สว.ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ผงะ!เจอขู่จะข่มขืนลูกสาว

ส.ว.ฝ่าดงทัวร์ ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดหลังถูกข่มขู่ กระทบครอบครัว-ธุรกิจ “เสรี” ประเดิมฟ้องต่อศาล “ทนายเดชา-ทนายอั๋น” ลั่นเรียกคนละ 5 แสน ขณะที่ “สมชาย" แฉพิรุธใช้หุ่นยนต์ AI โพสต์ข้อความโจมตี ส.ว. 4 แสนครั้ง ผงะ ส.ว.เจอขู่จะข่มขืนลูกสาว "พรเพชร" ประสาน ตร.คุ้มครองสมาชิกและครอบครัว

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นำโดยนายเสรี สุวรรณภานนท์, นายสมชาย แสวงการ, นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ และนายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ร่วมกันแถลงกรณีถูกข่มขู่คุกคาม ภายหลังการโหวตไม่เห็นด้วยและงดออกเสียงให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี 

นายเสรีกล่าวว่า เกิดปรากฏการณ์ของคนที่แสดงออกมาซึ่งความเกลียดชัง ความโกรธ กระทำต่อ ส.ว.จำนวนมาก กระทบล่วงเลยไปถึงสิทธิส่วนบุคคลคนในครอบครัว ญาติ ลูกเมีย และกิจการที่ทำอยู่จำนวนมาก ดังนั้น ส.ว.หลายท่านเห็นว่า พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควรแล้ว เป็นพฤติกรรมที่ยิ่งกว่าก้าวร้าว แสดงออกด้วยพฤติกรรมให้ร้ายคนอื่น ใช้ถ้อยคำหยาบคายดูถูก ดูหมิ่น ทำให้คนเกิดความเกรงกลัว มีพฤติกรรมอย่างนี้อยู่ตลอด และก้าวล่วงไปถึงการใช้ถ้อยคำและพฤติกรรมที่ไม่ควร และผิดกฎหมายต่อสถาบันหลายครั้ง

 ขณะนี้กลายเป็นว่าทุกคนอยากจะด่าใครก็ได้ ถ้าไม่พอใจใคร ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นต่าง ก็จะแสดงพฤติกรรมให้ร้ายคนอื่น แม้แต่กลุ่มดารานักร้องนักแสดงที่ไม่เห็นตรงกับเขาก็ไปกระทำการอันธพาล ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ลูกเล็กเด็กแดงในสังคมทั่วๆไปในโรงเรียนก็ถูกคนกลุ่มนี้คอยกดดัน ปัจจุบันเด็กๆ ตามโรงเรียนต่างๆ หากใครเป็นลูกหลาน ส.ว. หรือใครที่มีความเห็นต่าง ก็จะถูกกดดันไม่ให้เด็กเหล่านี้อยู่ในกลุ่มตัวเอง ไม่ให้ทำกิจกรรมด้วย สิ่งเหล่านี้ลามไปทั่วทุกพื้นที่ในบ้านเมืองเรา ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนทำเรื่องเหล่านี้ โดยมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง คอยยุยงส่งเสริมเด็กให้ทำแต่เรื่องผิดกฎหมาย อ้างแต่เสรีภาพ และพรรคการเมืองเหล่านี้อยู่เบื้องหลังให้เด็กไปกระทำความผิด ด่าทอคนอื่น จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันจนถูกดำเนินคดีเสียอนาคต

 “วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาพูดกันในเรื่องนี้ ต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่าต่อไปนี้ ส.ว.ไม่ทนแล้ว ไม่ทนพฤติกรรมการกระทำที่เลวร้ายแบบนี้ ทำลายชาติ ทำลายสังคม ทำลายวิถีชีวิตที่ดีงามของคนไทย สิ่งที่เกิดขึ้นในวุฒิสภาเราถูกด่าทออยู่ตลอดเวลา วันนี้ผมจะเริ่มต้นจากการดำเนินคดีกับคนที่ให้ร้ายดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น ไม่เห็นความสำคัญในเสรีภาพของคนอื่น ซึ่งผมได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ใน 2 คดี คนที่ถูกฟ้องคือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา กับ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น เรียกค่าเสียหายรายละ 5 แสนบาท พฤติกรรมเหล่านี้เราจะฟ้องก่อน 2 คดี เพื่อให้สังคมได้ตื่นรู้ว่าเสรีภาพเป็นของทุกคน ใครละเมิดทำร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงต้องรับผิดชอบ” นายเสรี กล่าว

นายเสรีกล่าวด้วยว่า ส่วนลำดับต่อไปเราจะดำเนินคดีกับคนที่กล่าวให้ร้าย ไม่ว่าจะส่งข้อความทางโซเชียลหรืออะไรก็ตาม บางคนเข้าใจผิดคิดว่าไม่ใช่คำหมิ่นประมาท แต่ก็เป็นคำที่สร้างความเสียหาย หากไม่มีความผิดทางอาญาก็ต้องผิดทางแพ่ง พวกท่านไม่มีสิทธิ์ด่าใคร เอ่ยชื่อใครให้เสียหาย ดังนั้นทางโซเชียลทั้งหลายตอนนี้เราจะตรวจสอบให้หมด ใครทำร้ายกิจการงานของ ส.ว. เราจะดำเนินคดีให้หมด ส่วนนี้คือการฟ้องคดีต่อศาล ขณะที่อีกส่วนคือการแจ้งความดำเนินคดี เราจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีเอาผิดเอาโทษกับคนที่ปากอยากจะพูดอะไรก็ได้ ให้ร้ายใครก็ได้ สังคมจะได้ตื่นตัว เราต้องช่วยกันที่จะกล้าออกมาต่อสู้กับคนพวกนี้ อย่าไปกลัว เพราะถ้ากลัวสังคมจะเกิดความเสื่อม

 “กิจการงานต่างๆ ของ ส.ว. พวกเขาทำลิสต์รายการเลยว่า กิจการไหนที่จะให้คนไปบูลลีให้ร้ายเพื่อทำให้กิจการนั้นล่มสลาย ของผมโดนแล้วตลาดเสรี มีการส่งข้อความมาว่าร้ายแม่ค้าในตลาด จริงๆ พวกนี้โง่ ไม่ฉลาด" นายเสรีกล่าว

ด้านนายสมชายกล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจค้นบัญชีผู้ใช้ต่างๆ ที่โจมตีให้ร้ายและคุกคาม ส.ว. โดยพวกเราจะฟ้องต่อศาล และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ยืนยันขณะนี้บุคคลที่กระทำผิดเราสามารถหาหลักฐานได้หมดแล้ว

 “ภายหลังจากที่ ส.ว.ลงมติโหวตแป๊บเดียว มีบัญชีผู้ใช้บุคคลคนเดียวยิงข้อความทั้งหมด 4 แสนครั้ง เรียนตามตรงเป็นไปไม่ได้ที่เป็นมนุษย์ทำ แต่คือโรบอต หรือ AI ซึ่งเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองบางพรรคที่รัฐไม่เท่าทัน เพื่อใช้ในการโจมตี ฉะนั้นแอคเคาต์หลุมตามกระแสถูกดำเนินคดีแน่นอน ไม่ต้องดอกไม้ ไม่มีขอขมา ราคาแพงที่ท่านต้องจ่าย เพราะนี่คือพฤติกรรมภัยคุกคามต่อครอบครัวของเรา ส.ว.บางท่านที่มีลูกสาวก็โดนขู่ว่าจะไปข่มขืนด้วย และเราตรวจเจอหมดแล้ว” นายสมชายกล่าว

ขณะที่นายวิวรรธน์กล่าวเสริมว่า ได้ปรึกษากับเพื่อนส.ว.ที่ได้รับผลกระทบถูกคุกคาม ภายหลังการโหวตนายพิธาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ การฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งและทางอาญา ดังนั้นไม่ว่าจะมีการคุกคามโดยผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็จะแจ้งความดำเนินคดีอาญา ถ้าหากมีผลกระทบต่อธุรกิจของ ส.ว. ก็ต้องฟ้องละเมิดทางแพ่ง เรียกได้ว่าทั้งเสียเงินและติดคุก ต่อให้จะคุกคามแล้วเลี่ยงไปมา หรือคุกคามแล้วทำให้เกิดความเสียหาย ก็หนีไม่พ้นความผิดทั้งแพ่งและอาญา ยืนยันว่า ส.ว.ที่ได้รับผลกระทบจะดำเนินคดีทุกคน ตนจะปรึกษาตำรวจไซเบอร์ว่าแต่ละความผิดเข้าองค์ประกอบทางแพ่งหรืออาญาบ้าง อย่างไรก็ตามตนเป็นคนรักสถาบันอย่างมาก ตนไม่กลัวทัวร์ลง มาลงที่ตนเลย แต่ถ้าใครมาทำลายสถาบันต้องข้ามตนไปก่อน

ส่วนนายกิตติศักดิ์กล่าวถึงเหตุผลที่จะร่วมฟ้องดำเนินคดีเกรียนคีย์บอร์ดว่า ก่อนหน้านี้ตนได้อโหสิกรรมให้กลุ่มเหล่านี้ไป แต่ในที่ประชุมโดยเฉพาะมีทนายมาช่วยกันมากมาย ตนก็จะพิจารณาอีกทีว่าจะต้องดำเนินคดีเป็นตัวอย่างด้วยหรือไม่ เพราะตนโดนเยอะที่สุด หากไม่ดำเนินการฟ้องร้องเลยมันก็จะแปลกไป จริงๆ จิตใจของตนได้แผ่เมตตาไปหมดแล้ว

 "กิตติศักดิ์โดนข่มขู่ไปถึงญาติ ลูก หลาน แต่ก็บอกว่ามีญาติที่ชื่อกิตติศักดิ์ให้ทนไว้ ส่วนเรื่องโจมตีด้านธุรกิจนั้นตัดไปเลยเพราะกิตติศักดิ์ไม่มีธุรกิจ ดังนั้นด้อมส้มหรือใครจะไปเยี่ยมบ้าน ถ้าไปดีก็จะเลี้ยงข้าว แต่ถ้าไปไม่ดีกิตติศักดิ์เป็นชาวนา ก็มีนาอยู่ก็จะให้ไปช่วยทำนาด้วย"

 เมื่อถามว่ากลัวทัวร์ลงหรือไม่ นายกิตติศักดิ์หัวเราะพร้อมกล่าวว่า "โห ลงจนเสพติดแล้ว วันไหนไม่มีทัวร์ลงนอนไม่หลับ เจอมาสิบกว่าทัวร์แล้ว"

ในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย  ประธานวุฒิสภาเป็นประธาน ชี้แจงว่า รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาและ ส.ว. ว่ามีบุคคลเข้าไปคุกคามและละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลในครอบครัว ทั้งเข้าไปตรวจสอบสถานที่อยู่อาศัย ธุรกิจของบุคคล ใช้ถ้อยคำด่าว่าไปยังครอบครัวบุคคล ข่มขู่ให้เกิดความกลัว ตนในฐานะประธานวุฒิสภามีหน้าที่คุ้มครองดูแลสมาชิกให้ได้รับการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของ ส.ว.และครอบครัว จึงได้ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลสมาชิก ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี คนที่คุกคาม โจมตีแทรกแซงบุคคลอื่นไม่ควรทำ และหวังว่าจะไม่มีการกระทำผิดอาญาหรือทะเลาะกันต่อไป

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ตร.ได้พิจารณาและมีการจัดเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูแล ทั้งนี้เพื่อความสงบและเพื่อความปลอดภัย และให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตำรวจเห็นความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญ

ที่ศาลอาญาตลิ่งชัน นายเสรีได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือเถื่อนวิไล เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1313/2566 ข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ละเมิด เรียกค่าเสียหาย จากกรณีเมื่อประมาณปลายเดือน มิ.ย.-ต้นเดือน ก.ค. 2566 วัน เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยจัดรายการผ่านสื่อออนไลน์ในลักษณะใส่ความ หมิ่นประมาท โดยมีการบันทึกภาพ เสียง และตัวอักษร และเผยแพร่สู่สื่อสาธารณะและระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่จะทำให้นายเสรี โจทก์ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังจากบุคคลที่สาม เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ  กรุงเทพมหานคร, แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน

ศาลรับคำฟ้องนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 11 ก.ย.66 เวลา 13.30 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง