วุฒิสภายังคาใจ‘เศรษฐา’

กรุงเทพฯ ๐ "ภูมิธรรม" มั่นใจรวมเสียงได้แล้ว 375 เสียง โหวตนายกฯ ชื่อ "เศรษฐา" เปิดโผ ครม. รวมไทยสร้างชาติคว้าพลังงาน ส่วนพลังประชารัฐยังไม่จบ ภูมิใจไทยยังปักหลักสาธารณสุข  คมนาคม สว.ขู่ "เศรษฐา" ต้องเคลียร์ปมที่ดินแสนสิริ ปูดเพื่อไทยสแตนด์บายชื่อ  "แพทองธาร-ชัยเกษม" ไว้แล้ว

     เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ยังมั่นใจมาตลอดว่าจะได้เสียงโหวตถึง 375 เสียง  ไม่มีอะไรไขว้เขว

     เมื่อถามถึงกระแสข่าวโผเก้าอี้รัฐมนตรีที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดีย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบเลย เป็นข่าวโคมลอย ไม่มีอะไรหลุด ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

     ด้านนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการโหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ว่า เชื่อและหวังว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงสนับสนุนเกิน 375 เสียง เนื่องจากการรวบรวมเสียงของ สส.ได้จำนวนเกิน 300 เสียง และเชื่อว่าจะมีเสียงจาก สว.เติมให้จนถึงเกณฑ์ที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากประชาชนต้องการให้มีรัฐบาลใหม่เข้าทำงานแก้ปัญหาและขับเคลื่อนประเทศโดยเร็ว 

     เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่กล่าวหานายเศรษฐาเรื่องที่ดิน 2 แปลง คือที่ดินแปลงถนนสารสินและที่ดินแปลงซอยทองหล่อ จะกระทบการโหวตในสภาหรือไม่ นายนพดลตอบว่า

คำชี้แจงของแสนสิริและของนายเศรษฐา ประกอบกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ แสดงให้เห็นว่าข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ไม่มีมูล เลื่อนลอย และสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น คนกล่าวหาเสนอเรื่องให้ดูซับซ้อน เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรในกอไผ่

     เขาบอกว่า ที่ดินแปลงถนนสารสินเป็นเรื่องการวางแผนภาษีตามกฎหมายของฝ่ายผู้ขายที่เกิดขึ้นหลายเดือน ก่อนโอนที่ดินให้แสนสิริซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อ และแสนสิริไม่ได้เกี่ยวข้องในการดำเนินการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินของฝ่ายผู้ขาย  แล้วจะมาเกี่ยวกับนายเศรษฐาตรงไหน ส่วนที่ดินแปลงซอยทองหล่อนั้น แสนสิริซื้อที่ดินมาทำคอนโดฯ ในราคาตลาดที่เหมาะสมจากบริษัทผู้ขาย ส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัทผู้ขายจะเป็นใคร มีอาชีพอะไร  ไม่ใช่เรื่องของแสนสิริ และบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่นอมินีของแสนสิริซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผู้ถือหุ้นในบริษัทผู้ขายจะเป็นนอมินีของแสนสิริซึ่งเป็นผู้ซื้อ ขัดสามัญสำนึกโดยแท้

     "เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาที่จะเป็นผู้โหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค. มีวุฒิภาวะและสามารถแยกแยะข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลและเลื่อนลอยกับความจริงได้ ผมเชื่อในวิจารณญาณของทุกท่าน และการลงมติในสภาจะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากนายเศรษฐาไร้ข้อกังขาเรื่องจริยธรรม" นายนพดลกล่าว

     นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า  การโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ไม่สามารถเป็นมติพรรคได้ จากการที่ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เราเห็นพ้องต้องกันว่าทำงานร่วมกัน พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียงจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งถึงขณะนี้ก็มีความมั่นใจว่าเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคนั้นเพียงพอตามที่พรรคเพื่อไทยได้ให้ข่าวไว้ จับมือกันแล้ว ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องไปในทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

ยืนยันหนุน 'เศรษฐา'

     ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้หลายฝ่ายยังติดใจในคุณสมบัติของนายเศรษฐา นายวราวุธตอบว่า แน่นอนว่าคนเราทุกคนมีด้านบวกและด้านด้อย แต่คิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ มีบุคลากรที่มีศักยภาพมากมาย กว่าจะได้แคนดิเดตมานั้นเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคัดสรร คัดเลือกมาแล้ว   ดังนั้นพรรคร่วมก็ให้เกียรติพรรคใหญ่ในการที่เสนอชื่อ และเราก็จะสนับสนุน

     ถามถึงโผ ครม.ล่าสุดดูเหมือนชาติไทยพัฒนาได้ดูแลกระทรวงเดิม นายวราวุธกล่าวว่า นั่นก็เป็นโผ แต่เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้

     สำหรับความเคลื่อนไหวในการจัดโผครม.นั้น แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง กล่าวถึงกรณีที่ในโซเชียลมีการเผยแพร่โผ ครม.ตามเพจต่างๆ หรือที่มีการแชร์ว่อน ว่าไม่ใช่ของจริง เป็นการคาดการณ์จากข่าวตามหน้าสื่อหลักที่ปรากฏออกมาเป็นระยะๆเท่านั้น

     ซึ่งการแบ่งกระทรวงของจริง ปรากฏจนถึงขณะนี้ยังไม่นิ่งในเรื่องของการแบ่งกระทรวงต่างๆ โดยมีเพียงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เท่านั้นที่สมหวังตามที่ต่อรองในส่วนของกระทรวงพลังงาน   แม้จะมี สส.เพียง 36 เสียง แต่ก็บวกออปชันเสริมคือ สว. ในสายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้มีบารมีของพรรค   ทำให้แกนนำพรรค นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า ออกมาประกาศจุดยืนร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยทันที

     แหล่งข่าวระดับสูงเผยว่า ขณะที่พรรคพลังประชารัฐยังไม่ลงตัว ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการเจรจากระทรวงหลักๆ  อย่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้ พปชร.จะมี สส. 40 เสียง แต่ก็มีออปชันเสริมคือ สว. ในสายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคอยู่ในมือ และพรรคขนาดเล็กที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา  เลขาธิการพรรคดูแลอยู่ด้วย จึงทำให้พรรคพลังประชารัฐ แกนนำยังไม่ประกาศท่าทีร่วมรัฐบาล มีเพียงนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร คนสนิทของ ร.อ.ธรรมนัสเท่านั้น ที่ออกมาส่งสัญญาณว่า  สส.พลังประชารัฐทั้ง 40 คน พร้อมโหวตสนับสนุนนายกฯ พรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่มีการออกมาแสดงความเห็นการร่วมรัฐบาลจาก พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค แต่อย่างใด

ภูมิใจไทยอยู่ที่เดิม

     ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่มี สส. 71 เสียง แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค จะไปแถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลเป็นสารตั้งต้น 212 เสียง พร้อมยืนยันสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยแน่นอน แต่ขณะนี้แกนนำค่อนข้างนิ่ง รอดูท่าทีของผู้มีอำนาจของพรรคเพื่อไทยว่าจะเอาอย่างไร เพราะได้ยื่นเงื่อนไขขอดูกระทรวงเดิม อย่าง กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข เพื่อสานงานต่อทันที ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ต้องการดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด

     ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มี ส.ส. 10 เสียงนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ยังยืนยันขอดูกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่นเดิม

     การเจรจาแบ่งกระทรวงต่างๆ ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่นิ่ง ยังไม่ชัดเจน โผที่ออกมาไม่ใช่ความจริง ซึ่งจะได้ข้อสรุปและดีลกระทรวงของแต่ละพรรคจบในช่วงค่ำของวันที่ 21 ส.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการโหวตนายเศรษฐาในวันที่ 22 ส.ค.” แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งระบุ

     นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องตำแหน่งหรือโควตารัฐมนตรีนั้น ไม่มีความสำคัญเท่ากับหลักการที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ครับ โดยเฉพาะตัวผมเอง ที่ได้ประกาศชัดเจนไปแล้วว่า ติดคดี ซึ่งอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ถึงแม้ไม่มีบรรทัดฐานในเรื่องนี้ แต่ก็ขอไม่รับตำแหน่ง เพื่อให้ไม่ต้องมีปัญหาในการตีความ ให้รัฐบาลใหม่ได้เดินหน้าทันที

     มองอีกมุม รทสช.จะเป็นหลักประกันให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างสุจริตโปร่งใส ไม่แก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่แก้รัฐธรรมนูญในหมวด 1 หมวด 2 และในส่วนที่ดีอยู่แล้ว

     ทั้งหมดนี้ คงหนีไม่พ้นประเด็นปัญหาระหว่างคนในพรรคเพื่อไทยและตัวผมเองในอดีต ซึ่งผมไม่สามารถไปลบอดีต หรือลืมประวัติศาสตร์ได้ แต่ก็มีสิทธิที่จะ “เลือก” ผมเลือกที่จะขอโอกาส เลือกที่จะถอยความรู้สึกขัดแย้งส่วนตัว เพื่อให้การรวมกันถือเป็นสัญญาณการยุติสงครามระหว่างสีเสื้อ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ ตามปณิธานของพรรครวมไทยสร้างชาติครับ

ปูดเปลี่ยนชื่อแคนดิเดต

     ส่วนท่าทีจากสภาสูงนั้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า แนวโน้มการโหวตนายกฯ วันที่ 22 ส.ค. จะม้วนเดียวจบหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ต้องดูสถานการณ์หน้างาน ถ้านายเศรษฐาไม่มาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าว ต้องดูว่าคนที่จะมาชี้แจงแทนสามารถตอบข้อซักถามได้เคลียร์หรือไม่ ทั้งเรื่องคุณสมบัตินายกฯ นายเศรษฐาที่ถูกเปิดข้อมูลใหม่รายวัน มี สว.หลายคนจะซักถามเรื่องนี้ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ รวมถึงเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะเอาเงินมาจากไหน จะกระทบการบริหารราชการส่วนอื่นหรือไม่ และจะหาเงินมาชดเชยอย่างไร สว.ไม่ได้ตั้งแง่ขัดขวางโครงการนี้ แต่อยากให้กระจ่าง ไม่ใช่การหลอกชาวบ้าน แม้พรรคเพื่อไทยยืนยันส่งชื่อนายเศรษฐาชิงนายกฯ แต่เป็นเรื่องที่ต้องไปประเมินให้ดี จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ วันที่ 22 ส.ค. ปมการซื้อขายที่ดินของนายเศรษฐาอาจไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่จะผิดเรื่องคุณสมบัติหรือจริยธรรมหรือไม่ ที่ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ก็มีความเป็นไปได้อาจมีการเปลี่ยนแปลงชื่อนายกฯ นาทีสุดท้าย

     นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เผยว่า มีการเคลื่อนไหวบางประการที่มีการสแตนด์บายชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย อีก 2 คนไว้แล้ว สว.จึงต้องการคำยืนยันที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะใช่นายเศรษฐาหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อเป็นน.ส.แพทองธาร หรือนายชัยเกษม แล้วมาแจ้งสภาในวันที่ 21 หรือ 22 ส.ค. สว.จะตรวจสอบคุณสมบัติ 2 คนนี้ทันหรือไม่ ถ้า สว.ไม่ได้ตรวจสอบอาจไม่โหวตให้

     เมื่อถามว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจน พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงได้รับเสียงสนับสนุนจากสว.เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ตอนนี้เสียงตั้งรัฐบาลมี 314 เสียง ขาดอยู่ 60 กว่าเสียง ทำให้ สว.ที่ไม่มีเงื่อนไขแก้มาตรา 112 จะโหวตให้ รวมถึง สว.ที่บอกจะโหวตให้พรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ สว. 2 กลุ่มนี้มีอยู่กว่า 20 คน  เมื่อรวมกับกลุ่ม สว.ที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วก็อาจโหวตเพิ่มให้ รวมแล้วคงได้เสียงใกล้เคียง 60 คน แต่อาจมี สว.บางส่วนยังติดใจคุณสมบัตินายเศรษฐาที่ยังชี้แจงข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินได้ไม่ชัดเจน อาจไม่โหวตให้ โอกาส ณ ตอนนี้อยู่ที่ 50-50 ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการช่วง 2-3 วันนี้ของพรรคการเมือง แต่โอกาสมีมากขึ้นกว่าตอนเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง