ม็อบ3นิ้วมิบังควร เหิม!ส่องไฟฉาย ‘พระพันปีหลวง’

ม็อบ 3 นิ้วเดินขบวน "ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย" กดดันเพื่อไทยไม่จับมือฝ่ายเผด็จการ ออกแถลงการณ์ถึงสมาชิก พท.ร่วมแคมเปญส่องแสงสว่าง ณ สาขาที่ทำการทั่วประเทศ จนกว่าจิตวิญญาณจะหวนสู่ พท. กระทำการมิบังควร! เหิมหนักส่องไฟฉาย "พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวง"

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม ที่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้นัดชุมนุม “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” โดยนัดหมายประชาชนและ สส.ผู้มีใจรักประชาธิปไตยไม่ยอมรับการจับมือกับฆาตกร ร่วมเรียกขานจิตวิญญาณประชาธิปไตย เดินขบวนจากแยกปทุมวันไปที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเพจกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับมวลชนได้แจ้งให้มวลชนทราบสิ่งที่ต้องพกมาด้วยคือ ไฟฉาย, เทียนไข, ดอกกุหลาบ, ริบบิ้นสีขาวหรือสีแดง

โดยจุดประสงค์ของการชุมนุมครั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการโจมตีไปที่ผลงานของผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยมรัฐบาลที่ผ่านมา โดยขอให้พรรคเพื่อไทยกลับใจมาจับมือกับ 8 พรรค เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลไปด้วยกัน

ขณะเดียวกันได้มีการออกแถลงการณ์ระบุว่า หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผลสรุปว่าผ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ เพราะเนื่องด้วยกลยุทธ์ของเผด็จการที่วางเหล่า สว. ไว้เป็นเครื่องมือขวางมติของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญที่ถูกสร้างมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ มิหนำซ้ำพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ ก็เริ่มหันไปเห็นดีเห็นงาม มีแนวโน้มที่จะผสมพันธุ์กับพรรคการเมืองที่ฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ ผลลัพธ์ที่จะได้กลับมาคือ พรรคฝั่งเผด็จการจะได้กลับมามีอำนาจในการบริหารประเทศอีกครั้ง ขัดกับเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ขณะนี้เมื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ เริ่มมีแนวโน้มที่จะตระบัดสัตย์หักหลังประชาชน จากคำพูดที่ว่า "มีเราไม่มีลุง" ได้กลายเป็นเพียงเทคนิคการหาเสียง ลืมสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นทำไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชนที่สูญเสียทรัพย์สินหรือชีวิตไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือ 99 ชีวิตที่สูญเสียไปในเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของพี่น้องคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ตอนปี 2553 และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนแล้วมาจากฝีมือเผด็จการและนักการเมืองที่รับใช้เผด็จการทั้งสิ้น

ถึงเวลาของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว ที่จะออกมาอีกครั้งและร่วมกันส่องแสงสว่างให้ถึงหัวใจของสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกขานมโนธรรม ความยึดมั่นในจิตวิญญาณประชาธิปไตย และคำสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาชน ด้วยความหวังที่ต้องการให้ 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยกลับมาจับมือกันอีกครั้ง ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและทุกกลุ่มองค์กรทั่วประเทศ มาร่วมแคมเปญส่องไฟให้ทางประชาธิปโตย ด้วยการร่วมกันทำกิจกรรมรวมตัวส่องไฟฉาย ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยทุกสาขา หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ จนกว่าจิตวิญญาณประชาธิปไตยจะหวนกลับคืนสู่พรรคเพื่อไทย หนทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน

กระทั่งเวลา 18.00 น. ม็อบได้เริ่มตั้งขบวนบริเวณแยกปทุมวันมุ่งหน้าแยกราชประสงค์ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก เมื่อมาถึงวัดปทุมวนาราม กลุ่มมวลชนได้หยุดทำกิจกรรมรำลึกถึงผู้เสียชีวิต 99 ศพจากเหตุสลายการชุมนุมปี 53 โดยการส่องไฟฉายพร้อมกับร้องตะโกน "ที่นี่มีคนตาย" และมีการจุดเทียน วางดอกกุหลาบบริเวณหน้าป้ายวัดปทุมฯ

ระหว่างทำกิจกรรมไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศให้มวลชนส่องไฟฉายไปยังคนสั่งการยิงคนเสื้อแดง โดยให้ส่องไปบนรางบีทีเอส แต่มวลชนกลุ่มหนึ่งกระทำการมิบังควร ด้วยการส่องไฟฉายไปยัง "พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง" ที่อยู่บริเวณเหนือป้ายวัดปทุมวนาราม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังแยกราชประสงค์เพื่อชี้ให้รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นมีคนเสื้อแดงเสียชีวิตเช่นเดียวกัน

ต่อมาเวลา 19.30 น.ได้มีการจัดกิจกรรม "ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย" และแสดงให้รู้ว่าบริเวณแยกราชประสงค์มีผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง และเรียกร้องต้องมีผู้รับผิดชอบ

ขณะเดียวกันบนเวทีมีแกนนำสับเปลี่ยนปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลฝ่ายอนุรักษนิยมและ สว.ที่ขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ คนที่ 30

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมครั้งนี้มวลชนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวนไม่มาก จากการประเมินด้วยสายตาน่าจะประมาณ 200 คนเท่านั้น ทำให้การปราศรัยบนเวทีไม่คึกคัก ส่วนใหญ่เป็นสื่อมวลชนและพ่อค้าแม่ค้าที่มาจำหน่ายสินค้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง