แจงพรป.พรรคไม่ขัดรธน.

"นิกร" ยัน พ.ร.ป.พรรคการเมืองไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แจงยิบทุกปมที่ ส.ว.คาใจ ย้อนร่างนี้ผิด กม.ลูกปี 60 ที่คสช.แก้ต้องผิดด้วย "จุรินทร์" นำทัพ ปชป.เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ลั่นกวาดที่นั่งภาคเหนือเพิ่ม "ไพฑูรย์" มั่นใจเมืองชาละวันเทคะแนนพรรคอันดับ 1 ถ้าพลาดยอมเลิกเล่นการเมือง พท. ไม่สน ภท. เหยียบถิ่นเชียงราย เย้ย "บิ๊กตู่" สร้างกระแสแลนด์สไลด์ให้เพื่อไทย นิด้าโพลชี้คนส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่) พ.ศ..... กล่าวถึงกรณี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมส.ว.รวม 77 คน ยื่นขอให้ประธานรัฐสภา ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่) พ.ศ..... ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยเห็นว่ามีข้อความขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 145, 148 (1) ประกอบข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 104 ว่า เป็นการใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญ พล.อ.สมเจตน์เป็นอดีตประธาน กมธ.พิจารณากฎหมายพรรคการเมืองเดิมที่ใช้อยู่ปัจจุบันแล้วได้ถูกปรับปรุงแก้ไขในครั้งนี้  จึงถือเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องปกป้องกฎหมายที่ พล.อ.สมเจตน์รับผิดชอบได้อย่างชอบธรรม

ส่วนตนในฐานะอดีตเลขานุการ กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายฉบับใหม่นี้ มีสิทธิอันชอบธรรมเช่นกันที่จะชี้แจง โดยร่าง พ.รป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่การพิจารณาทั้งของที่ประชุมเสียงข้างมากของรัฐสภา และที่ประชุมเสียงข้างมากของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

สำหรับประเด็นการแก้ไขค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมือง ทั้งประเภทรายปีจากหนึ่งร้อยบาทเป็นยี่สิบบาท และประเภทตลอดชีวิตจากสองพันบาทเป็นสองร้อยบาทนั้น เป็นการยังคงยืนยันหลักการในการเก็บค่าใช้จ่ายจากสมาชิกพรรคไว้ เพียงแต่ลดอัตราลงเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนที่มีรายได้น้อย ส่วนการแก้ไขคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกพรรคการเมืองนั้น เพื่อการผ่อนคลายให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

นายนิกรกล่าวว่า ประเด็นแก้ไขให้ในจังหวัดที่มิได้เป็นที่ตั้งสาขาพรรคการเมือง ถ้าพรรคการเมืองนั้นมีสมาชิกซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้นเกินหนึ่งร้อยคน  อาจแต่งตั้งสมาชิกซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้นให้เป็นตัวแทนพรรคประจำจังหวัดได้ตามจำนวนที่เห็นสมควร และให้นำความในมาตรา 34 มาบังคับแก่ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดด้วยโดยอนุโลม เนื่องจากการดำเนินการตามบทบัญญัติเดิมพิสูจน์แล้วมีปัญหาในเชิงปฏิบัติเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ประเด็นการแก้ไขที่กำหนดให้พรรคการเมืองที่ประสงค์จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งในจังหวัดใด เพียงมีสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในจังหวัดนั้นดำเนินการประชุมแล้วมีมติให้ความเห็นชอบกับรายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขต โดยไม่ต้องมีเขต

พื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้งนั้น ยังคงหลักการในเรื่องการให้สมาชิกพรรคการเมืองได้มีส่วนร่วมในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และเป็นการเปิดกว้างสรรหาได้ทั้งจังหวัด มิได้จำกัดแต่เฉพาะในเขตเลือกตั้งดังเช่นที่บัญญัติในกฎหมายฉบับปัจจุบัน ขณะที่ประเด็นการแก้ไขเกี่ยวกับวิธีการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เบื้องต้น หรือไพรมารี ยังคงหลักการในเรื่องการเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

"ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ยังคงหลักการเดิมของกฎหมายฉบับปัจจุบัน โดยเฉพาะหลักการสำคัญในเรื่องของสิทธิของสมาชิกพรรคการเมืองในการมีส่วนร่วมในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่ปรากฏในพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 การที่มีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้มีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ย่อมหมายถึงพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน" นายนิกรระบุ

ปชป.คึกซิวพิจิตรยกจังหวัด

ที่ท่าข้าววังทรายพูน จังหวัดพิจิตร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะ “ออนทัวร์ พิจิตร” ร่วมงานแสดงความยินดีกับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต ส.ส.จังหวัดพิจิตร ได้รับเกียรติเป็น “ราษฎรอาวุโส เมืองพิจิตร” และร่วมอวยพรวันเกิดครบ 86 ปี พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ พรรคประชาธิปัตย์

นายจุรินทร์กล่าวว่า มั่นใจทั้งตัวบุคคลที่ลงสมัครและนโยบายที่ได้เตรียมไว้สำหรับพี่น้องชาวพิจิตร โดยขณะนี้เราได้ตัวครบทั้ง 3 เขตแล้ว ประกอบด้วย พล.ท.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้, นายวรวุฒิ แก้วทอง และ ดร.มานพ เกตุเมฆ โดยมีนายไพฑูรย์ และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ เป็นกำลังหลัก ซึ่งพิจิตรเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย เพราะพรรคเคยได้ยกทีมในจังหวัดพิจิตรหลายครั้งหลายสมัย และเคยมีรัฐมนตรีมาแล้วหลายคนในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้คราวที่แล้วจะไม่ได้รับเลือกตั้งเลยก็ตาม แต่เที่ยวหน้าโอกาสของเรามี และการลงพื้นที่วันนี้ได้รับการต้อนรับดี และหลายจังหวัดก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน แตกต่างจากช่วงต้นๆ หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ในหลายพื้นที่หลายภาคหลายจังหวัด เสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้นมาก พิจิตรก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อถามว่า ตั้งเป้าจำนวน ส.ส.ในภาคเหนือไว้อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ไม่ขอตอบว่ากี่ที่ แต่เลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรคลดลงมาเหลือที่เดียว แต่เลือกตั้งครั้งหน้ายังไงก็ต้องได้ แล้วก็ไม่น้อยหรอก จะเป็นกอบเป็นกำก็แล้วกัน ซึ่งพื้นที่ภาคเหนือในหลายจังหวัดที่พรรคเตรียมการไว้ อดีตผู้สมัคร ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วยังอยู่กันครบทีม

ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรทำให้มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นเพราะทั้งเสียงตอบรับจากกระแสประชาชน จากการลงพื้นที่ที่เราสัมผัสได้ นอกจากนี้ในเรื่องของผลงานตลอด 3 ปีที่เราร่วมรัฐบาลก็พิสูจน์ชัดเจน นโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรค และการแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรที่ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนที่บางพรรคประกาศจะได้ยกจังหวัดนั้น ทุกพรรคมีสิทธิ์ประกาศ แต่เราสู้ได้ ไม่มีปัญหาหรอก

ด้านนายไพฑูรย์ มั่นใจว่าพิจิตรไม่สูญพันธุ์ เคยยกจังหวัดภาคเหนือมาแล้วหลายจังหวัด สมัยที่ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือได้ ส.ส. 10-20 คน ทุกครั้ง ส่วนระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เราได้เปรียบ อยู่ที่ประชาชน เราขอใบที่สองที่เป็นคะแนนพรรคให้กับประชาธิปัตย์ มั่นใจว่าคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาเป็นที่ 1 ของพิจิตรแน่นอน หากไม่ได้ตนจะเลิกยุ่งกับการเมือง เหมือนเลขาธิการพรรค ตนอายุ 86 ไปแล้ว เขาตั้งให้เป็นที่ปรึกษาก็ต้องทำให้สำเร็จ

พท.ไม่สน ภท.บุกเหนือ

วันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยลงพื้นที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงรายว่า เป็นเรื่องธรรมดา พรรคการเมืองต้องแสวงหาคะแนนนิยม ต้องหาเสียงซึ่งเป็นหน้าที่ ถ้าไม่ทำถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เราส่งเสริมให้ทุกพรรคการเมืองใช้กลไกนี้ไปบอกประชาชนว่ามีดีอะไร ช่วยประเทศชาติอย่างไร ให้ประชาชนตัดสินใจ พรรคเพื่อไทยไม่กังวล การที่เรามีคู่เทียบ มีคู่แข่งทางการเมือง จะทำให้เราเด่นขึ้น โดยที่เขาเป็นคนหาเสียงให้เรา เหมือน 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถ้า 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ทำดี คงไม่มีใครพูดให้ออก แต่กระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยโดดเด่นขึ้นมา เพราะผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าโทษคนอื่น ต้องโทษตัวเอง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาส 

ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศจะเป็นนายกฯ มองว่าเป็นสัญญาณกับปม 8 ปี นายกฯ หรือไม่นั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเขาได้เสียงข้างมาก ก็เข้าสู่ตำแหน่งนี้ ถ้าสภาเลือก ซึ่งไม่ได้มีความพิเศษใดๆ 

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “แนวโน้มพฤติกรรมการเลือกตั้งครั้งหน้า” จากประชาชน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงแนวโน้มการเลือก ส.ส. แบบแบ่งเขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ใช้บัตรสองใบ พบว่า  ร้อยละ 44.82 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร รองลงมา ร้อยละ 38.03 จะเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเดียวกัน, ร้อยละ 16.85 จะไม่เลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเดียวกัน

สำหรับความต้องการที่จะเปลี่ยน ส.ส. เขตในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ร้อยละ 30.41 ระบุว่าไม่อยากจะเปลี่ยนเลย รองลงมา ร้อยละ 28.28 อยากจะเปลี่ยนอย่างมาก, ร้อยละ 19.21 ค่อนข้างอยากจะเปลี่ยน, ร้อยละ 11.97 ระบุว่าไม่ค่อยอยากจะเปลี่ยน ท้ายที่สุดเมื่อถามประชาชนถึงแนวโน้มการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ร้อยละ 34.99 ระบุว่ายังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร รองลงมา ร้อยละ 32.39 จะเลือกพรรคการเมืองฝ่ายค้าน, ร้อยละ 21.34 จะเลือกพรรคการเมืองใหม่ที่ยังไม่มี ส.ส. ในสภา, ร้อยละ 10.82 จะเลือกพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง