ถอดบทเรียนเลื่อนยศ "ผู้กองสาว" "ผบ.เด่น" สั่งยกเครื่องระเบียบรับ ตร.หลักสูตร กอส. ให้สอดคล้อง พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ ผบช.สกพ.ร่วมระดมสมองแก้ปัญหาเด็กฝาก ยอมรับไม่สามารถปิดกั้นความคิดได้ แต่จะพยายามอุดช่องว่าง โยน ผกก.แก้ปัญหาเองปมเด็กนายไม่ทำงาน “รังสิมันต์” จับตากลุ่มทุนสีเทาส่งคนในเครือข่ายเข้าหลักสูตร กอส. ซื้อตำแหน่ง 1-2 ล้าน พร้อมจี้ความคืบหน้าคดี "ส.ว.ทรงเอ"
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวประเด็นข้อสงสัยของสังคมเกี่ยวกับกรณีของ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก และข้าราชการตำรวจรายอื่นๆ ของหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือ กอส. แม้ว่าในเบื้องต้นกระบวนการทั้งการคัดเลือก การแต่งตั้ง การเข้าเรียนหลักสูตร กอส. การบรรจุด้วยวุฒิปริญญาโท การเลื่อนยศจนถึง ร.ต.อ. จะเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย กฎ ก.ตร.ที่เกี่ยวข้อง แต่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียดและหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงที่ ผบ.ตร.เข้ามารับตำแหน่ง เป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน ก็ยังไม่ได้มีการเปิดรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจตามที่หน่วยงานร้องขอแต่อย่างใด
"เพื่อให้การแก้ไขเรื่องนี้เป็นรูปธรรม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์จึงได้สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร ตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวน ปรับปรุงแก้ไขระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ รวมถึงการเข้าเรียนหลักสูตรการอบรมบุคคลภายนอกที่บรรจุหรือโอนมาเป็นหลักสูตร กอส., หลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอน.) และหลักสูตรที่เทียบเคียงอื่นๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทันต่อยุคสมัย และสอดรับกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ฉบับใหม่ รวมทั้งนำกรณีของ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา และข้าราชการตำรวจรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้สำนักงานกำลังพลไปถอดบทเรียนมาประกอบการพิจารณาเพื่อยกร่างกฎระเบียบใหม่"
โดยจะมีการเปิดกว้างในการรับบุคคลภายนอก ที่มีคุณภาพมาเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตรงกับความต้องการของหน่วย และจะมีการพิจารณาเพิ่มโควตาคนในให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยพิจารณาผู้ที่มีความรู้ความสามารถจากผลการประเมินของผู้บังคับบัญชา หรือกรณีที่ตำรวจไปศึกษาเพิ่มเติมจนจบชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก โดยจะเปิดให้มีการแข่งขันกันเอง ให้เป็นสัญญาบัตรได้ในสายงานต่างๆ เช่น สายงานสอบสวน สายงานป้องกันปราบปราม เป็นต้น
โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า คณะทำงานชุดนี้จะมีการพิจารณาในทุกประเด็นเพื่อให้มีการเปิดกว้าง มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อที่จะสามารถรับบุคคลภายนอกที่มีคุณภาพ ตรงกับที่หน่วยต้องการ และจะเน้นการเพิ่มจำนวนโควตาพิจารณาคนใน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจผูัปฏิบัติงาน และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนและสังคมต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาตัวหลักสูตร กอส.และหลักสูตรอื่นๆ ในการรับคนเป็นตำรวจไม่ได้มีปัญหา แต่หลังจากนี้คณะทำงานที่มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐเป็นประธาน ก็จะมีการปรับปรุงกฎระเบียบการรับบุคคลเข้ามา รวมถึงขั้นตอนในการสอบแข่งขันให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ จะมุ่งเน้นเรื่องของบุคคลภายในที่มีคุณวุฒิตรงกับสายงาน หรือหน่วยใดที่มีความต้องการเป็นพิเศษเฉพาะทาง ส่วน ร.ต.อ.หญิง อาทิติยานั้น เลขานุการ ตร.ได้มีการร้องขอตำแหน่งเพื่อบรรจุคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ไม่ใช่นิเทศศาสตร์ แต่นิเทศศาสตร์อยู่ในสายงานที่คุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ ผู้กองแคทจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาทุกประการ
ส่วนกรณีที่มีนายตำรวจระดับผู้กำกับการตัดพ้อว่า ตนเข้ามาในฐานะรุ่นพี่ กอส. ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผกก. แต่มีผู้ใต้บังคับบัญชาระดับรอง สว. 3-4 นาย ที่เป็นตำรวจในโครงการ กอส.กลับไม่มาทำงาน อีกทั้งยังยอมส่งเบี้ยเลี้ยงให้ผู้บังคับบัญชาบางส่วนแลกกับการไม่ต้องมาทำงาน พล.ต.ท.ยิ่งยศกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้กำกับการที่เป็นหัวหน้าหน่วย สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะผิดระเบียบ เพราะทำให้ต้นสังกัดได้รับความเดือดร้อน แต่หากเป็นถึงผู้กำกับการแล้วปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็จะถือว่าบกพร่องในหน้าที่
ส่วนที่มีการมองว่า หลักสูตรต่างๆ มีช่องโหว่ที่กลายเป็นช่องว่างทำให้มีการฝากเด็กเข้ามาเป็นตำรวจได้นั้น ผบช.สกพ.ยอมรับว่า ทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ แต่ ตร.โดยคณะทำงานชุดนี้ก็จะหาแนวทางในการป้องกันไม่ให้คนคิดว่ามีช่องโหว่ดังกล่าว โดยเฉพาะการล็อกสเปกคุณวุฒิให้ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อลดข้อครหาว่ารับบุคคลที่เป็นเด็กฝากเข้ามาเป็นตำรวจ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานจเรตำรวจ นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีตำรวจที่ผ่านการอบรมหลักสูตร กอส.ว่า หลักสูตร กอส.มีตำรวจหญิงหลายคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตนมีข้อสังเกตว่า ตำรวจหลายคนที่เข้ามาจำนวนไม่น้อยนั้น มีฐานะพฤติกรรมบางอย่างที่ร่ำรวยมากๆ มีรถหรูขับ โดยตนเป็นกังวลว่า คนกลุ่มนี้ภูมิหลังมีการทำมาหากินสุจริตแค่ไหน บางครั้งกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายอาจส่งคนในเครือข่ายเข้ามาในหลักสูตรนี้ และก็ทราบว่าอาจมีการซื้อขายตำแหน่ง 1-2 ล้านบาท
"ดังนั้นในเรื่องนี้เป็นอีกนโยบาย ที่พรรคก้าวไกลจะดำเนินการตรวจสอบถึงคุณสมบัติของตำรวจที่ผ่านหลักสูตรนี้ ว่าสมควรได้รับการคัดเลือกมารับราชการหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่ขับรถหรู มีฐานะดี เนื่องจากเกรงว่าอาจมีคนของกลุ่มทุนสีเทาแฝงตัวเข้ามาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจสีเทา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะอาจเชื่อมโยงไปถึงการซื้อขายตำแหน่งด้วย" นายรังสิมันต์กล่าว
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ที่เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ ส.ว.ทรงเอ และการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดี ส.ว.ทรงเออย่างไม่เป็นธรรม เปิดเผยว่า ได้ติดตามการดำเนินคดีกับ ส.ว.ทรงเอมาตั้งแต่ก่อนประกาศยุบสภา และต้องติดตามความคืบหน้าในหลายประเด็น ทั้งกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาเรื่องฟอกเงินแก่ ส.ว.ทรงเอไปแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการต่อที่ชัดเจน รวมถึงกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาสมคบค้ายาเสพติดแก่ ส.ว.ทรงเอเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอำนาจของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เบื้องต้นทราบว่า มีกำหนดนัดสั่งคดีไม่เกินวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ แต่มองว่าอัยการสูงสุดมีอำนาจแจ้งข้อกล่าวหาและสั่งฟ้องได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอเวลา
นายรังสิมันต์กล่าวว่า มีข้อมูลว่าอาจมีการแทรกแซงการดำเนินการ ให้มีการถอนหมายจับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้ร้องเรียนไปที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) แล้ว อยู่ระหว่างรอผลการวินิจฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะเดียวกันทราบว่าก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท หัวหน้าชุดทำคดีและผู้ขอออกหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ได้เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับจเรตำรวจแห่งชาติแล้ว จึงหวังว่าจเรตำรวจแห่งชาติจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ผู้ทำคดี และสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การดำเนินการกับผู้ที่ต้องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี ส.ว.ทรงเอมาโดยตลอด ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร ยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการล่าช้า ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมนั้น ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
รบ.อิ๊งค์ไม่มีปฏิวัติ! ทักษิณชิ่งสั่งยึดกองทัพ เหน็บอนุทินชิงหล่อเกิน
"ทักษิณ" โบ้ยไม่รู้ "หัวเขียง" ชงแก้ร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหม
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
เร่งตั้ง‘สสร.’ให้ทันปี70
รัฐสภาจัดงานวันรัฐธรรมนูญคึกคัก แต่พรรคประชาชนเมินเข้าร่วม