โยนรัฐบาลใหม่ สางสายสีเขียว กทม.เคลียร์เอง

รถไฟฟ้าสายสีเขียวค้างเติ่งต่อ “บิ๊กตู่” ชี้เป็นหน้าที่ กทม.ต้องจัดการเอง เพราะรัฐบาลทำตามกฎหมายหมดแล้ว “บิ๊กป๊อก” คาดเป็นการบ้านรัฐบาลใหม่ “วิษณุ” ยันไม่มีเรื่องสายสีเขียวดองอยู่ใน ครม.

เมื่อวันอังคารที่ 13 มิ.ย.2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าและการแก้ปัญหาโครงการรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา หรือรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าเป็นเรื่องของการดำเนินการตามกฎหมาย ตามความรับผิดชอบของใครก็ถือว่าเป็นของผู้นั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวทราบว่ามีการพบปะหารือกันระหว่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับบริษัทเอกชน ซึ่งต้องว่ากันไป ในส่วนของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ ตามกรอบอำนาจของรัฐบาล

เมื่อถามว่า หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องรอจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่ทราบ ก็สุดแล้วแต่ว่าได้หารือกันมีผลอย่างไร ทราบว่ามีการพูดคุยกันถึงเรื่องการใช้จ่ายหนี้สิน ก็ว่ากันไป เพราะทั้งหมดอยู่ในกรอบอำนาจของผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้วตามมติ ครม.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อยังดำเนินการไม่ได้ ก็ต้องแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งก็เป็นเรื่องของ กทม.ที่ต้องหาทางแก้ปัญหาว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป

 “จะถึงรัฐบาลหรือเปล่านั้นก็ต้องไปดูอีกทีว่าไหวหรือไม่ไหว และเราควรจะทำได้แค่ไหนอย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาลก็อยากให้เปิดให้ได้ และต้องการให้แก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการตามกฎหมายมาโดยตลอด แต่เมื่อมันทำไม่ได้ ความจริงก็มีแนวทางจะทำกันอยู่แล้วที่ผ่านมา แล้วตอนหลังมันมีปัญหาพันกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ลงไปในความขัดแย้งตรงนั้น เพียงแต่ต้องการให้แก้ไขปัญหา แต่ก็ยังแก้ปัญหาเดิมๆ ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ข้อตกลง และความรับผิดชอบ มันก็ต้องแก้ไปตามนั้น เรื่องนี้ก็สุดแล้ว แต่ ขอให้รอฟังกันอีกทีก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

มีรายงานภายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้นลง พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเวลาประมาณ 20 นาที

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงกรณี กทม.เตรียมจ่ายหนี้ 2 หมื่นล้านบาทให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า เป็นเรื่องที่ กทม.พยายามจะหาแนวทางดูแลเรื่องนี้อยู่ หลังจากที่ได้ทำเรื่องมาถึง ครม. แต่ ครม.คงไม่สามารถพิจารณาได้ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงต้องรอรัฐบาลใหม่ ซึ่งปัญหาหลักคือจะทำวิธีใดก็ได้ แต่ติดปัญหาเรื่องหนี้สินที่มีจะใช้งบประมาณจากที่ใด กทม.ก็คงไม่มี เมื่อไม่มีก็เหลือหนทางที่จะทำได้คือให้เอกชนทำ แต่ก็เข้าคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งก็ต้องรออีกหลายปีกว่าจะเป็นสมบัติของ กทม.ในปี 2573 ถึงจะเริ่มใช้ได้ ดังนั้นระหว่างนี้หนี้สินในแต่ละปีจะใช้เงินเท่าไหร่ ก็เหลือทางออกทางเดียว คือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่จะพิจารณา ตอนนี้ภาระหนักจึงตกที่บริษัท เพราะยังต้องเดินรถให้บริการประชาชน ขณะเดียวกัน กทม.ก็ยังไม่มีความสามารถที่จะจ่ายเรื่องหนี้สิน แต่ก็คิดว่าต้องหาทางแก้ไขอยู่แล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ      กล่าวในประเด็นนี้ว่า กทม.ยังไม่ส่งรายละเอียดมา ทุกอย่างอยู่ที่ กทม. ส่วนที่นายชัชชาติระบุต้องผ่าน ครม.ซ้ำอีกครั้งเพราะเรื่องนี้ค้างอยู่ใน ครม.นั้นไม่มี คืนกลับไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า ไม่จำเป็นต้องให้ ครม.ให้ความเห็นใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อาจต้องให้ ครม.ให้ความเห็น แต่ต้องให้ กทม.ตัดสินใจก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่า กทม.ตัดสินใจอย่างไร ซึ่งหากตัดสินใจแล้ว ขอให้แจ้งมาที่ ครม. ว่าจะเอาเงินหรือจะเอาอย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง