
“เพื่อไทย” ออกแถลงการณ์น้ำท่วม จี้ กกต.ออกระเบียบเปิดช่องกฎเหล็ก 180 วัน ให้นักการเมืองช่วยเหลือประชาชน “ชลน่าน” ยันเปิดสภาเมื่อใดชงทันที ขำไม่ออก! ด่ารัฐบาลมัวแต่ชี้นิ้วแก้ปัญหา สู้ “ยิ่งลักษณ์” เอาอยู่เมื่อปี 2554 ไม่ได้ โวหากกลับมาใหญ่จะรื้อฟื้นแผนนารีปูกลับมาใช้แน่
เมื่อวันอังคารที่ 4 ตุลาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคได้ออกแถลงการณ์เรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศประสบภัยพิบัติน้ำท่วม โดยได้เรียกร้องใน 2 เรื่อง คือ 1.เรียกร้องให้รัฐบาลให้ถือปัญหาครั้งนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นฉุกเฉิน ต้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า และมาตรการเยียวยาในระยะต่อไปอย่างชัดเจน เพราะพรรคมีประสบการณ์รับน้ำท่วมในปี 2554 ซึ่งได้กำหนดมาตรการไว้อย่างมีแบบแผน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พบว่ามีปัญหาใน 7 เรื่องสำคัญ 1.การเตือนที่ล่าช้า มาตรการไม่มีความพร้อม 2.ในสถานการณ์น้ำท่วมปี 2554 รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วางแผนเตรียมการไว้ในระดับเลวร้ายที่สุด หากไม่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเตรียมการ
3.รัฐบาลต้องบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์ภาวะเสี่ยงไม่ใช่สถานการณ์ปกติ 4.วางระบบในการบริหารจัดการ โดยหน่วยดูแล บัญชาการ ปฏิบัติการชัดเจน 5.การบริหารสถานการณ์น้ำท่วม ต้องไม่นำระเบียบเดียวกันมาบังคับเหมือนกันทั่วประเทศ 6.ต้องให้ความสำคัญกับภาคท้องถิ่น รวมทั้งภาคส่วนเอกชน อาสาสมัครต่างๆ และ 7.แผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่แม้ถูกตีตกไป ถือว่าเป็นกรรมของประเทศมาถึงปัจจุบันที่ไม่มีระบบการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำแผนไปดำเนินการ และหากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสในการบริหารประเทศ พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดจะดำเนินการ
แถลงการณ์ระบุอีกว่า 2.ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณากำหนดเงื่อนไขและแนวทางปฏิบัติ ปรับปรุงระเบียบให้พรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในฐานะผู้แทนของปวงชน สามารถเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ แม้อยู่ในช่วงระยะของ 180 วัน ก่อนวันครบอายุสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องถือปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นระเบียบว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงก็ตาม เพื่อมิให้ระเบียบหรือข้อห้ามต่างๆ เป็นอุปสรรคในการจำกัดหรือทำให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซึ่งกำลังเดือดร้อนอย่างสาหัสอยู่ในขณะนี้
“หากเปิดสมัยประชุมสภา พรรคเพื่อไทยจะเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในมาตราที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและการหาเสียงเลือกตั้ง เช่น มาตรา 64, 65 และ 68 ต่อไป” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในโหมดว่าด้วยค่าใช้จ่ายว่า ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งที่ออกตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มีบทบัญญัติเขียนแตกต่างไปจากกฎหมายเดิม ที่ใช้บังคับอยู่ที่ว่าด้วยค่าใช้จ่ายว่าด้วยการเลือกตั้ง และโหมดว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้ง กำหนด 180 วันขึ้นมา ตามกฎหมายเดิมใช้แค่ 90 วัน หากครบวาระอายุสภา ระยะเวลา 180 วัน ไปจนถึงวันเลือกตั้ง ให้ถือว่าเป็นวันที่จะต้องนับเป็นค่าใช้จ่ายการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ตาม และโหมดว่าด้วยการหาเสียงรองรับด้วยว่า 180 วัน ถือเป็นการหาเสียงและมีข้อห้ามในการหาเสียง หากเกิดภาวะวิกฤต เช่น มีอุทกภัย มีภัยพิบัติ จะมีปัญหามากในการดูแลช่วยเหลือประชาชน เจตนารมณ์ที่กำหนดเช่นนั้นเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครและพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก ไม่ให้พรรคใหญ่เอาเปรียบพรรคเล็ก แต่การออกระเบียบเช่นนี้กลับไปกระทบกับประชาชน
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ด้วยข้อจำกัดเช่นนี้ พรรค พท.จึงมีมติว่า 1.จะทำข้อเสนอไปที่ กกต.ให้ทบทวนและพิจารณาว่ามีช่องกฎหมายใดที่สามารถกำหนดเป็นระเบียบได้ เพราะระเบียบสามารถตามกฎหมาย แต่เท่าที่ดู เห็นว่ามีช่องกฎหมายที่ออกเป็นระเบียบและสามารถเว้นได้ เช่น ข้อห้ามตามมาตรา 73 ซึ่งเป็นข้อห้ามในการหาเสียง ที่ระบุไว้ชัดการได้มาซึ่งคะแนน คือการจูงใจให้ลงคะแนน ถ้ายังไม่มีเบอร์และผู้สมัครจะจูงใจให้ลงคะแนนให้ใคร เมื่อคุณไปสมัครก็จะครบองค์ประกอบ เป็นการเขียนกฎหมายล่วงหน้าไม่ควร ก็ดูว่ามาตรานี้สามารถเขียนระเบียบออกมารองรับได้ เช่น ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ในกรณีที่มีความจำเป็น และให้กำหนดวงเงินไว้เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ ซึ่งเราจะเข้าไปแก้ไข
“ทำทันแน่นอนหากเราช่วยกันจริงๆ เมื่อเปิดสภาจะยื่นแน่ ยังมีเวลาอยู่ 6 เดือนหากไม่ยุบสภาก่อน ซึ่งหากระเบียบที่มีปัญหาก็ต้องมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งมาวินิจฉัย เช่นศาลปกครอง มาดูว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร” นพ.ชลน่านกล่าว
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังกว่า 10 จุดใน กทม. ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. พรรคเพื่อไทยทั้ง ส.ส., ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส., ส.ก. รวมทั้งคณะทำงาน กทม. ของพรรคได้พยายามทำหน้าที่ในส่วนของตนเองเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาว กทม.อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจากการตรวจสอบระดับน้ำในคลองสายหลัก พบว่าคลองหลายแห่งยังสามารถใช้ระบายน้ำได้อีก
“ในฐานะ ส.ส.กทม. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนกฎเหล็กของ กกต.เพื่อให้ ส.ส.ได้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ และควรจัดสรรงบกลางเพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ รวมถึง กทม.อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ควรใช้งบกลางไว้ในการจัดสรรอำนาจของตนเอง พร้อมทั้งขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดสรรเครื่องสูบน้ำแรงสูงระยะไกล เพื่อเตรียมทอนน้ำไปยังคลองสายหลักสำหรับฝนที่กำลังจะมาอีก และขอให้ทุกภาคส่วนของ กทม.เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และบรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเฉียบพลันให้ชาว กทม.อย่างทันท่วงที”
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวอีกว่า ขอให้รัฐบาลปรับปรุงระบบเตือนภัยให้มีความรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังเช่นเมื่อวันที่ 3 ต.ค.อีก เพราะประชาชนไม่รู้ตัวว่าฝนจะตกเมื่อไหร่ ที่ไหน และปริมาณมากน้อยเพียงใด จนก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายเช่นที่เกิดขึ้นในวันนี้ พร้อมทั้งขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่ามัวแต่สร้างภาพลงพื้นที่ชี้นิ้วสั่งการข้าราชการให้แก้ปัญหาน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว แต่ขอให้ใช้สติปัญญาในฐานะผู้นำประเทศ เร่งวางนโยบายและแผนบริการจัดการน้ำภาคเหนือจรดภาคใต้ให้เป็นระบบ ครอบคลุม เป็นรูปธรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากอีก
“โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ผ่านการคิดและหารือร่วมกันโดยนักวิชาการหลากหลายสถาบัน เป็นแผนจัดการน้ำรวม 10 โมดูล หากดำเนินการในวันนั้น จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ในวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบมาโดยตลอด แต่รัฐบาลไม่เคยเปิดใจรับฟัง ทั้งที่ปี 2554 พล.อ.ประยุทธ์เคยเดินคู่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม แต่ไม่เคยใช้โอกาสนั้นเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และยังไม่สายที่จะนำแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทไปดำเนินการ เพราะในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีแผนการบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้งแต่อย่างใด แต่เป็นไปเพื่อรักษาอำนาจเท่านั้น หมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ปล่อยให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ชลน่าน’ โยน กก.บห.เพื่อไทย เคาะเสนอร่างนิรโทษฯ ประกบ ‘ก้าวไกล’ หรือไม่
นพ.ชลน่าน ระบุให้ กก.บห.เพื่อไทยเคาะเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ประกบร่วมกับของพรรคก้าวไกลหรือไม่
เสี่ยนิดผงะ!หนี้บาน เกรียงเตือนระวังเก๊
“เศรษฐา” ผงะ! บอกไม่นึกว่าหนี้นอกระบบจะเยอะเกินคาด
ท็อปแนะใจเย็น สงกรานต์30วัน ‘ช่อ’หวั่นเผาเงิน
"บิ๊กทิน" รับลูก "อุ๊งอิ๊ง" จัดสงกรานต์ทั้งเดือนเม.ย.67
มาร์ครั้งอันดับ4 นั่งหัวหน้าปชป. มาดามเดียร์เต็ง
นิด้าโพลเผยผลสำรวจเรื่องพรรคแม่พระธรณีบีบมวยผม
‘ปานปรีย์’เร่งช่วยแรงงานใน‘กาซา’
นายกฯ ส่งรองเลขาฯ ลงพื้นที่ให้กำลังใจแรงงานไทย
พรรคเล็กหนุนนิรโทษกรรม
“สรวงศ์” ปูดเพื่อไทยจะร่างนิรโทษกรรมประกบฉบับก้าวไกลแน่