‘วราวุธ’นำชทพ.โชว์วิชัน นโยบายคาร์บอนเครดิต

“วราวุธ” นำทีมชาติไทยพัฒนา โชว์วิสัยทัศน์ “ว้าว ไทยแลนด์” ชูคาร์บอนเครดิต สร้างความมั่งคั่ง โอกาส และคุณภาพชีวิตที่ดี บรรลุเป้าหมายประเทศที่ยั่งยืนเพื่อลูกหลานไทย

ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายวราวุธ  ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน, ผศ.ดร.สันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา และทีมงานของพรรค พบปะสื่อมวลชนในประเทศและต่างประเทศ พร้อมตอบข้อซักถาม ในงานแถลงนโยบายเรื่อง “จากสิ่งแวดล้อมไทย สู่สิ่งแวดล้อมโลก : ความมั่งคั่ง โอกาส และคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน” (From Thai Environments to Global Environments : Wealth, Opportunity and Welfare For All.) โดยเป็นการอธิบายยุทธศาสตร์ และเป้าหมายของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ใช้เรื่อง “สิ่งแวดล้อม” เป็นจุดขายในการเลือกตั้งที่สามารถทำได้จริง และทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำในเวทีโลก

นายวราวุธกล่าวถึงนโยบาย “ว้าว ไทยแลนด์” (WOW Thailand) ว่ามาจากคำว่า W = Wealth ความมั่งคั่ง O = Opportunity โอกาส และ W = Welfare For All คุณภาพชีวิต ที่ดีของทุกคน ซึ่งการกำหนดเป้าหมาย Sustainable country for all GENs สร้างประเทศที่ยั่งยืน เพื่อลูกหลานไทย ซึ่งเป็น Global Vision ของพรรค มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน The Sustainable Development Goals (SDG) ทั้ง 17 ข้อ ของสมัชชาสหประชาชาติที่เป็นกรอบการพัฒนาโลกในอนาคต ที่จะทำให้สำเร็จร่วมกันในปี ค.ศ.2030 รวมถึงการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Net Zero ในปี ค.ศ.2050 ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นไว้ในเวทีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อปี 2564 และในการประชุม COP27 ที่เมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในฐานะ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่ลงนามข้อตกลงถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้ ข้อ 6.2 ของความตกลงปารีส และถือเป็นประเทศคู่แรกของโลกที่ทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างกัน และเป้าหมายต่อไปคือ การสร้างศูนย์กลางคาร์บอนเครดิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีมาตรฐานด้านการวัด ประเมิน กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน การรับรองผลการตรวจประเมิน การสร้างตลาดซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต และการร่วมมือ วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีด้านคาร์บอนเครดิต โดยมีประเทศไทยเป็นแกนหลักในภูมิภาคอาเซียน

"นโยบาย “ว้าว ไทยแลนด์” ทุกนโยบาย มาจากการทำงานของรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคทุกคน ที่ลงพื้นที่ “รับฟัง” ปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของคนไทยทุกจังหวัดทั่วประเทศ จนเกิดเป็นนโยบายที่ “ทำได้จริง” และ “ทำกันมาแล้ว” โดยเฉพาะ 10 นโยบายที่เปิดออกมา ถึงจะไม่ได้ลด แลก แจก แถม เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ทุกนโยบายจะเน้นการสร้างความยั่งยืน สร้างสวัสดิการ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อลูกหลานของคนไทยในอนาคต โดยเชื่อว่าถ้าทุกคนร่วมมือกัน ทุกอย่างก็สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้" นายวราวุธระบุ

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย ปี 2562 มีปริมาณ 372 ตัน มีการดูดซับสุทธิ 92 ล้านตัน ทำให้การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิอยู่ที่ 280 ล้านตัน ในจำนวนนี้ 56.8 ล้านตัน หรือร้อยละ 15 มาจากภาคการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าวมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 28.7 ล้านตัน หรือร้อยละ 50 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการเกษตร ดังนั้นแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา จึงมีแนวคิดที่จะเร่งขยายการตรวจวัด Carbon Net ที่ได้มาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ และกำหนดตำแหน่งของแปลงการเกษตร ตรวจวัดอายุรายแปลง ให้ได้มาตรฐาน ในกลุ่มพืชเศรษฐกิจ อาทิ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว ไม้ผลยืนต้น และนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการไฟป่าอย่างยั่งยืน โดยให้ประชาชน ชุมชน มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และได้รับประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งหากทำได้จะช่วยลดปัญหาวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ได้ นอกจากนี้ จะต้องสร้างศูนย์ความเป็นเลิศด้านคาร์บอนเครดิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผศ.ดร.สันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานีตรวจวัด ก๊าซเรือนกระจก หรือสถานีตรวจวัดจุลอุตุนิยมวิทยา ที่มีข้อมูลรายละเอียดพื้นที่และความเป็นเจ้าของคาร์บอนเครดิตของแต่ละบุคคล สามารถนำข้อมูลเบื้องต้นมาสร้างเป็น Carbon credit token และใช้ Blockchain technology ในการเก็บข้อมูลอย่างแม่นยำและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และใช้เป็นสินทรัพย์ในการซื้อขาย ซึ่งมูลค่าจะขึ้นอยู่กับมาตรการอันเป็นที่ยอมรับในสากล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง