พบร่างลูกเรืออีก 2 ยังสูญหาย21นาย

          วันที่ 24 ธันวาคม 2565 เวลา 11.30 น. พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงแผนการปฏิบัติการค้นหาและให้การช่วยเหลือกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางกลางอ่าวไทยว่า  จากที่กองทัพเรือแจ้งว่าพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย เมื่อเย็นวันที่ 23 ธ.ค.65 บริเวณจุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง เมื่อช่วงเช้าวันนี้อากาศยานได้ตรวจพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 ร่าง ในพื้นที่ 4 โดยเรือหลวงกระบุรีได้นำร่างของผู้เสียชีวิตส่งเรือหลวงตากสิน โดยจะนำกลับขึ้นมาบนฝั่งและเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของทางนิติเวช ซึ่งศพที่พบทั้ง 2 รายนั้นคาดว่าจะใช้เวลาในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลโดยการตรวจดีเอ็นเอประมาณ 3-4 วัน จึงจะสามารถยืนยันตัวบุคคลได้

            เพจ Royal thai navy แจ้งความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยล่ม เมื่อเวลา 13.58 น.  โดยทวีตข้อความว่า สรุปพบร่างผู้เสียชีวิตใน 24 ธ.ค.65 ณ เวลา 13.30 น. เคสดำ 8 พบเวลา 08.38 น., เคสดำ 9 พบเวลา 11.37 น., เคสดำ 10 พบเวลา 12.10 น.,  เคสดำ 11 พบเวลา 12.15 น., เคสดำ 12 พบเวลา 13.15 น., เคสดำ 13 พบเวลา 13.20 น.

            กองทัพเรือกำลังเข้าเก็บกู้ผู้เสียชีวิตเคสดำที่ 12 และ 13 ดังนี้ เวลา 13.15 น. อากาศยานพบผู้เสียชีวิต 1 นาย (เคสดำ 12) โดย ร.ล.ตากสินกำลังเข้าเก็บกู้ เวลา 13.20 น. ร.ล.กระบุรีพบผู้เสียชีวิต 1 นาย (เคสดำ 13) กำลังเข้าเก็บกู้

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้กองเรือยุทธการปฏิบัติในการสำรวจเรือหลวงสุโขทัยและค้นหาผู้สูญหายใต้ทะเล โดย พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มอบหมายให้ พล.ร.ต.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล ผู้บัญชาการกองเรือทุ่นระเบิด เป็นผบ.หมู่เรือค้นหา พร้อมกับ น.อ.ธีรเกียรติ ทองอร่าม รองผู้บัญชาการฯ ดำเนินการจัดเรือหลวงบางระจันและฝ่ายอำนวยการ พร้อมอุปกรณ์เข้าปฏิบัติการ ณ จุดเรือหลวงสุโขทัยอับปาง อ่าวประจวบคีรีขันธ์

            พล.ร.ต.ธาดาวุธกล่าวว่า หลังจากได้รับคำสั่งปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. เรือหลวงบางระจันได้เข้าสำรวจข้อมูล โดยใช้ยานสำรวจใต้น้ำ Sea Fox เพื่อดำลงไปถ่ายภาพใต้น้ำดูลักษณะการวางตัวของเรือหลวงสุโขทัย เพื่อนำมาใช้วางแผนกู้เรือ และดูรายละเอียดเรือส่วนต่างๆ จนถึงขณะนี้เกือบสมบูรณ์แล้ว โดยได้จุดที่ตั้งของเรือหลวงสุโขทัยที่อยู่ใต้น้ำ และข้อมูลประกอบอื่นๆ ส่วนการกู้เรือต้องให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ ซึ่งความคืบหน้าในเรื่องนี้ จะสรุปผลให้กองทัพเรือ รายงานเพื่อทราบ ส่วนยอดผู้สูญหาย ขณะนี้ โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่าพบเพิ่มอีก 2 ราย อยู่ในระหว่างการตรวจอัตลักษณ์บุคคล และ DNA เพื่อชี้ชัดว่าเป็นใคร

            เพจกองทัพอากาศไทย โพสต์ข้อความขอแสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ ‘เรือหลวงสุโขทัย’ โดยระบุว่าแม้จะเป็นภารกิจงมเข็มในทะเล แต่หนึ่งชีวิตที่ยังไม่พบเจอย่อมเป็นพ่อ เป็นลูกหลาน หรือเป็นที่รักของใครสักคน..

            กองทัพอากาศจึงระดมสรรพกำลังทางอากาศ ปฏิบัติการร่วมกับกองทัพเรือและทุกภาคส่วน เพื่อค้นหาผู้ประสบภัยอย่างเต็มความสามารถ โดยใช้อากาศยานทุกแบบที่มีความเหมาะสมต่อภารกิจ ดังนี้  เฮลิคอปเตอร์ EC-725 บินค้นหาและช่วยชีวิต เครื่องบิน AU-23 บินลาดตระเวนค้นหาผู้ประสบภัยด้วยระบบ FLIR  เครื่องบิน DA-42 บินลาดตระเวนเพื่อค้นหาผู้ประสบภัยด้วยระบบ FLIR  เครื่องบิน C-130​H บินเคลื่อนย้ายกำลังพลที่เสียชีวิต

            เช้าวันเดียวกันนี้ กองทัพเรือได้จัดขบวนรถลำเลียงร่างเรือตรีจักร์พงค์ พูลผล และจ่าเอกอัครเดช โพธิ์บัติ สังกัด กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เหตุเรือรบหลวงสุโขทัยอับปาง เดินจากฌาปนสถานกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังตั้งสวดพระอภิธรรมแล้วเป็นเวลา 2 คืน เพื่อเดินทางกลับไปประกอบพิธีทางศาสนายังบ้านเกิด ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเครื่องบินกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ออกจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา มีทหารกองเกียรติยศ แถวส่งขบวนที่ลำเลียงร่างบรรจุในโลง คลุมด้วยผืนธงชาติไทยไว้อย่างสมเกียรติ

            สำหรับจ่าเอกจักร์พงค์ พูลผล ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นชั้นยศ "เรือตรี" และได้รับเงินเยียวยาจากทางราชการ รวมประมาณ 900,000 บาท และพลฯ อัครเดช โพธิ์บัติ ได้รับการปูนบำเหน็จ เป็นชั้นยศ "จ่าเอก" และได้รับเงินเยียวยาจากทางราชการ รวมประมาณ 600,000 บาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง