ใช้งบ4.4แสนล้านสู้โควิด! เฉพาะซื้อวัคซีน7.7หมื่นล.

นพ.รุ่งเรืองเฉลยแล้ว ไทยใช้งบกว่า 4 แสนล้านบาทในการสู้โควิด  ส่วนการจัดหาวัคซีนใช้เพียง 7.7 หมื่นล้าน “บิ๊กตู่” กำชับ สธ.จับตาโรคที่มากับฤดูร้อน พร้อมกำชับหน่วยงานเข้มงวดเรื่องความสะอาด

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ 11) ในฐานะประธานคณะกรรมการ MIU (MOPH Intelligence Unit) เปิดเผยว่า จากการศึกษาของโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เกี่ยวกับการเงินการคลังสุขภาพเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ พบว่าแหล่งงบประมาณหลักด้านสาธารณสุขในการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 มาจากงบกลางและงบเงินกู้กรอบวงเงิน 1 ล้านล้านบาท และ 5 แสนล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างปี 2563-2565 รวมทั้งสิ้น 444,294 ล้านบาท โดยเป็นค่าบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เช่น ค่าตรวจคัดกรอง ค่ารักษาพยาบาล ค่าฉีดวัคซีน เป็นต้น ในสัดส่วนมากที่สุดประมาณ 260,174 ล้านบาท หรือ 59% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตามด้วยการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน รวม 77,987 ล้านบาท หรือ 17% และค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 57,499 ล้านบาท หรือ 13% ส่วนที่เหลือเป็นค่ายาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ และองค์กรการวิจัยและพัฒนา ฯลฯ

นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า สถานะเงินบำรุงของโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัด สธ. พบว่าเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับสถานะเงินบำรุงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับภาพรวมของรายได้และอัตราการเพิ่มของสินทรัพย์ของโรงพยาบาลเอกชนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่าเงินที่อุดหนุนโรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพียงพอในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนภาวะล้มละลายจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนไทยในช่วงที่ระบาดโรคโควิด-19 พบว่าลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ก่อนการระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่สุด พบว่ามีความเสี่ยงในการล้มละลายลดลง 30-33%

วันเดียวกัน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนภายหลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย พ.ศ.2566 เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นไป จึงได้กำชับให้ สธ.เฝ้าระวังพร้อมแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคติดต่อที่มากับฤดูร้อน ซึ่งส่วนใหญ่มักพบโรคที่เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน รวมไปถึงภัยสุขภาพจากความร้อนที่เพิ่มขึ้น

น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า โรคที่มักพบในช่วงฤดูร้อนคือโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ อาทิ โรคอุจจาระร่วง, ไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย, โรคอาหารเป็นพิษ, โรคอหิวาตกโรค และโรคไวรัสตับอักเสบเอ สามารถป้องกันได้ด้วยการยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โดยกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์และต้องดื่มน้ำที่สะอาดด้วย ส่วนภัยสุขภาพที่มักพบในช่วงหน้าร้อน ที่ต้องให้การระมัดระวังเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อน ผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจมน้ำ

 “นายกฯ ยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานราชการเข้มงวดในเรื่องของความสะอาดในการให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ รวมไปถึงพื้นที่สาธารณะ โดยพื้นที่ให้บริการประชาชนต้องมีความสะอาด เช่น พื้นที่รอรับบริการ  โรงอาหาร ห้องน้ำ และขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงอันตรายจากการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากอากาศร้อน” น.ส.ไตรศุลีกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง