ซัดกฎเหล็กขัดนิติธรรม จี้เอาผิดป้าย‘ภท.-สอท.’

“พท.” ออกแถลงการณ์จวก กฎเหล็ก 180 วัน กกต. ซัดลักลั่น ขวางช่วย ปชช. แถมบังคับใช้ไม่เท่าเทียม รมต.ได้ประโยชน์ “ศรีสุวรรณ” ร้องเอาผิดป้ายหาเสียงภูมิใจไทย-สร้างอนาคตไทย “จุรินทร์” ส่ง “องอาจ-มาดามเดียร์” ติวเข้มโซเชียลทีม กทม.สู้เลือกตั้ง “ถาวร” ซบ “ไทยภักดี” พร้อมเป็นพันธมิตรนักการเมืองน้ำดี “หมอวรงค์” ลั่นลุยปราบโกง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) วันที่ 29 ก.ย. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์พรรคกรณีระเบียบ กกต.เรื่องข้อปฏิบัติในระยะเวลาหาเสียง 180 วันก่อนวันครบอายุสภาผู้แทนราษฎร เนื้อหาระบุว่า ตามที่ กกต.ได้ออกระเบียบตามมาตรา 64, 65 และ 68 กฎหมายเลือกตั้งว่าภายในระยะเวลา 180 วันนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.2565 ไปถึงการเลือกตั้งทั่วไป ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องรวมนับค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง และมีข้อห้ามอื่นๆ เรื่องการแจกสิ่งของและวิธีการหาเสียงนั้น พรรค พท.มีความเห็นว่า กฎหมายเลือกตั้งต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรีและเป็นธรรม ใช้บังคับกับนักการเมือง พรรคการเมือง และว่าที่ผู้สมัครอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอยู่ในฝ่ายบริหารหรือไม่ก็ตาม  โดยมีความเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวอาจมีปัญหาว่าขัดกับหลักสามัญสำนึก หลักนิติธรรมและหลักปฏิบัติที่ใช้กันมาดังนี้

1.บทบัญญัติในกฎหมายเลือกตั้งทำนองนี้ ไม่เคยมีมาก่อน แต่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร และพิจารณาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่สมาชิกไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับเป็นผู้พิจารณาเรื่องการเลือกตั้ง 2.ข้อจำกัด 180 วันนี้มีความลักลั่น เนื่องจากถ้าในการเลือกตั้งภายหลังการยุบสภา จะต้องใช้บทบัญญัติอื่นที่ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่าย และห้ามกระทำบางเรื่องจะสั้นกว่า ตามปกติประมาณ 60 วัน สะท้อนว่าการห้ามเป็นระยะเวลา 180 วันนั้นไม่มีตรรกะที่ดีในการร่างกฎหมาย 3.เงื่อนไข 180 วันนั้น เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนานเกินควรที่จะได้รับทราบนโยบายของนักการเมืองในบางสถานที่และเวทีที่มีข้อห้ามและประชาชนมาชุมนุมกันจำนวนมาก เช่น ในเวทีที่มีมหรสพ อีกทั้งยังทำให้นักการเมืองไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติประเพณีได้ในช่วงเวลานั้น เช่น การใส่ซองในงานประเพณีต่างๆ นอกจากนั้นข้อห้ามที่ค่อนข้างนานกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนถ้ามีกรณีภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม เป็นต้น

4.เงื่อนไขในลักษณะนี้มีปัญหาเรื่องความชัดเจน ก่อให้เกิดความกังวลว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ซึ่งแม้ กกต.จะได้ชี้แจง แต่ข้อกังวลยังคงอยู่ เพราะยังมีช่องในการตีความ และใช้ดุลพินิจ   กฎหมายที่ดีควรชัดเจน และไม่ควรเปิดช่องให้ต้องตีความ 5.ข้อที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียม ถ้าบทบัญญัติและระเบียบห้ามนักการเมืองทั่วไปว่าทำไม่ได้ แต่ผู้มีตำแหน่งทางฝ่ายบริหารในรัฐบาลเช่นรัฐมนตรีทำได้ อาจรู้สึกว่าลักลั่นกัน มีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง พรรคมีความเห็นว่าบทบัญญัติกฎหมายต้องไม่ทำให้ฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

 “โจทย์สำคัญของการเลือกตั้งคือ ต้องสุจริต เสรีและเป็นธรรม ดังนั้นกฎหมายเลือกตั้งต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ ถ้าบทบัญญัติเรื่องค่าใช้จ่าย และการห้ามทำกิจกรรมในบางเรื่องในช่วงเวลา 180 วันก่อนสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ ไม่ตอบโจทย์ และไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรีและเป็นธรรมมากขึ้น เราก็ต้องช่วยกันพิจารณาหาทางแก้ไข และพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะพิจารณาเสนอแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ร่วมกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้ดียิ่งขี้น” แถลงการณ์พรรค พท.ระบุ

ซัดกฎ กกต.ไม่เท่าเทียม

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรค พท. กล่าวว่า ปัญหาใหญ่อยู่ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง มีมุมมองกับพรรคการเมืองเป็นลบ จึงต้องมีรัฐธรรมนูญปราบโกง จึงต้องมีข้อจํากัด ควบคุม ตรวจสอบพรรคการเมืองอย่างเข้มข้น อันเป็นยุคสมัย ของพวกยึดอำนาจและสภาแต่งตั้ง เบื้องต้นจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมือง เปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ว่าพรรคการเมืองคือตัวแทนประชาชน มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน

“เท่าที่ผมได้ตรวจสอบมีข้อสังเกตที่อยากให้สังคมเห็น 1.การขยายเวลาการบังคับใช้ในเรื่องการหาเสียงออกไปถึง 180 วันก่อนวันครบอายุสภา เป็นระยะเวลานานเกินไป 2.ข้อห้ามหลายกรณีในระเบียบดังกล่าวมีลักษณะฝ่าฝืนธรรมชาติ และขัดต่อการทําหน้าที่ ส.ส. เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน ในทางตรงกันข้ามข้อห้ามนี้มิได้ถูกนํามาบังคับใช้กรณีนายกฯ หรือรัฐมนตรี ลงไปปฏิบัติหน้าที่และมีการมอบสิ่งของหรือเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับผู้ประสบภัย โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของฝ่ายบริหาร ทําให้เกิดความได้เปรียบในการหาเสียง 3.การจัดทําป้ายหาเสียงในช่วงเวลานี้ ถูกควบคุมทั้งเรื่องขนาดของป้าย จํานวนและสถานที่ติดตั้ง ทั้งที่ยังไม่มีการประกาศเขตการเลือกตั้งใหม่ 4.ในเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง” ประธานฝ่ายกฎหมายพรรค พท.กล่าว

ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเบาะแสต่อกกต.เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนเอาผิดพรรคภูมิใจไทยและพรรคสร้างอนาคตไทย ที่จัดทำและติดตั้งป้ายโฆษณาหาเสียงบริเวณริมถนนต่างๆ ทั่วประเทศไม่เป็นไปตามระเบียบของ กกต.

 “จากการตรวจสอบป้ายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย ที่เริ่มติดตั้งอยู่ริมถนน ตรอก ซอย ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชลบุรี จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดนครราชสีมา ฯลฯ และของพรรคสร้างอนาคตไทยบางพื้นที่ กลับพบว่าแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงทุกแผ่นป้ายของสองพรรคการเมืองดังกล่าว มีพิรุธจัดทำไม่เป็นไปตามระเบียบ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งเบาะแสให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดตามครรลองต่อไป” นายศรีสุวรรณกล่าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. เป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Social Media in Advance” ที่คณะกรรมการการยุทธศาสตร์ กทม.พรรคจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ เพื่อติวเข้มผู้สมัคร ส.ส. กทม. และทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการใช้โซเชียลมีเดีย ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ

“การสัมมนาดังกล่าวเป็นกิจกรรมเชิงรุกของทีมกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าทีม เพื่อปฏิบัติการอบรมเชิงรุกและการใช้สื่อยุคใหม่ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะต้องใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อให้การสื่อสารในทางการเมืองของทีมกรุงเทพฯ ของพรรคไปสู่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น โดยมีติวเตอร์หลายรายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ มาเป็นติวเตอร์สำคัญที่จะช่วยให้ทีมปฏิบัติการสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง” นายจุรินทร์กล่าว

จากนั้นนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ถึงกฎ 180 วันของ กกต.ว่า ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-3 ต.ค.นี้ ตนจะได้นำทีมจุรินทร์ออนทัวร์ ลงพื้นที่จังหวัดพังงาและกระบี่ โดยจะมีการพูดคุยกันถึงกติกาของ กกต.ในเชิงลึก หลังจากภาพรวมได้สั่งให้สมาชิกพรรคทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งหรือกฎระเบียบทั้งหมดที่ออกโดย กกต.

'ถาวร'ซบ'ไทยภักดี'

 ถามว่าฝ่ายค้านมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้เปรียบ หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ถ้าเป็นการลงพื้นที่ในการปฏิบัติปกติ ไม่ว่าฝ่ายค้านวันนี้ซึ่งอดีตเคยเป็นรัฐบาลมาก็ปฏิบัติเป็นไปตามนั้น ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกฎหมายก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว การไปปฏิบัติราชการก็เป็นหน้าที่ของคนที่เป็นรัฐบาล

วันเดียวกัน ที่ทำการพรรคไทยภักดี นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคไทยภักดี โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี, พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคให้การต้อนรับ พร้อมมอบบัตรสมาชิก สวมเสื้อพรรคไทยภักดี และคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรือง

นายถาวรกล่าวว่า แม้ว่าพรรคไทยภักดีจะเป็นพรรคเล็ก ไม่มีนายทุนผูกขาด แต่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ตั้งใจที่จะทำการเมืองให้ดีขึ้น จะต้องปฏิรูปประเทศให้ครบทุกด้าน ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของการเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่แค่พูด และให้ลูกน้องนำเงินไปซื้อเสียง การเลือกตั้งในหลายเขตใช้เงินกว่า 100 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของวงจรอุบาทว์นี้ ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ เราสามารถสกัดกั้นคนไม่ดีไม่ให้มาบริหารประเทศได้ และส่งเสริมคนดีให้มานั่งบริหารประเทศ

 “ผมยังคงผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ และยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่หนึ่งข้อ ที่ว่าพรรคจะทำการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ สุจริต เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของท่านใด แต่เป็นเรื่องของนักการเมืองที่ทุกคนจะต้องนำมาใช้ และในวันนี้ผมเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดีโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ถือว่าได้เปลี่ยนสัญชาติ แต่ทุกพรรคการเมืองเป็นพันธมิตรกันได้ นักการเมืองน้ำดีจับมือกอดคอกันพัฒนาประเทศชาติได้” นายถาวรกล่าว

ถามว่า ในช่วงนี้มีการควบรวมพรรคการเมือง พรรคไทยภักดีจะมีการควบรวมกับพรรคอื่นหรือไม่ นายถาวรระบุว่า จากการที่ได้คุยกับคณะกรรมการบริหารพรรคว่า กติกาใดที่หารด้วย 100 หรือ 500 ส.ส. จะออกมาในรูปแบบใด เราก็จะสู้ทั้งหมด การควบรวมกันนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ต้องดูที่อุดมการณ์และจุดยืน รวมถึงนโยบาย ความจริงใจของนักการเมืองในพรรคนั้นๆ ที่จะมาจับมือกับเรา แต่ขณะนี้เราไม่เห็นว่าเราจะไปจับมือหรือควบรวมกับใคร พรรคไทยภักดียืนด้วยความแข็งแกร่ง มีหัวใจที่พองโต และความมุ่งมั่นสูงมาก

ส่วน นพ.วรงค์กล่าวว่า นี่คือขบวนการที่ประธานพรรคไทยภักดีได้มาพบปะสมาชิกพรรคและแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการที่จะจับมือร่วมกับพรรคไทยภักดี ตนกล้าพูดเต็มปากว่า ไม่มีพรรคการเมืองพรรคไหนปราบโกงเก่งเท่ากับพรรคของเรา และขอประกาศถึงเส้นทางในอนาคตว่า พรรคไทยภักดีจะจัดระดมทุนครั้งใหญ่ ในวันที่ 23 ตุลาคม 2565 เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง โดยจัดที่เมืองทองธานี และสิ่งที่พี่น้องได้รับตอบแทนจากไทยภักดี คือตนเชื่อว่า การปราบปรามการทุจริตจะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง และนำไปสู่นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดทำได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง