ฝ่ายแค้นเสี้ยม ‘2ป.’ ‘เพื่อไทย- ก้าวไกล’ ผวา ‘ประยุทธ์’ อยู่ยาวทนไม่ไหวไล่ด่าทุกเม็ด

.vce-row-container .vcv-lozad {display: none}

ฝ่ายค้านผวานายกฯ อยู่ยาว "รังสิมันต์" ชี้ขัดต่อภาพลักษณ์ที่ต้องการบอกสังคมว่าไม่อยากอยู่ยาว  เสี้ยมให้ฟัดกับ "บิ๊กป้อม" ขณะที่เพื่อไทยอาการหนักบอก "ประยุทธ์" หิวแสง ถ่ายภาพแจกนักข่าว จี้คืนรถประจำตำแหน่งแล้วต้องคืนตำแหน่งนายกฯ ด้วย "จุรินทร์" ชี้ยึดโควตา ปชป.เกิดยาก หากปรับต้องคุยก่อน เผยให้กำลังใจ  “บิ๊กตู่” ตั้งแต่วันแรก

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2565 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาปมนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ที่ยืนยันว่าไม่ได้นับการเริ่มเป็นนายกฯ ในช่วงวันที่ 24 สิงหาคม 2557 ถือว่าฟังขึ้น และตอบคำถามพรรคฝ่ายค้านทุกประเด็นว่า การเขียนคำชี้แจงเช่นนี้ หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการอยู่ยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อภาพลักษณ์ที่ต้องการบอกกับสังคมว่าไม่อยากอยู่ยาว เพราะตอนนี้เกิดสภาวะเสพติดอำนาจไปเสียแล้ว ถ้าเรามองอย่างใจเป็นธรรม กฎหมายเขียนเพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ

ดังนั้น จึงต้องนับการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่วันที่  24 ส.ค.57 โดยนับวันโปรดเกล้าฯ เป็นวันแรก การที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งทีมกฎหมายเขียนคำชี้แจงเช่นนี้ก็กล้าเสียเหลือเกิน สรุปแล้วช่วงปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์เป็นอะไร โจรหรือคนยึดอำนาจ ตนไม่เข้าใจว่าจะต้องเล่นแร่แปรธาตุตีความกฎหมายเป็นอื่นเพื่อให้ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงไปเพื่ออะไร

เมื่อถามว่า การเขียนคำชี้แจงเช่นนี้หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความมั่นใจว่าจะได้ไปต่อใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มั่นใจ  เพราะดูจากที่เก็บตัวอยู่ที่บ้าน และสีหน้าภาษากายไม่ค่อยดี คิดว่าคนที่มั่นใจที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.) ที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่พอ พล.อ.ประยุทธ์ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตรกลับมีเรี่ยวแรงมาก ก็สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ได้ดี ถ้าเราอยากรู้ว่าชะตากรรมของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นอย่างไร วันนี้ต้องถาม  พล.อ.ประวิตร

ถามถึงวลี "ใช้ใจบันดาลแรง" ของ พล.อ.ประวิตร  นายรังสิมันต์กล่าวว่า ความจริงสะท้อนว่า พล.อ.ประวิตร กำลังใจดีมาก และถือว่าผิดวิสัยทางการเมือง ทั้งที่คนระดับนายกฯ ที่มีความสำคัญมากในทางการเมือง ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ ส.ส.พรรค พปชร.กลับไม่เสียขวัญ หรือผิดหวัง ราวกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสำคัญกับ พรรค พปชร. และ พล.อ.ประวิตรกลับดูมีกำลังใจแข็งแรงขึ้น จนร่างกายแข็งแรงตาม

"ที่ผ่านมาร่างกายอ่อนแอ ถือว่าเป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ หรือการมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ  คือการบั่นทอน พล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ จึงทำให้ตนคิดว่า นี่คือใจสั่งมา เป็นการตีความได้ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในบทบาทที่สำคัญแบบเดิม ทำให้สุขภาพของ พล.อ.ประวิตรดีขึ้นอย่างชัดเจน" โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าว

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาปมนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร ศาลคงจะต้องใช้ดุลพินิจของตัวเองอย่างเที่ยงธรรม โดยไม่ต้องไปคำนึงถึงความรู้สึกของใคร ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนได้คิดและเชื่อว่าศาลคงคำนึงถึงเจตนารมณ์ ว่า ทำไมถึงต้องบัญญัติเรื่องวาระนายกฯ 8 ปี และบัญญัติขึ้นมาเพื่อป้องกันปัญหาอะไร แล้ววันนี้มันเข้าสู่ช่วงเวลาของปัญหาที่ทุกคนกังวลหรือไม่ ถ้าทุกคนคิดหลักนี้คำตอบมันมีไม่ยาก

ไม่ใช่เอาตัวหนังสือเป็นนาย

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า เจตนารมณ์ของคนร่างฉบับนี้ก็คือ เขาไม่อยากจะให้คนเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใดหรือเริ่มนับตั้งแต่เมื่อใด ถ้าถึง 8 ปีก็ถือว่าอันตรายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อคำนึงถึงเจตนารมณ์ข้อนี้แล้ว ดูหลักความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มากี่ปีแล้ว ทุกคนนับเลขออก

เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับประเด็นที่นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ระบุในคำชี้แจงว่าควรเริ่มนับอายุ 8 ปีเมื่อใด แต่ชี้ชัดอย่างเดียวว่าไม่ใช่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 นายสุทินตอบว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายที่เขาเกรงว่าจะสะสมอำนาจ เครือข่าย อิทธิพล และสืบทอดทางการเมือง ก็เป็นมาตั้งแต่ปี 2557 เพราะฉะนั้นคิดว่าคนที่ไม่นับ 2557 คือคนที่เอาตัวหนังสือเป็นนาย ไม่ได้เอาเจตนารมณ์เป็นนาย  แต่กฎหมายต้องเอาเจตนารมณ์เป็นนาย ไม่ใช่เอาตัวหนังสือเป็นนาย

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ  รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันว่า ประเทศไทยไม่ควรอยู่ในสภาพเหมือนมีนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน 2 คน แต่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ นานทีปีหนประชาชนไม่ค่อยได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ออกจากบ้าน ลงพื้นที่ทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ สถานการณ์โควิดก็เป็นนายกฯ เวิร์กฟรอมโฮม ทำงานจากบ้านในค่ายทหารมาแล้ว

"ถ้าไม่คับขันเข้าตาจน กลัวประชาชนลืม อาจไม่ได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์พยายามหนักขนาดนี้ นักข่าวไม่มาก็ลงทุนถ่ายภาพส่งแจกให้นักข่าว อำนวยความสะดวกให้เต็มเหนี่ยว เพื่อส่งรูป ขอมีซีน เหมือนคนหิวแสง แต่คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ลงพื้นที่ยังถูกชาวบ้านด่า เหตุไม่เปิดกระจกรถทักทายกองเชียร์ จนต้องรีบออกมาขอโทษ อ้างนั่งรถกันกระสุนเลยลดกระจกลงไม่ได้ ทำชาวบ้านย้ายค่ายจากกองเชียร์เปลี่ยนเป็นกองแช่ง ถ้ามีปัญหามาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดนั่งรถกันกระสุน แล้วนั่งลงฟังกระแสประชาชนแบบไม่สร้างภาพจัดฉาก จะได้รู้ว่าชาวบ้านอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่งนายกฯ มากขนาดไหน"

คืนตำแหน่งนายกฯ ด้วย

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ประชาชนไม่อยากเห็นสภาพการประลองกำลังวัดบารมี ลงพื้นที่ช่วงชิงพื้นที่สื่อ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์พยายามแสดงให้เห็นว่าแม้ถูกสั่งหยุดเป็นนายกฯ แต่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ จนประชาชนเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมากกว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก

“นอกจากคืนรถประจำตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ควรคืนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ประชาชน โดยการลาออก 8 ปีนานมากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ต้องพอแล้ว ปล่อยให้ประเทศชาติและประชาชนได้ไปต่อ อย่าอยู่เป็นภาระลูกหลานเลย” นายอนุสรณ์กล่าว

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "การตะเกียกตะกายยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์ คือใบเสร็จยืนยันว่าไม่ยอมหยุด อยากอยู่ต่อ ไม่รู้จักพอ ไม่ฟังเสียงประชาชน

แม้กฎหมายให้สิทธิ์ต่อสู้คดี แต่ถ้ารู้จักพอต้องจบ ที่พูดอยู่ตลอดว่ารักชาติ เสียสละมาเหนื่อยทั้งที่ไม่อยากเป็นนายกฯ แต่เมื่อเจตนาเลี่ยงบาลี หาช่องอภินิหารทางกฎหมายนับเวลาไปต่อแบบนี้ก็ไร้ราคา

เนติบริกรทีมกฎหมายทั้งหลายที่สุมหัวกันอยู่ เมื่อทำคำชี้แจงและยื่นศาลรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ขอให้ตั้งโต๊ะแถลงเรื่องง่ายๆ ต่อประชาชนด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มาแล้วกี่ปี ถ้าตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก็ไม่ควรทำคำชี้แจงใดๆ"

แต่นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ตอบโต้ว่า การดำเนินการของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมปกติ ซึ่งกฎหมายให้สิทธิ์ต่อสู้คดี แต่อาจจะไม่เป็นที่พอใจสำหรับบางคนบางกลุ่มที่มักจะออกมาบั่นทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมเป็นรายวัน ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่รู้จักพอ ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็หลับหูหลับตาด่าอยู่วันยังค่ำ ดังนั้น คงจะไปเอาสาระอะไรกับคนกลุ่มนี้ที่ไม่เคยฟังเสียงของคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้

ชักดิ้นชักงอ

"เป็นเรื่องแปลกที่คนชอบบั่นทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ชอบออกมาเรียกร้องให้คนอื่นเคารพความยุติธรรม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดลงมือทำเช่นกัน ซึ่งคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรท่านนายกฯ ก็พร้อมน้อมรับ ไม่ใช่วินิจฉัยเป็นบวกกับตัวเองก็เฮ แต่พอเป็นลบก็ชักดิ้นชักงอ ออกมาตีโพยตีพาย ไม่ยอมรับคำวินิจฉัย  พฤติกรรมแบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าไม่รู้จักพอ" นายธนกรกล่าว

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และที่นายกฯ ประยุทธ์ยื่นคำชี้แจงไปนั้นก็ถือว่าทำตามกระบวนการ ซึ่งขอให้นายณัฐวุฒิ รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน

นายชนะศักดิ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าการตัดสินของศาลจะออกมาในรูปแบบใด ดังนั้นไม่ควรพิพากษากันเองว่านายกฯ ประยุทธ์ครบ 8 ปีแล้ว และต้องออกจากตำแหน่งในตอนนี้ หรือออกมาวิจารณ์ว่าอยากอยู่ต่อ ไม่รู้จักพอ ยืนยันว่านายกฯ ประยุทธ์จะทำงานเพื่อประชาชนต่อจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา แม้จะไม่ได้ทำหน้าที่ตำแหน่งนายกฯ แต่ยังทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้

"ผมเริ่มที่จะเบื่อหน่ายสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ประยุทธ์ลาออก หรือจะมาบอกว่าไม่ยอมหยุด เข้าใจว่าอยากเป็นรัฐบาล แต่ไม่ต้องรีบมาก เอาเวลาไปทำประโยชน์อย่างอื่นจะดีกว่า เผื่อประชาชนเขาสงสารให้คะแนน ทั้งนี้ก็ขอยืนยันอีกครั้งว่าการออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกเสียเวลาเปล่า เพราะนายกฯ ประยุทธ์จะทำงานจนกว่าศาลจะมีคำสั่งใดออกมา

'จุรินทร์' ยันไม่ปรับ ครม.

และที่นายณัฐวุฒิออกมาบอกว่า นายกฯ ประยุทธ์ไม่ยอมหยุด ไม่รู้จักพอนั้น ลืมอะไรไปหรือไม่ว่านายทักษิณ  ชินวัตร นายใหญ่ของนายณัฐวุฒิมีพฤติกรรมยังไง ไม่รู้จักพอไม่ยอมหยุดหรือไม่ ขนาดเป็นนักโทษหนีคดียังเชิดหน้าชูตา ออกมาเคลื่อนไหวกล่าวหาโจมตีคนอื่น อยากกลับมามีอำนาจ อยากกลับบ้าน อยากพ้นผิด ทั้งนี้อย่าว่าแต่นายทักษิณเลย ผมเริ่มสงสัยว่าการที่นายณัฐวุฒิออกมาปกป้องนายทักษิณแบบถวายหัวเช่นนี้ ก็น่าจะหวังผลประโยชน์อะไรแน่นอน” นายชนะศักดิ์กล่าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเรียกร้องให้ยึดโควตากระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คืน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวว่า ยังไม่มีสัญญาณการปรับ ครม. และตนคิดว่าไม่เกิดขึ้นแน่ๆ และเรื่องนี้ไม่ได้ถาม พล.อ.ประวิตร เพราะไม่จำเป็นต้องถาม  ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะตนทราบดีว่ามีใครเกี่ยวข้อง ซึ่งคนที่ออกมาพูดไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า การปรับ ครม.จะต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็มีหลักในการพิจารณา การดำเนินการใดๆ ต้องทำในฐานะรัฐบาลผสม ซึ่งมีรูปแบบอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีหลักในการทำการเมืองตามระบบรัฐสภา

เมื่อถามถึงกรณีที่มีภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนให้กำลังใจตั้งแต่วันแรก ไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครทราบ เป็นการสื่อสารให้ พล.อ.ประยุทธ์รับทราบ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ขอบคุณ เพราะกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่มีวุฒิภาวะในการทำงานร่วมกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง