ตอก‘เพื่อไทย’ ตั้งใจบิดเบือน บัตรสวัสดิการ

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 น.ส.ทิพานัน  ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาให้ร้ายว่าผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เป็นหลักฐานความล้มเหลวการบริหารจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า เป็นตรรกะวิบัติ พรรคเพื่อไทยมักจะใช้วิธีการเดิมๆ ในการโจมตีทางการเมือง จึงขอร้องว่าอย่าใช้วาทกรรมเช่นนี้ตีตราประชาชน อาจส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องเสียสิทธิในการได้รับการดูแลสวัสดิการจากรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจจริงในการลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม ที่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสะท้อนถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการ ที่เข้าถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่รอบคอบ รัดกุม ทันสมัยอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด

     ความพยายามบิดเบือนให้นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีความหมายในเชิงลบของพรรคเพื่อไทย ที่มักออกมาแสดงความคิดเห็นดูแคลนประชาชนที่มารับสิทธิ์ว่าจน ทั้งที่เป็นเกณฑ์การรับสิทธิ์ไม่ใช่เกณฑ์ความยากจน แต่เป็นเกณฑ์ที่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยควรได้รับการดูแลจากรัฐและกลุ่มเปราะบางต่างๆ ควรได้รับ ซึ่งฐานผู้มีสิทธิ์จะกว้างกว่าใช้เกณฑ์ความจนมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน จะเห็นว่ารัฐบาลเปิดโอกาสให้กลุ่มต่างๆ เข้ามามีสิทธิ์มากขึ้น ซึ่งไม่อาจเหมารวมว่าคนจนมากขึ้น 14.59 ล้านคนได้

     "ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทยมักกล่าวถึงนโยบายบัตรสวัสดิการฯ ในเชิงลบด้อยค่า กล่าวหาว่ารัฐบริหารล้มเหลว คนจนเยอะขึ้น อาจทำให้ประชาชน 14.59 ล้านคน และร้านธงฟ้า 138,073 ร้านค้า สามารถคิดไปได้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุน นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่สนับสนุนให้ประชาชนได้รับบัตรสวัสดิการฯ ทั้งที่บัตรนี้จะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำให้น้อยลงได้ สามารถช่วยให้ความเป็นอยู่พี่น้องดีขึ้น ที่สำคัญหากมีประชาชนหลงเชื่อการด้อยค่านโยบายนี้ ก็อาจไม่ยืนยันสิทธิ เพราะมายาคติที่พรรคเพื่อไทยสร้างขึ้นมา จนประชาชนเสียสิทธิ์ได้ แต่หากพรรคเพื่อไทยจะพูดถึงโครงการบัตรสวัสดิการ แบบตีตราเชิงลบรายวัน วิจารณ์นโยบายนี้ว่าล้มเหลว ก็สามารถประกาศให้ชัดไปเลยว่าพรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุนและจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนจะได้เข้าใจมากขึ้น"

     น.ส.ทิพานันแจ้งเตือนผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 รีบยื่นขออุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566 (62 วัน) โดยดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่

     1.ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น.ของทุกวัน หรือ

     2.ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน,  ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส., สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด, ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ, สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

     ส่วนกรณีผู้ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th แต่หาปุ่มอุทธรณ์ไม่เจอนั้น  น.ส.ทิพานันกล่าวว่า อันดับแรกผู้ขออุทธรณ์เข้าไปทำรายการที่หน้าผลการตรวจสอบคุณสมบัติก่อน โดยกดที่ปุ่ม  “ผลการตรวจสอบ” เมื่อกดแล้วจะเข้าสู่หน้าขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ให้กรอกข้อมูลที่กำหนดตามแบบฟอร์ม และที่สำคัญที่สุดคือ ข้อมูลหลังบัตรประชาชน ตรงช่องรหัสเลเซอร์ ID หลังบัตรประจำตัวประชาชน แล้วกดยืนยันตัวตน จากนั้นจะเข้าสู่หน้าต่างอุทธรณ์ ให้กรอกข้อมูลตามที่กำหนดตามแบบฟอร์มได้เลย

     นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ จะเน้นย้ำให้มีการติดตามการแก้ไขและการป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำซากเพื่อดูแลประชาชนในระยะยาว การถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานเป็นเรื่องปกติ เพราะการทำงานบางอย่างต้องใช้เวลา แต่หากผู้วิจารณ์เปิดใจพร้อมทำความเข้าใจถึงปัญหาของประเทศที่มีการสะสมมานาน การแก้ไขต้องทำไปทีละขั้นตอน ก็จะเข้าใจว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ทำตามขั้นตอน ถ้าเรื่องไหนเร่งด่วนก็เร่งดำเนินการทันที  จนมีผลงานทำให้ประชาชนเทใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมถนน สะพาน รถไฟ ส่งเสริมรถยนต์พลังงาน EV การปัญหาแก้โควิด โครงการคนละครึ่ง โครงการช่วยเกษตรประกันรายได้ ข้าว ยาง มัน ปาล์ม และการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงมือทำ

     "ประชาชนรู้ ประชาชนเห็น หากคนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือพูดให้ชัดๆ ก็คือพรรคเพื่อไทย ลองปิดปาก แล้วเปิดตาดูบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่พูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ อ้างผลงานเก่าๆ ก็จะเห็นว่าบ้านเมืองพัฒนาแล้ว และประชาชนดูออกคนไหนปลอม ไม่ต้องพึ่งบารมีเก่า แต่เราลงมือทำจริงๆ จนประเทศดีขึ้นและจะทำต่อไป" นายธนกรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง