‘อุ๊งอิ๊ง’แบไต๋ส่งไม้ต่อ‘เศรษฐา’

     เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างคึกคัก แกนนำหลายพรรคการเมืองลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งและเปิดปราศรัยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นการส่วนตัว โดยสวมเสื้อผ้าลายปาเต๊ะสีสดใสสไตล์ชาวใต้ ซึ่งพล.อ.ประวิตรมีสีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุยและร่วมถ่ายรูปกับแฟนคลับที่มาทักทายและให้กำลังใจ

     ในช่วงเช้า พล.อ.ประวิตรมีกิจกรรมจิบน้ำชา "ริมถนน" (จิบชา กินตี แลนก) สี่แยกท่าซัก อ.เมืองฯ เวลาต่อมา พล.อ.ประวิตรและคณะเดินทางถึงพระธาตุ ร่วมแห่ผ้าขึ้นธาตุนครศรีธรรมราช เสร็จแล้วเยี่ยมชมส้มโอทับทิมสยาม ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง ขณะในช่วงกลางวันจะรับประทานอาหารบริเวณสวนส้มโอ ในเมนูผัดหมี่ปากพนัง (ผัดหมี่กะทิ) แกงเขียวหวานเนื้อ น้ำพริกกะปิ ปลาทอด คั่วหมู ต้มส้มปลากระบอก

     จากนั้นช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรเป็นประธานในพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน ณ โรงเรียนปากพนัง และเดินทาง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดนางพระยา อ.เมืองฯ โดยระหว่างทาง พล.อ.ประวิตรได้ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับด้วยความเป็นกันเอง มีแฟนคลับจำนวนมากมาขอถ่ายเซลฟีและหอมแก้ม ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมถ่ายรูปและทักทายประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและพูดคุยด้วยความเป็นกันเอง

ปชป.เชื่อฟื้นในกทม.

     วันเดียวกันนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบพื้นที่ กทม. เปิดเผยว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม.ปชป.จะจัดงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขตของ กทม. ในวันจันทร์ที่ 6 มี.ค.2566 เวลา 14.00 น. โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค มาเป็นประธานเปิดตัวครั้งนี้ด้วย

     ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คนนี้ ประกอบไปด้วย อดีต ส.ส.กทม. อดีตนักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักพัฒนาชุมชนดีเด่น นักการศึกษา นักกฎหมาย นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย นายแพทย์ และคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์จากหลากหลายสาขาอาชีพ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่อาสามาทำงานรับใช้ประชาชนทางการเมือง บนพื้นฐานอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง หลากหลายรูปแบบตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

     นายองอาจกล่าวอีกว่า ถึงแม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียวใน กทม. แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ เราได้พยายามทำงานหนักให้ประชาชนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่ได้เสนอตัวให้ประชาชนพิจารณาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ได้มีโอกาสทำงานในฐานะ ส.ส.ต่อไป และมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมามี ส.ส.ใน กทม.อย่างแน่นอน

     ด้านนายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต.ปรับการคำนวณจำนวนประชากร ทำให้เกิดแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้ จ.นครศรีธรรมราชและปัตตานีมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นว่า เป็นเรื่องดีที่มีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น โดย จ.ปัตตานี เพิ่มจาก 4 เป็น 5 เขต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานีทั้ง 5 เขต ในวันที่ 5 มี.ค. ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช เพิ่มเป็น 10 เขต โดยเรากำลังดำเนินการ แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครเกินจำนวนเขตเลือกตั้งอยู่แล้ว

     ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรค พท. อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค,  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 16 เขต เข้าสักการะย่าโมเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยได้ทำพิธีชักดาบเพื่อประกาศชัยชนะ และห่มสไบให้กับย่าโม เพื่อให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด ซึ่งมีประชาชนมารอต้อนรับและให้กำลังใจจำนวนมาก

     จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราหวังว่าที่โคราชจะต้องแลนด์สไลด์ ส่วนคำอธิษฐานนั้น ตนขอไว้ในใจแล้ว

     เมื่อถามว่า การที่ได้นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เข้ามาร่วมงานด้านเศรษฐกิจ จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจให้กับชาวโคราชได้อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จากการที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัวทีมเศรษฐกิจหลายคน รวมถึงนายเศรษฐาด้วย ก็รู้สึกมีกำลังใจว่าเราได้คนที่มีความสามารถจริงๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศได้ มาช่วยเหลือประชาชนได้ เป็นความหวังที่ทีมเศรษฐกิจเราแข็งแรง มีแต่คนเก่งๆ และหลายคนตอนที่ตนอยู่ในธุรกิจโรงแรม ตนก็ได้มีการขอคำปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง

'เศรษฐา'สนใจเก้าอี้นายกฯ

     ถามต่อว่า นายเศรษฐาคือหนึ่งในคนที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า "ส่วนตัวอิ๊งค์ อิ๊งค์ว่าเหมาะสมแน่นอน เพราะท่านเป็นคนเก่ง มีความสามารถ และอิ๊งค์คิดว่าจากการที่ท่านบริหารธุรกิจประสบความสำเร็จมาก ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำได้ ส่วนการจะประกาศชื่ออย่างเป็นทางการ ก็ต้องรอกรรมการบริหารพรรค "

     เมื่อถามว่า นายเศรษฐาก็ชัดเจนว่าตำแหน่งที่ต้องการคือนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คิดว่านายเศรษฐาต้องการจะพูดว่า ต้องการจะขับเคลื่อนนโยบาย เพราะก่อนที่จะมีการเปิดตัว เป็นทีมเศรษฐกิจ ท่านก็เข้ามาช่วยงานด้านนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งท่านก็พูดว่าตำแหน่งนายกฯ จะเป็นตำแหน่งที่ผลักดันนโยบายได้มากที่สุด และก่อนหน้านี้นายเศรษฐาก็ไม่ได้สนใจจะเป็นนักการเมือง ท่านคงพูดในภาพรวมว่า ถ้าจะเป็นจริงๆ นายกฯ จะสามารถผลักดันนโยบายได้ แต่ตำแหน่งอื่นๆ ท่านไม่ได้มีความรู้และความสนใจ

     ถามต่อว่า ท่าทีของนายเศรษฐาจะเป็นการกดดันพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า "ไม่เลยค่ะ ท่านก็พูดเองว่าหากไม่เสนอท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านก็ทำเรื่องนโยบายอย่างนี้ คุณเศรษฐาไม่ได้พูดว่าต้องเป็นนายกฯ เท่านั้น ไม่งั้นไม่ช่วย ไม่ใช่เลยค่ะ คุณเศรษฐาช่วยมาตลอด"

     เมื่อถามอีกว่า จะส่งไม้ต่อให้นายเศรษฐาอย่างไร เพราะหลังจากนี้ น.ส.แพทองธารต้องมีการพักจากการลงพื้นที่บ้าง เนื่องจากตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนแล้ว หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยกล่าวว่า ไม่ได้ส่งไม้ต่อเฉพาะนายเศรษฐาเท่านั้น แต่ส่งให้ทุกคนที่ต้องช่วยตนด้วย ซึ่งช่วงที่ตนใกล้จะคลอด อาจจะต้องมีการเว้นจากการลงพื้นที่บ้าง แต่ตอนนี้ยังไหวอยู่ ขณะนี้ตนวางคิวงานไว้ถึงปลายเดือน มี.ค. และจะมีการปรึกษากับคุณหมอไปเรื่อยๆ และที่เรามานี้เราก็ไม่ได้โหดร้ายกับตัวเอง

     ที่ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยบนเวทีหาเสียง ตอนหนึ่งว่า วันนี้เหลืออีกเพียงประมาณ 60 วันก่อนเลือกตั้ง อยากชวนให้ประชาชนเปลี่ยน 3 ป. เป็น 3P “พิธา-ปิยบุตร-พรรณิการ์” เลือกตั้งทั้งที อย่าแค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ กาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม​ ซึ่งไม่เหมือนเดิม คือการเมืองดี เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ส่งลุงกลับบ้านเลี้ยงหลาน ปิดสวิตช์ 3 ป. ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 100 วันแรกทันที​

     นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ปราศรัยว่า ในเดือน พ.ค. นี้ ประชาชนคนไทยจะได้หย่อนบัตรเลือกตั้งอีกครั้ง ซึ่งตนอยากชวนให้ทุกคนใช้บัตรเลือกตั้งในการเปลี่ยนสามสิ่งใหญ่ คือ 1) เปลี่ยนขั้วรัฐบาลให้ได้ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมายาวนานเหลือเกินไปแล้ว แต่เราต้องอย่าหลงลืมไปจำเพาะเจาะจงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์​โอชา​ เท่านั้น เพราะ 3 ป. ยังมี “ป.ประวิตร” และ “ป.ป๊อก-อนุพงษ์” ด้วย โดยเฉพาะในการเลือกตั้งรอบนี้ เราต้องจับตาไปที่ พล.อ.ประวิตรเป็นพิเศษ

     ที่ผ่านมาแม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์​สุวรรณ​ จะพยายามสร้างภาพว่าในการเลือกตั้งงวดนี้ ตัวเองจะมาเป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่นี่คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะความขัดแย้งที่ผ่านมาในรอบสองทศวรรษตั้งแต่ปี 2548 มา ล้วนมี พล.อ.ประวิตรเป็นมูลเหตุหนึ่งของความขัดแย้งทั้งสิ้น  ทั้งในการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 การรัฐประหารปี 2557 ต่อมาก็ได้เป็นรัฐมนตรี ได้เป็นผู้ดูแล ส.ส. ที่มาสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ สรุปเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าอยากจะกินรวบตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง