จ่อฟันอาญา-ยุบก.ก. ‘ณฐพร’มั่นใจเอาผิดได้แน่-‘บิ๊กตู่’ ปลุกขอให้กล้ายืนในโรงหนัง

"บิ๊กตู่" ลั่น! ประเทศไทยรักษาความเป็นอิสระไว้ได้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกคนต้องระลึกถึงให้มากกว่านี้ ปลุกขอให้กล้ายืนในโรงหนัง ด้าน "ณฐพร" รอดู กกต.เชือดก้าวไกล คาดไม่เกิน 2 เดือนส่งศาล รธน.ยุบพรรค "พิธา" แผ่นเสียงตกร่อง อ้างต่างชาติไม่เอา ม.112 คำวินิจฉัยศาลน่ากังขา ทำอนาคตประเทศไทยเดินไปตามเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงและคับแคบ ลูกพรรคดุเดือดยืนยันต่อต้านฝ่ายอนุรักษนิยมอย่างถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 มีผู้เข้ารับการศึกษา 288 คน และนักศึกษาจากมิตรประเทศ รวมถึงนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ร่วมเรียน วปอ.รุ่น 64 ด้วย

ทั้งนี้ นักศึกษา วปอ.ได้ร่วมขับร้องเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" โดยระบุว่า เป็นเสมือนการตั้งปณิธานร่วมกันว่า จะรัก สามัคคี และช่วยกันรักษาบ้านเมือง เพื่อเป็นกำลังใจนายกฯ

หลังจบเพลง นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทุกคนอาจจะลืมไปแล้วว่า ประเทศไทยสามารถจะรักษาความเป็นอิสระไว้ได้ ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ด้วยพระสติปัญญาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลก่อนหน้านั้น นี้คือสิ่งที่ทุกคนต้องระลึกถึงให้มากกว่านี้ นั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้เริ่มต้น ได้สร้างคุณประโยชน์มากมายในหลายมิติด้วยกัน ท่านทรงเริ่มต้นทุกอย่าง และเราก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกันในชาติ จวบจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ที่ท่านรับสั่งทั้งพระราโชบาย พระปฐมบรมราชโองการ ที่ทรงกล่าวครั้งแรก เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ในรัชกาลที่ 10 คือ สืบสาน รักษา ต่อยอด สิ่งที่ทำกันมาแล้ว

"ฉะนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทุกคนต้องนำมาขับเคลื่อนตัวเอง สังคม ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกัน สืบสาน รักษา ต่อยอด ทั้งตัวเองและคนอื่นด้วย ประเทศไทยจึงจะเข้มแข็ง ผมหวังว่านักศึกษาทุกท่านจะนำความรู้ประสบการณ์ มาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน "

จากนั้น นายกฯ กล่าวบรรยายเรื่อง “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ”โดยกล่าวช่วงท้ายว่า เรื่องการเมืองต้องเดินไปด้วยกัน และตนเองก็ระมัดระวังเรื่องการให้ข่าว ทั้งนี้ เรื่องการยืนในโรงฉายหนัง เป็นห่วงคนที่อยากยืนแต่ไม่กล้ายืน จึงอยากขอทุกคนมีความกล้าหาญจะยืน เป็นเรื่องที่ทุกคนคงเข้าใจ ไม่ใช่บังคับกัน

วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเป็นการล้มล้างการปกครองว่า เป็นเรื่องของตำรวจและทหารที่ต้องไปดูกัน โดยต้องทำตามที่ศาลมีคำวินิจฉัย "ไม่รุนแรงหรอก สื่อประเมินกันเองน่ะสิ เมื่อศาลวินิจฉัยออกมาเช่นนั้นก็ถือว่าจบแล้ว"

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยเต็ม คำร้องดังกล่าวร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ไม่ใช่มุ่งหวังที่จะให้มีความผิดทางอาญา เรื่องความผิดอาญาคงต้องว่ากันต่างหาก แต่จากคำวินิจฉัยของศาลแสดงให้เห็นว่าคนที่กระทำเช่นนั้นต้องระวัง อ้างสิทธิเสรีภาพเหมือนที่เคยทำไม่ได้ เพราะศาลชี้ว่าการกระทำไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการชุมนุมครั้งต่อไปต้องระวังมากขึ้น

ขณะที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เมื่อผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องนำคำวินิจฉัยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป เช่น การพิจารณาเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในข้อหากบฏ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องความผิดต่อความมั่นคง เช่นการเอาผิดมาตรา 112, มาตรา 116, มาตรา 215 ส่วนพรรคการเมือง หากพบชัดว่าเกี่ยวข้องก็ต้องเอาผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 45, มาตรา 92 

เดินหน้ายุบ'ก้าวไกล'


ส่วนอาจารย์มหาวิทยาลัยคนใดที่เกี่ยวข้องในการให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ก็ต้องมีการดำเนินคดีเช่นคดีอาญา รวมถึงที่ควรต้องถูกเอาผิดโดยเร็วก็คือการเอาทางวินัย เพราะตามระเบียบราชการ การเป็นข้าราชการต้องเคารพเทิดทูนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    
นายณฐพรยังกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของพรรคการเมืองคือพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นั้น ก่อนหน้านี้ตนได้เคยไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาไต่สวนพรรคก้าวไกลไปตั้งแต่ปี 2563 แล้ว โดยยื่นในเวลาใกล้เคียงกับคดีล้มล้างการปกครองฯ โดยหลังยื่นไปแล้ว ก็ได้ทยอยส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปให้ กกต.เรื่อยๆ เช่น เอกสารจากสำนักงานตำรวจสันติบาล เพื่อให้ กกต.ไต่สวน โดยเรื่องดังกล่าวได้ยื่นให้ไต่สวนเอาผิดกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลบางคน 

"ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเมื่อ 10 พ.ย. ผมก็ทราบข่าวว่าสำนวนเรื่องนี้ กกต.พิจารณาเสร็จแล้ว ดูแล้ว กกต.คงรอคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการที่จะออกมาของศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างมาประกอบ แล้วก็คงส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยต่อไป ผมคิดว่าคดีพรรคก้าวไกลในชั้น กกต.คงเสร็จภายในไม่เกิน 1-2 เดือนนี้ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป"
 
เมื่อถามว่า คิดว่าสำนวนคำร้องคดีพรรคก้าวไกลจะสามารถเอาผิดถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกลและเอาผิดพวก ส.ส.ก้าวไกล เช่น ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปยื่นขอประกันตัวแกนนำม็อบได้หรือไม่ นายณฐพรยืนยันว่า ผิดแน่นอน ซึ่งในส่วนของ ส.ส.พรรคก้าวไกลนั้น ยังมีการยื่นแยกออกไปอีกต่างหาก คือมีการยื่นเอาผิด ส.ส.พรรคก้าวไกล 7-8 คน กรณีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2562 ที่ให้ครอบคลุมถึงรัฐมนตรีและ ส.ส. ซึ่งก็ได้ยื่นให้สำนักงานป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว โดยตอนนี้ก็รอคำวินิจฉัยกลางฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างฯ ส่งเพิ่มเติมให้ป.ป.ช.เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาต่อไป โดยหากศาลรับฟ้องก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่
 
"ที่มั่นใจว่าเรื่องพรรคก้าวไกลเอาผิดได้เพราะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว ที่ผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นเมื่อศาลบอกว่ามีการล้มล้าง ดังนั้นการกระทำที่ ส.ส.ไปเกี่ยวข้องด้วย มันผิดจริยธรรมร้ายแรงแน่นอน พวกนี้ถึงออกมาด่าผมเยอะ ตอนนี้ได้ข่าวว่ามีคนจ้างล่าตัวผมแล้ว จะมาทำร้ายผม แต่ผมไม่กลัวหรอก คนเราถึงเวลาตายก็ต้องตาย แต่หากต้องตายเพราะเรื่องที่เราทำ ผมก็พร้อม" นายณฐพรกล่าว 

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกลว่า ขณะนี้คณะกรรมการไต่สวนของสำนักงานกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งมีข้อเท็จจริงค่อนข้างเยอะ จึงต้องใช้เวลา ล่าสุดทราบว่าอยู่ระหว่างการให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า 3 แกนนำกลุ่มราษฎรกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ทางสำนักงานก็จะขอคัดคำวินิจฉัยดังกล่าวเพื่อนำมาพิจารณาว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับที่มีการร้องหรือไม่อย่างไร

ก.ก.ยืนยันสู้ฝ่ายอนุรักษนิยม

สำหรับท่าทีของพรรคก้าวไกลนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค อ้างว่าสิ่งที่เกิดวันนี้ จะขีดเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงและคับแคบให้แก่สังคมไทย ในขณะที่การประชุม Universal Periodic Review หรือ UPR ของสหประชาชาติเพื่อทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ หลายประเทศตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงถึงท่าทีของประเทศไทยต่อเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล ตัดภาพกลับมาที่ศาลรัฐธรรมนูญในเวลาไล่เลี่ยกัน ศาลได้วินิจฉัยให้การกระทำรวมถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเพื่อขอให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ รวมถึงให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าข่ายเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครอง

"คำวินิจฉัยที่น่ากังขานี้ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่ตัวแทนประเทศไทยได้ชี้แจงกับนานาประเทศแต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้น คือผลของคำวินิจฉัยในวันนี้อาจจะนำพาสังคมไทยมุ่งหน้าไปบนเส้นทางที่น่าเป็นห่วง สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญทำในวันนี้เป็นมากกว่าคำวินิจฉัย แต่เป็นการขีดอนาคตประเทศไทยให้เดินไปตามเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงและคับแคบ ประเทศไทยไม่ได้อับจนหนทางขนาดที่ผู้มีอำนาจต้องกอดแน่นอยู่กับอดีต แล้วกระทำต่อผู้คนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในฐานะภัยต่อความมั่นคงของชาติ" นายพิธาระบุ

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนแถลงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ภายหลังจากที่นายณฐพรยื่นยุบพรรคว่า ข้อกล่าวหาในการยุบพรรคก้าวไกล ไม่ว่า ส.ส.ของเราจะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม ไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีการเมือง รวมถึงการเสนอแก้มาตรา 112 ยืนยันว่าการกระทำของเราไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เพราะเป็นการใช้สิทธิ ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ที่ดีของประชาชน เป็นการประกันสิทธิที่รับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ

“ไม่ว่าจะมีแรงเสียดทานอย่างไร พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะต่อต้านการล้มล้างการปกครองของคณะรัฐประหาร และฝ่ายอนุรักษนิยมอย่างถึงที่สุด และยืนยันที่จะต่อสู้เพื่อพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน หากเราถอยห่างจากหลักการนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะมีพรรคเราอยู่ ยืนยันที่จะต่อสู้เคียงข้างประชาชนอย่างถึงที่สุด” เลขาฯ พรรคก้าวไกลระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญถูกผู้ไม่หวังดีเข้าแฮ็กเว็บไซต์โดยเมื่อกดเข้าเว็บไซต์ จะปรากฏเป็นคลิปวิดีโอเพลงความยาว 3.48 นาที ที่ใช้ชื่อว่า Death Grips – Guillotine (It goes Yah) หรือกิโยติน ซึ่งเป็นเพลงของกลุ่มฮิปฮอปทดลองสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 แทนหน้าเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญปกติ พร้อมกันนั้นยังมีการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เป็น kangaroo court ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายถึงศาลเตี้ย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ขณะนี้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญรับรู้แล้ว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีกำลังดำเนินการแก้ไข ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว กับเว็บไซต์ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนผู้บริการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการสั่งการเรื่องนี้เป็นพิเศษ

'อานนท์'อยู่ในคุกก็โพสต์ได้

นอกจากนั้นมีรายงานข่าวว่า ศาลได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีมีคำวินิจฉัยว่า นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องรวมถึงกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย

ขณะที่เฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และแกนนำราษฎร โพสต์ข้อความโดยแอดมินระบุว่า ลูกหลานชาวนา นักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่มีแค่ไมค์ รถปราศรัย และแอคเคาต์เฟซบุ๊ก ได้กระทำการล้มล้างการปกครอง ด้วยคำพูด ถ้าทำได้อย่างนั้นจริง มันก็คงไม่มีวันนี้

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวกรณีมวลชนที่มารวมตัวรับฟังคำวินิจฉัยบริเวณทางขึ้นศาลรัฐธรรมนูญฝั่งทิศเหนือ โดยมีการกล่าวโจมตีการทำงานของตุลาการ เรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรา 112 และทำกิจกรรมเผาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล รธน.ว่า การรวมตัวทำกิจกรรมนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

“ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ จะเป็นพื้นที่ประกาศนำร่องการท่องเที่ยว แต่การรวมตัวทำกิจกรรมต้องไปดูว่าผิดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดหรือไม่อย่างไร ในส่วนที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมายไม่มีสองมาตรฐาน” รองโฆษก ตร.กล่าว

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินคดีอาญากับแกนนำ บช.น.ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่หลังผู้ชุมนุมไม่พอใจคำวินิจฉัย จากการข่าวคาดว่าผู้ชุมนุมอาจมีการเคลื่อนไหว พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้กำชับตำรวจที่เกี่ยวข้องในการจัดกำลังพล วัสดุอุปกรณ์ ปรับแผนการปฏิบัติ และให้ความสำคัญกับข่าวเชิงรุกมาขึ้นว่า การชุมนุมส่งผลกระทบด้านไหนบ้าง โดยเฉพาะการก่อความไม่สงบ บช.น.ยืนยันว่าเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งแล้ว

ทั้งนี้ การยุยง ปลุกระดม และชักชวนทางโซเชียลนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมาย บช.สอท.ติดตามการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าพบความผิดจะดำเนินคดีทุกข้อหา โดยฝ่ายการข่าวได้เฝ้าระวังเพื่อนำมาประกอบการวางแผน รองรับควบคุมการชุมนุมให้เกิดความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด ที่ผ่านมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล และยุยงส่งเสริม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊ง' ดูไว้! นักการเมืองต้องรักษาสัจจะเหมือน 'อภิสิทธิ์' เคยหาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในงานอีเวนต์ ”10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10“ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม