จับตา‘กกพ.’ลดค่า‘เอฟที’ เฉลี่ยต่ำกว่า5บ.ต่อหน่วย

กกพ.ชี้จับตาประชุมบอร์ด 8 มี.ค. เคาะค่าเอฟทีงวด พ.ค.-ส.ค.66 ลั่นข่าวดีต้นทุนต่างๆ ปรับตัวลง ฉุดค่าไฟเฉลี่ยลดต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วยแน่นอน มีลุ้นเหลืออัตราเดียวเท่ากับบ้านที่อยู่อาศัย 4.72 บาทต่อหน่วย  

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน  (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า วันที่ 8 มี.ค.นี้จะมีการประชุมบอร์ด กกพ. โดยจะพิจารณาสรุปตัวเลขค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66  ก่อนเปิดรับฟังความเห็นเพื่อประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป โดยเบื้องต้นนับเป็นข่าวดีที่ค่าเอฟทีในงวดนี้มีทิศทางปรับตัวลดลง จากปัจจัยต่างๆ ในการคำนวณต้นทุนที่มีทิศทางดีขึ้นจากงวดก่อน (ม.ค.-เม.ย.66)          

 “ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวด ม.ค.-เม.ย.66 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น (ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ ฯลฯ) ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย จากการคำนวณเบื้องต้นค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวด พ.ค.-ส.ค.66 จะลดลงโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วยในส่วนของค่าไฟประเภทอื่นๆ และค่าไฟอาจจะกลับมาเป็นอัตราเดียวกันเช่นที่ผ่านมา ส่วนจะเท่ากับบ้านหรือลดต่ำลงอีกหรือไม่ อย่างไรจะต้องรอผลการประชุมวันที่ 8 มี.ค.นี้” นายคมกฤชกล่าว  

สำหรับปัจจัยในการคำนวณค่าเอฟที ได้แก่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยงวดที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แต่ขณะนี้อัตราค่าเงินบาทแตะระดับราว  34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลดีต่อค่าเอฟทีค่อนข้างมาก รวมไปถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง แต่สิ่งสำคัญคือ ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่เป็นตัวแปรสำคัญที่กระทบต่อค่าเอฟทีในงวด ม.ค.-เม.ย.66 ค่อนข้างมาก ทั้งในแง่ปริมาณการนำเข้าที่สูงเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซอ่าวไทยที่ลดลง และด้านราคาซึ่งงวดที่แล้วราคา LNG อยู่ที่กว่า 30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู แต่ปัจจุบันเหลือเพียงกว่า 10 เหรียญต่อล้านบีทียู และปริมาณนำเข้าลดต่ำลง เพราะมีการบริหารก๊าซในอ่าวไทยป้อนให้การผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น  

 “ปตท.ได้บริหารก๊าซในอ่าวไทยและเมียนมา โดยมีการรักษาระดับที่ให้คงกลับมาเท่าเดิม ซึ่งก๊าซเหล่านี้มีราคาต่ำกว่าราคา LNG ที่เป็นราคาตลาดจร จึงเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเอฟทีที่จะดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มคลี่คลายก็จำเป็นต้องมองในแง่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เองได้แบกรับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงไว้นับแสนล้านบาท กกพ.จึงต้องมองการแบ่งเบาภาระเหล่านี้ให้กับ กฟผ.กลับไปบ้างด้วย เพื่อความเป็นธรรมระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้อย่างเหมาะสม”  นายคมกฤชกล่าว.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง