มิ่งขวัญซบบิ๊กป้อม รทสช.เทเทพเทือก

ฝุ่นตลบ “มิ่งขวัญ” ซบ “พลังประชารัฐ” ชูจุดขายช่วยทีมเศรษฐกิจ "หมอระวี" ชวน 20 พรรคเล็กจัดทัพใหม่ รับมือสูตรหาร 100 คาดชัดเจนใน 7 วัน รวมไทยสร้างชาติผวาภาพ "กำนันสุเทพ" กระทบพรรค ยันทุกอย่างผ่าน  "เอกนัฏ"

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการทาบทามนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ และผู้ก่อตั้งพรรคโอกาสไทย มาร่วมงานกับพรรค พปชร.ว่า ยอมรับว่านายมิ่งขวัญจะมาอยู่กับพรรค พปชร. โดยก่อนหน้านั้นแกนนำในพรรคได้พูดคุยกับนายมิ่งขวัญอยู่หลายครั้ง ก่อนจะได้ข้อสรุปตกลงมาร่วมงานกัน โดยเบื้องต้นจะมาเสริมทีมเศรษฐกิจ ช่วยขับเคลื่อนงานในเรื่องดังกล่าวให้พรรค ส่วนการเปิดตัวนายมิ่งขวัญคงเป็นช่วงสัปดาห์หน้า โดยจะรอให้นายมิ่งขวัญเตรียมความพร้อมของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.จะมาเปิดตัวต้อนรับเข้าพรรคอย่างเป็นทางการต่อไป

ทั้งนี้ พรรค พปชร.มีกำหนดการในวันอังคารที่ 6 ธ.ค. เวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตรได้นัดพบปะสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรค นอกจากนี้ นายสันติ พร้อมพัฒน์  รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค จะร่วมแถลงเปิดตัวนายมิ่งขวัญที่ทำการพรรคด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองในปี 2565 ของนายมิ่งขวัญ ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ต.ค.65 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่  1/2565 ที่ จ.สุพรรณบุรี โดยมีมติเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรค "โอกาสไทย" และตั้งนายมิ่งขวัญอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคแทนนายสุชิน เพียรทอง  โดยนายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตประธานที่ปรึกษาพรรครักษ์ผืนป่าฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อเตรียมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีนายมิ่งขวัญเป็นผู้นำในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเปิดตัวพรรคโอกาสไทย  นายมิ่งขวัญก็ได้เงียบหายไป ก่อนจะมีรายงานข่าวว่าช่วง 3  สัปดาห์ที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคโอกาสไทยเพื่อมาร่วมงานกับพรรค พปชร. โดยจะมาดูแลด้านเศรษฐกิจที่พรรคไม่มีบุคคลที่โดดเด่น จึงจะมาเป็นจุดขายด้านเศรษฐกิจเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

ก่อนหน้านี้ นายมิ่งขวัญเคยมีข่าวจะไปร่วมงานกับพรรคเศรษฐกิจไทย กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แต่สุดท้ายกลับแถลงข่าวประกาศตัวในนามพรรคโอกาสไทย และเปิดรับผู้มีอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมงาน แต่ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร

นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคได้มีการประชุมและมีการเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคโอกาสไทย โดยมีนายมิ่งขวัญเป็นหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายมิ่งขวัญได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่นายมิ่งขวัญลาออก เนื่องจากหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ผ่าน ไม่ขัดแย้งรัฐธรรมนูญโดยใช้กติกาหาร 100 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้พรรคเล็กหรือพรรคตั้งใหม่ไปต่อลำบาก โดยเฉพาะถ้าจะหวัง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 370,000 คะแนนต่อหนึ่งเก้าอี้ จึงทำให้หลายพรรคต้องตัดสินใจทางการเมือง

ถกรวม 20 พรรคเล็ก

นายดำรงค์กล่าวต่อว่า สำหรับตนกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะทำพรรคการเมืองต่อไปหรือไม่ หรือจะย้ายไปอยู่พรรคอื่น เพราะต้องยอมรับว่ากติกาหาร 100 ทำให้พรรคเล็กๆ อยู่ลำบาก แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปอยู่พรรคพลังประชารัฐด้วยแน่นอน

ด้าน นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงทิศทางของพรรคหลังจากที่กติกาเลือกตั้งและสูตรคำนวณ ส.ส.มีความชัดเจน ว่าทิศทางของพรรคพลังธรรมใหม่จะเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง แต่จะปรับยุทธวิธีไปตามกติกาที่เหมาะสม โดยล่าสุดตนได้พูดคุยกับพรรคการเมืองประมาณ 20 พรรค ทั้งที่เป็นพรรคที่มี ส.ส.ในสภาและไม่มี ส.ส.ถึงการทำงานร่วมกัน หลังจากที่สูตรคำนวณ ส.ส.ชัดเจนว่าจะใช้จำนวน 100 คนหาค่าเฉลี่ย  ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะส่งผลให้พรรคเล็กสูญพันธุ์เกือบหมด  เพราะคะแนนที่จะได้ 3.7 แสนคะแนนต่อ ส.ส. 1 คนนั้นได้มาไม่ง่าย อย่างไรก็ดีขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา

นพ.ระวีกล่าวว่า ในรูปแบบเบื้องต้นหากมีพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน 4-5 พรรค ผนึกกำลังในรูปแบบที่เหมาะสม อาจให้พรรคใดพรรคหนึ่งเป็นแกนหลัก แล้วย้ายสมาชิกพรรคไปรวมกัน จากนั้นจะใช้การปรับโครงสร้าง เปลี่ยนชื่อพรรคเป็นแนวร่วม เบื้องต้นคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจนใน 7 วัน แต่หากแนวทางดังกล่าวไม่มีพรรคใดที่พร้อมจะควบรวม ตนจะเดินหน้าทำพรรคพลังธรรมใหม่ต่อไป

มีรายงานข่าวแจ้งถึงความเคลื่อนไหวของ ส.ส.ที่เตรียมย้ายไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  ในขณะนี้ว่ามีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เตรียมจะลาออกไปสมทบอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้พื้นที่เป้าหมายของพรรครวมไทยสร้างชาติจะเน้นหนักในพื้นที่ภาคใต้ ที่หลายเขตมีการวางตัวบุคคลที่จะลงสมัคร ส.ส.เอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยส่วนหนึ่งคัดเลือกจากนักการเมืองท้องถิ่นที่มีความเข้มแข็งในพื้นที่  รวมถึงวางตัวผู้ที่เป็น ส.ส.เดิมลงเลือกตั้งในครั้งหน้า นอกจากนั้นกระแสความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังได้เสียงตอบรับจากคนใต้อย่างกว้างขวาง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างโอกาสให้พรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นอย่างมาก

นอกจากพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐเองก็ตั้งเป้าที่จะแย่งชิงเก้าอี้ส.ส.ภาคใต้ให้ได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ จากกระแสข่าวบางกลุ่มการเมืองที่มุ่งนำเสนอข้อมูลผ่านหลายช่องทางว่า  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.เป็นผู้มีส่วนสำคัญอยู่เบื้องหลังในการขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ   แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าใจถึงเงื่อนไขเป็นอย่างดีว่า หากนายสุเทพเข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรค เสียงตอบรับที่มีต่อพรรคจะเป็นอย่างไร ดังนั้นตั้งแต่ช่วงก่อตั้งพรรคเป็นต้นมา นายสุเทพถือว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่เช่นนั้นแกนนำบางจังหวัดทางภาคใต้ ที่อยู่คนละขั้วกับนายสุเทพคงไม่ตัดสินใจมาร่วมงานด้วยแน่นอน

เพื่อไทยเกิดยากในภาคใต้

"บางพรรคพยายามผูกโยงนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์  เลขาธิการพรรค รทสช.กับนายสุเทพ แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนไว้ใจการทำงานของนายเอกนัฏ และเข้าร่วมงานกับพรรค รทสช.จากการเชิญชวนของนายเอกนัฏ ไม่เกี่ยวกับนายสุเทพ" แหล่งข่าวระบุ

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย (พท.)  ที่มั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์กวาด ส.ส.มากกว่า 250 ที่นั่งว่า พท.พูดมาตั้งนานแล้วว่าจะแลนด์สไลด์ แต่มันคือมาร์เก็ตติง ทุกคนต้องบอกว่าของตัวเองขายดี จะไปบอกว่าขายไม่ดีได้อย่างไร แต่ขายได้จริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ส่วนตัวคิดว่ายาก เพราะ พท.ขายได้แค่ในภาคเหนือและภาคอีสาน ฉะนั้นถ้าจะแลนด์สไลด์ก็ทำได้แค่ใน 2 ภาคนี้

เมื่อถามว่า พปชร.จะปรับยุทธศาสตร์เพื่อต่อกรกับ พท.อย่างไร นายสัณหพจน์ตอบว่า ยังมั่นใจในพรรคและตัวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค แม้ภาพในข่าวท่านดูเหมือนไม่แข็งแรง แต่ตัวจริงท่านยังแข็งแรง ตั้งใจทำงาน และเป็นคนใจกว้าง 3 ปีที่ผ่านมาถ้าไม่มี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นคนบริหารงานพรรค และตัว ส.ส.สร้างฐานให้ พล.อ.ประยุทธ์  พปชร.เองต้องมีการปรับโครงสร้างพรรค ต้องมีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เช่นทีมเศรษฐกิจมีใครบ้าง ใครจะเป็นแกนนำในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ          

"รวมถึงภาพลักษณ์ว่าใครจะอยู่ข้าง พล.อ.ประวิตร เพื่อสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้พรรค คนที่สังคมไม่ยอมรับก็ไม่จำเป็นต้องยืนข้าง พล.อ.ประวิตร เพราะจะทำให้กระแสพรรคกระเตื้องขึ้นช้า หลังปรับโครงสร้างพรรคแล้ว เอาคนที่ตั้งใจทำงาน มีความรู้ความสามารถ และสังคมยอมรับ นี่คือการสร้างกระแสและภาพลักษณ์ให้พรรคในเบื้องต้น  เชื่อว่าเมื่อปรับเสร็จแล้ว พลังประชารัฐจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม" นายสัณหพจน์กล่าว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หัวหน้าพรรคเทิดไท และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุทิน  คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองซีกรัฐบาลกำลังแตกแยก ส.ส.แห่ลาออก และให้จับตาเดดไลน์การเมืองช่วง 24 ธ.ค.อาจเปิดช่องยุบสภาว่า ยังไม่มีการส่งสัญญาณยุบสภา นายสุทินเป็นถึงนักการเมืองเก่าแก่ เป็นประธานวิปรัฐบาล น่าจะทราบดีและไม่ควรเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง และก่อนที่จะวิจารณ์พรรคการเมืองอื่น หรือซีกรัฐบาล ขอให้ไปดูคนในพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะได้ข่าวมาว่าจะมี ส.ส.ฝีมือดีหลายคนไหลออกไปอยู่กับพรรคอื่นเป็นจำนวนมาก หรืออาจเป็นเพราะว่าไม่สามารถทนอยู่ในพรรคเพื่อไทยได้แล้ว

เพื่อไทยจัดทัพใหม่

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่านค้าน  (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กรณียุบสภาว่า คงไม่ยุบก่อนที่กฎหมายลูกจะผ่านออกมา เชื่อว่ารัฐบาลคงรอกฎหมายลูกออกมาก่อนจึงจะยุบ เพราะหากไปยุบตอนที่กฎหมายลูกยังไม่ออกมาหรือยังไม่มีผลบังคับใช้ เจตนารัฐบาลคือจะสร้างความยุ่งเหยิงให้บ้านเมือง เพราะคุณไปยุบตอนที่ยังไม่มีกฎหมาย ทั้งๆ ที่รอได้แต่คุณไม่รอ รัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่าคุณมีเจตนาอะไร นอกจากสร้างความยุ่งเหยิงให้บ้านเมือง

ถามย้ำว่า จากสถานการณ์ตอนนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมี ส.ส.ลาออกเพื่อกดดันให้เกิดการยุบสภา นายสุทิน กล่าวว่า มีทยอยลาออก แต่อาจจะด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป คือ 1.เพื่ออยากย้ายที่อยู่ใหม่ ให้ชนะเลือกตั้ง 2.มีเจตนาที่จะย้ายเพื่อให้รัฐบาลยุบสภาอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้ตนเชื่อว่าจะเป็นเหตุผลข้อที่ 1 มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ซึ่งมีวาระเลือกกรรมการบริหารทดแทนบรรดากรรมการบริหารที่มีตำแหน่ง  ส.ส.ซึ่งลาออกไป ป้องกันการร้องเรียนจากการเลือกตั้งแล้วอาจกระทบถึงพรรคนั้น รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะมีการนำคนรุ่นใหม่ที่เป็นสายวิชาการ ซึ่งไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.มาทำหน้าที่ รวมถึงจะให้บรรดาแกนนำพรรครุ่นใหญ่กลับเข้ามาทำหน้าที่บริหารพรรคในช่วงการเลือกตั้ง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล  ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย จะเข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรค ขณะที่นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช จะกลับมาเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

 ส่วนตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  ส.ส.น่าน ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะเป็นนายประเสริฐ  จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาเช่นเดิม

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมี ส.ส.ลาออกเพื่อกดดันให้เกิดการยุบสภาว่า คนแบบ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ยุบสภา ต่อให้สภาไม่เหลือ ส.ส.สักคน  พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ยุบ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้ว่า ส.ส.ลาออกกี่คนแล้วจะต้องยุบสภา หากลาออกมาก สภาเดินต่อไม่ได้ ก็ถือว่าเดินไม่ได้ แต่หาก ส.ส.ลาออกมาก พล.อ.ประยุทธ์อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องดีที่สภาบริหารไม่ได้ เพราะจะยกเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนมาออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ในยามฉุกเฉิน แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยุบสภา เราก็จะทำหน้าที่ของ ส.ส.ต่อเพื่อตรวจสอบรัฐบาล และยันอำนาจกับ พล.อ.ประยุทธ์ให้มากที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง