เปิดฉากงบ66วาระ2ถล่มรบ.

เรียงหน้าสับงบกลาง "กมธ." แจงปรับลด 7,644 พันล้าน จากวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท จี้รัฐบาลขยับเพิ่มรายได้ ลดกู้แหลก ขณะที่ "ก้าวไกล" ชี้โพรงงบกระจุก 2 พรรคการเมืองใหญ่ ละเลงเงินถมเงินโครงการแหล่งน้ำ-ซ่อมถนน อัดยับวินัยการคลังยกบัตรเครดิตให้ "บิ๊กตู่" รูดปรื๊ด ด้าน "สุทิน" กังขาส่อโกยงบกลาง ทุนรอนเข้ากระเป๋านักเลือกตั้ง  ควันหลงสภาล่มมาดามเดียร์ยื่นใบลาออกชวน แง้มยังไม่ตอบรับบัตรเชิญ ปชป.

เมื่อวันพุธ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระสอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ประชุมสภาฯ จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นายชวนแจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งความเห็นกลับมาว่าไม่มีข้อทักท้วงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองส่งมา ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 104 กำหนดให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเห็นกลับมาแล้ว ก่อนส่งร่างให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 81 ให้ประธานรัฐสภาชะลอไว้ 3 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่ เสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภาว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และให้ประธานรัฐสภาส่งความเห็นไปยังให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ทั้งนี้ จะครบกำหนดชะลอ 3 วัน ในวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.

ต่อมาเวลา 10.02 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กล่าวรายงานผลการพิจารณาของคณะ กมธ.ว่า กมธ.พิจารณารายละเอียดงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณรวม 734 หน่วย โดยมีข้อสังเกตสำคัญให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มรายได้และลดการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางการคลัง ปรับปรุงกระบวนการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ควบรวมหน่วยงานที่มีพันธกิจซ้ำซ้อนกัน หรือบูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อนและประหยัดงบประมาณ รวมถึงกระจายงบประมาณให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่

 “โดยมีการปรับลดงบ 7,644,243,800 ล้านบาท โดยได้พิจารณาสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และแผนแม่บทต่างๆ รวมถึงให้ความสำคัญกับเงินนอกประมาณหรือรายได้ที่จัดเก็บเองเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ภารกิจสำคัญเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสังคมภายหลังภาวะวิกฤตโควิดและประชาชนโดยตรงเป็นสำคัญ รวมทั้งสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโต เข้มแข็ง รองรับการเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบวงเงินประมาณจำนวน 3.185 ล้านล้านบาท” นายอาคมระบุ 

อัดงบกระจุก 2 พรรค

จากนั้นเข้าสู่การพิจารณามาตรา 4 ว่าด้วยยอดรวมวงเงินงบประมาณรายจ่าย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อย สัดส่วนพรรคก้าวไกล สงวนความเห็นว่า งบประมาณครั้งนี้จัดสรรงบไม่มองภาพกว้างของคนทั้งประเทศ เพื่อพยายามกระจายงบประมาณและโครงการต่างๆ ไปสู่ทุกจังหวัดอย่างเป็นธรรม เช่น โครงการซ่อมถนน และโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำ ที่งบรวมกันเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของงบลงทุน จะเห็นว่างบประมาณกระจุกตัวอยู่ที่บางจังหวัดอย่างชัดเจน สำหรับโครงการซ่อมถนนของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท 7 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณสูงสุด รวมกันแล้วได้งบประมาณสูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของงบทั้งประเทศ ส่วนงบปรับปรุงแหล่งน้ำของกรมชลประทาน 7 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณสูงถึง 36 เปอร์เซ็นต์ของงบทั้งประเทศ

นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ากังวล  เราไม่แน่ใจว่าจังหวัดที่ได้รับงบสูงสุดสำหรับซ่อมถนนหรือปรับปรุงแหล่งน้ำเป็นจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องถนนและแหล่งน้ำมากกว่าจังหวัดอื่นจริงหรือไม่ เมื่อไปดูงบซ่อมถนน จะเห็นว่าแม้พรรคต้นสังกัดของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะมี ส.ส.เขต เป็น 34 เปอร์เซ็นต์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ถ้าดูงบ 7 จังหวัดที่ได้รับงบสูงสุดจะเห็นว่าพรรคนี้มี ส.ส.เขตใน 7 จังหวัด  หรือคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์

  “ส่วนงบปรับปรุงแหล่งน้ำ แม้พรรคต้นสังกัดของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีส.ส.เขต 21 เปอร์เซ็นต์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่ถ้าเราดู 7 จังหวัดที่ได้รับงบสูงสุด จะเห็นว่าพรรคนี้มี ส.ส.เขตใน 3 จาก 7 จังหวัด หรือคิดเป็น 43 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร และคิดว่าคำถามที่ประชาชนทั่วประเทศอดสงสัยไม่ได้ คือ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงความเดือดร้อนของทุกคนอย่างเป็นธรรม หรือจัดอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของตัวเอง” นายพริษฐ์กล่าว  

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ความท้าทายตรงหน้า คือหนี้ตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ที่ไม่ใช่หนี้สาธารณะ แต่เสมือนกับการให้บัตรเครดิตกับนายกรัฐมนตรี ที่จะสามารถรูดได้ ซึ่งตอนนี้นายกฯ รูดได้ใกล้เต็มวงเงินแล้ว ซึ่งวงเงินของปี 66 อยู่ที่ประมาณ 1.11 ล้านล้านบาท แต่ใช้ไปแล้ว 1.07 ล้านล้านบาท ดังนั้นยังจะสามารถกู้ได้เพิ่มจากหน่วยงานรัฐอื่นๆ เช่น รัฐวิสาหกิจหรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก็เหลืออยู่น้อยเต็มที หากคิดจากการจะใช้หนี้คืนในปีนี้ ก็เหลือเงินที่จะกู้ใหม่เพียงแค่ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอหรือไม่กับการที่จะทำโครงการประกันรายได้ และมาตรการคู่ขนานต่อเนื่อง เพราะปีที่แล้วใช้เงินมากขึ้น 1.4 แสนล้านบาท ตรงนี้ยังคงเป็นปัญหาอยู่

ส่อโกยเงินทุนเลือกตั้ง

ต่อมาเวลา 13.03 น. ที่ประชุมลงมติผ่านร่างมาตรา 4 ด้วยคะแนน 245 ต่อ 107 งดออกเสียง 2 คะแนน

หลังจากนั้นในเวลา 13.45 น. พิจารณามาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง จำนวน 590,470,000,000 บาท ที่จำแนกเป็น 12 รายการ โดย กมธ.และ ส.ส.ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ต่างอภิปรายไปในทิศทางเดียวกันคือ การเสนอปรับลดงบกลางลง เนื่องจากเป็นการตั้งงบที่ไม่ได้นำไปใช้ในงานเร่งด่วนและฉุกเฉิน งบประมาณจำนวนมากนำไปใช้จ่ายให้กับเงินเดือนข้าราชการ อีกทั้งยังไม่มีความโปร่งใส และตรวจสอบยาก

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. อภิปรายว่า ขอปรับลดงบกลาง 20% เพราะไม่น่าจะสอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉิน เป็นที่รู้และกังวลว่าเป็นงบที่ตรวจสอบยาก และเป็นงบที่มีการเปิดช่องให้รั่วไหลมากที่สุด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส และมีเงื่อนงำ  ยิ่งเป็นปีที่เข้าสู่การเลือกตั้ง ก็คิดไปได้ทั้งนั้นว่าจะเอาไปทำอะไร ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ประชาชนจริงๆ

กระทั่งเวลา 17.50 น. ที่ประชุมลงมติผ่านมาตรา 6 งบกลาง ด้วยคะแนน 229ต่อ 100 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนน 1เสียง

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา น.ส.วทันยา บุนนาค อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า วันนี้เดินทางมาที่รัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าวันนี้เป็นการยุติบทบาทในฐานะ ส.ส.อย่างเป็นทางการ  ต้องขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนในระยะเวลา 3 ปีของการเป็น ส.ส.

 “การเล่นเกมการเมืองโดยไม่สนใจประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ไม่อยากให้การไม่พอใจสิ่งใด แล้วเลือกที่จะไม่เข้าร่วมประชุม การไปถึงจุดหมายด้วยกติกาที่ผิดๆ จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ในสังคม จึงตัดสินใจลาออก เพื่อที่อย่างน้อยการลาออกครั้งนี้จะเป็นเครื่องบ่งชี้ไปถึงประชาชน และผู้ใหญ่ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ” น.ส.วทันยากล่าว

 เมื่อถามว่า อนาคตทางการเมืองหลังจากนี้จะไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า ต้องขอบคุณนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้การต้อนรับด้วยการทาบทามผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งไม่ใช่แค่นายพนิต แต่มีผู้ใหญ่หลายท่านโทรศัพท์มา รวมถึงติดต่อผ่านคนอื่นๆ เข้ามา แต่เนื่องจากการตัดสินใจลาออกครั้งนี้เกิดขึ้นกะทันหัน จึงขอใช้เวลาไตร่ตรองและทำภารกิจส่วนตัวก่อน ยืนยันว่าจะขอเดินต่อในเส้นทางการเมืองแน่นอน 

  ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา นายปารเมศ โพธารากุล อดีต ส.ส.เขต 3 จ.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนพรรค มีรายงานว่านายปารเมศจะทำงานการเมืองต่อที่พรรคภูมิใจไทย

ที่สำนักงาน ป.ป.ช.สนามบินน้ำ นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 357 คน ที่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ในการเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณากฎหมาย โดยการไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภา จนเป็นเหตุให้ต้องปิดการประชุมไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา อันถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ อย่างร้ายแรง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง