโดส คิดเป็นวงเงินกว่า 17,000 ล้านบาท                    

จากนั้นนายอนุทินชี้แจงว่า ยืนยันระบบสาธารณสุขไทยไม่ได้ล้มเหลว ขณะนี้ฉีดวัคซีน 140 ล้านโดส มากกว่า 70% ของประชาชน การที่ นพ.สุรวิทย์พยายามด้อยค่าวัคซีนที่ผลิตจากจีน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้น อย่าแค่มีคนทำสไลด์ให้แล้วมาพูด เป็นถึงแพทย์ แต่ทำไมมีทัศนคติเปลี่ยนแปลงไป อย่าไปด้อยค่ายา วัคซีนเพื่อตอบสนองการเมือง ถือว่าโหดร้ายเหี้ยมโหดมาก ขอให้เว้นเรื่องสาธารณสุขสักเรื่อง ถ้ามองเป็นเรื่องบาดหมางการเมืองให้เป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าเอาประชาชนมาเกี่ยวข้อง มีคนเคยพูดว่าถ้าฉีดวัคซีนถึง 100 ล้านโดสภายในปี 2564 ร้อยบาทเอาแค่กองเดียว แต่วันที่ 21 ธ.ค.2564 ฉีดครบ 100 ล้านโดสแล้ว นพ.สุรวิทย์ทราบหรือไม่ ความจริงเตรียมของไว้แล้ว แต่คิดไปคิดมา เอาไปทิ้งในที่สมควรดีกว่า ไม่ฝากท่านไป

 นายอนุทินยังชี้แจงถึงนโยบายกัญชา ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ในโหมดนโยบายเร่งด่วน นายกฯ แถลงไว้ต่อสภา และไม่ขัดหรือแย้งแม้แต่อนุสัญญาเดียวที่อนุสัญญาให้ใช้เพื่อทางการแพทย์ นายกฯ เน้นไปในทางการแพทย์ ไม่มีคำว่านันทนาการแม้แต่คำเดียว ส่วนที่เสนอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น เรามั่นใจจะควบคุมการใช้กัญชาอย่างไม่ถูกวิธีได้ ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้บังคับใช้กฎหมาย แม้จะเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.สาธารณสุข ก็มีผลทางกฎหมายบังคับใช้ทุกอย่าง

ในเวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha" ระบุว่า ช่วงวันที่ 19-23 ก.ค. มีภารกิจเข้าร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงตามญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี พร้อมทั้งสรุปสาระที่ได้อภิปรายไปก่อนระบุว่า ชอเชิญชวนทุกคนร่วมปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติในครั้งนี้ โดยยึดหลัก 3 ดี ประกอบด้วย หลักการดี คือ พูดจากันด้วยหลักวิชาการ หลักเหตุและผล ปราศจากการถูกครอบงำ ข้อมูลดีคือ นำเสนอด้วยหลักฐาน ความจริง ที่ผ่านการตรวจสอบและกลั่นกรองมาแล้ว และน้ำใจดีคือ มอบความจริงใจต่อกัน ไม่แบ่งเขา ไม่แบ่งใคร เพราะเราคนไทยด้วยกัน หากมีน้ำใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน งานทุกอย่างก็จะราบรื่น

ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านว่า รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับการอภิปรายของนายชลน่าน เพราะไม่มีอะไรใหม่จริงๆ ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเก่าๆ แต่มีจุดเด่นคือการใช้วาทกรรมเสียดสีประชดประชัน สร้างความบันเทิงแบบซีรีส์เกาหลีตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด ไม่สมราคาที่เคยคุยไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนของนายสุทินก็เข้าทำนองข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง โดยเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านจะสามารถชี้แจงและตอบคำถามได้ทุกประเด็น

ในเวลาใกล้ๆ กันที่รัฐสภา นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัด สธ. พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์, นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และ ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยได้ไล่เรียงนโยบายดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าเป็นใช้ทางการแพทย์ รวมทั้งปฏิบัติสอดคล้องอนุสัญญาเดี่ยว 1961 และจะไม่เกิดสุญญากาศทางกฎหมายแน่นอน

ปช.-ก.ก.รุมถล่ม'ศักดิ์สยาม'

ในเวลา 16.00 น. นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ (ปช.) อภิปรายนายศักดิ์สยาม โดยตอกย้ำถึงการครอบครองที่ดินเขากระโดง อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ 5,083 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ต่างเคยวินิจฉัยให้ รฟท.ฟ้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ แต่กลับมีการดำเนินการล่าช้ากว่าปกติ ส่อเจตนาว่ากำลังปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้องให้นานที่สุดโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย แต่อย่าลืมว่ามีประมวลจริยธรรมคุ้มครองอยู่  

 “อีกคดีที่น่าสนใจคือคดีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินนายเอ จำเลยในคดีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาปี 2561 แต่สังเกตว่าทำไมไม่มีการบังคับคดี นายเอ สมัยปี 2561 ก่อนนายศักดิ์สยามจะมาเป็นรัฐมนตรี เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก. บ. ใช้ที่อยู่ที่เดียวกันกับรัฐมนตรีในปัจจุบัน และยังเคยถือหุ้นบริษัทเดียวกัน  แสดงให้เห็นว่ารัฐมนตรีกับจำเลยในคดีที่ รฟท.ต้องขยับเป็นพวกเดียวกัน” นายกมลศักดิ์กล่าว

ต่อมาเวลา 16.42 น. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายนายศักดิ์สยาม ว่ายืมชื่อนอมินีถือครองหุ้นกิจการแทนตัวเอง ทำทีว่าขาดจากกิจการไปแล้วเพื่อเป็นรัฐมนตรี แต่ความจริงคือเป็นรัฐมนตรีไปพร้อมๆ กับเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งทำธุรกิจเข้าประมูลงานกับกระทรวงที่นายศักดิ์สยามดำรงตำแหน่ง ถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และปกปิดทรัพย์สิน

“ยิ่งสืบยิ่งพบเหตุการณ์แปลกประหลาดที่บ่งชี้ว่านายเอเป็นเพียงนอมินีของคนในอาณาจักรชิดชอบ เพราะกลายเป็นว่านายเอเป็นลูกจ้างรับเงินเดือน 9,000 บาท จาก หจก.ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือญาติของนายศักดิ์สยาม ที่แปลกคือนายเอเป็นลูกจ้าง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าหนี้ของ หจก.ศิลาชัย โดยให้กู้เงิน 250 ล้านบาท แบบไม่คิดดอกเบี้ยและไม่ทำสัญญา และสาเหตุที่บริษัทดังกล่าวขาดสภาพคล่อง น่าจะมาจากการที่นำเงินไปซื้อเครื่องบินรุ่นเดียวกับที่นายอนุทินมีไว้ในครอบครอง ราคา 12 ล้านบาท โดยได้ยินแว่วว่าเครื่องบินลำนี้อยู่แถวจังหวัดบุรีรัมย์” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ในปี 2558-2561 นายศักดิ์สยามถือหุ้นเกือบ 100% จากนั้นได้ถอนหุ้น และกลับมาถือหุ้น กระทั่งปี 2561 โอนหุ้นทั้งหมดอีกครั้ง คำถามคือขายกิจการจริงหรือไม่ หรือแค่เปลี่ยนชื่อ โดย หจก.บุรีเจริญฯ มีทุนจัดตั้ง 120 ล้านบาท แต่นายศักดิ์สยามไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินนี้ต่อ ป.ป.ช.ตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ในปี 2562 และช่วงนายศักดิ์สยามเป็น รมว.คมนาคม บริษัท บุรีเจริญฯ ได้งานจากกระทรวงเป็นพันล้านบาท

มีรายงานข่าวจากรัฐสภาเปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเล็กว่า ขณะนี้กลุ่ม 16 พยายามต่อรองกับบรรดารัฐมนตรีที่มีรายชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5-6 คน ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีคะแนนเสียงหมิ่นเหม่ต่อการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีกระแสแพร่สะพัดว่ามีการขอเรียกรับผลประโยชน์รายละ 1-2 ล้านบาท แลกกับเสียงโหวต โดยมีรัฐมนตรีบางส่วนยอมจ่ายแล้ว แต่มีรัฐมนตรีบางส่วนไม่ให้เนื่องจากมั่นใจว่า ไม่ได้กระทำความผิด และมั่นใจจะได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐมนตรีที่มีแนวโน้มจะได้รับเสียงไว้วางใจจากพรรคเล็กคือ พล.อ.ประยุทธ์, นายสุชาติ และนายนิพนธ์ ขณะที่รัฐมนตรีที่มีแนวโน้มจะถูกพรรคเล็กลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจคือ นายจุรินทร์, นายสันติ และ พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งคาดหมายอาจได้คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุด

รายงานข่าวแจ้งถึงคะแนนโหวต พล.อ.อนุพงษ์นั้น ล่าสุดสถานการณ์ดีขึ้น โดยแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รายหนึ่งได้พา พล.อ.อนุพงษ์ไปนั่งพูดคุย กับ ส.ส.นานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อรับฟังปัญหาและเคลียร์ใจเชื่อมการทำงานกับ ส.ส.พรรคมากขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.อนุพงษ์นั่งรับฟังเสียง ส.ส.พลังประชารัฐอย่างใกล้ชิด

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่น่าเป็นห่วงกันขณะนี้ เป้าน่าไปตกที่รัฐมนตรีพรรค ปชป.มากกว่า จากปัญหาในพรรคอย่างกรณีนายจุรินทร์และนายนิพนธ์ ที่มีข่าวว่านายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะไม่โหวตให้ รวมถึงนายจุติที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพรรคนานแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์