‘โจ๊ก’โวชาวบ้านมาหาคดีจบ สอบวินัยมาตรฐานเดียวกัน

"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" โต้ สส.อภิปรายในสภา เผยชาวบ้านไปหาที่สโมสรตำรวจเพราะรู้ว่า "ไปหารองโจ๊กสิ  คดีจบแน่" มากันยกหมู่บ้าน แม้เป็นรองผบ.ตร.แต่ทำตัวเหมือนร้อยเวร ด้าน "บิ๊กต่าย" ย้ำ "บิ๊กโจ๊ก" ยังบริสุทธิ์ด้านวินัย ขอให้สื่อ-สังคมมูฟออนอย่าสนใจ  ขณะที่ "บิ๊กเอก" ลั่นสอบวินัยนายตำรวจระดับสูงใช้มาตรฐานเดียวกัน กก.สอบข้อเท็จจริงนักข่าวรับเงินฯ จี้ "สุรเชษฐ์"  แจงก่อน 25 เม.ย.

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้ฟังการอภิปรายไม่วางใจของ สส.ท่านหนึ่ง ซึ่งอภิปรายในการประชุมสภาฯ ญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 การอภิปรายของ สส.ท่านนี้ กระทบต่อการทำหน้าที่เพื่อประชาชนของผม โดยกล่าวอ้างว่าผมอวดเบ่งอำนาจ เรียกผู้กำกับมาประชุมที่สโมสรตำรวจจนผู้กำกับตาย

ผมขอชี้แจงว่า ท่านเป็น สส. ท่านจะพูดอะไรในสภาท่านต้องดูข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ใช่พูดเอามัน แน่นอนว่าตอนนี้ตำรวจมีภาพลบมาก ผมไม่เถียง แต่ตำรวจที่ทำงานเพื่อประชาชนก็มีมาก ผมขอบอกให้ท่านทราบว่า สโมสรตำรวจ คือสถานที่ที่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้วไม่มีที่ไหนแก้ไขให้เขาได้ เขาก็เลยเข้ามาหาผมที่สโมสรตำรวจ โดยที่ผมไม่ได้บังคับ และเมื่อเขาได้มาร้องทุกข์กับผม เขาก็กลับไปจากผมด้วยความสบายใจ เพราะผมได้ติดตามและแก้ปัญหาให้ จนพวกเขาได้รับความยุติธรรม ซึ่งวิธีการของผมเป็นการแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทุกคนที่มาสโมสรตำรวจ ล้วนกลับบ้านด้วยหัวใจที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความหวัง ที่ได้รับความเป็นธรรม และยังกลับไปบอกญาติพี่น้องทั้งหมู่บ้านว่ามีปัญหาให้ไปหารองโจ๊กสิ คดีจบแน่ ได้ความเป็นธรรมแน่ คราวนี้ก็เลยยกกันมาทั้งหมู่บ้าน เต็มสโมสรตำรวจทุกวัน ผมก็รับเองทุกวัน

ก่อนอื่นท่านต้องเข้าใจการทำงาน การสอบสวนคดี การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนเสียก่อนนะครับ  ท่านต้องมีความรู้ที่แท้จริงนะครับว่าเรื่องราวความเดือดร้อนของประชาชน อยู่ที่โรงพักทั้งหมด ทั้งประเทศเรามีโรงพักทั้งหมด 1484 โรงพัก ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนคือประชาชนไปพบร้อยเวร ร้อยเวรไม่รับแจ้งความ ไม่รับคดี ไม่ทำคดีให้เสร็จเร็ว “กันจอมพลัง” เอาผู้เสียหายถูกข่มขืนมาพบ เอาเหยื่อมาพบ แม่ผู้เสียหายลูกถูกฆ่าไม่ได้รับความเป็นธรรมมาพบ “สายไหมต้องรอด” พาผู้เสียหายทุกรูปแบบมาพบ ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งประเทศมาพบ ผม ผมรับทุกเรื่องด้วยตัวเอง เรียกว่า เป็นรอง ผบ.ตร. แต่ทำตัวเหมือนร้อยเวรสอบสวน

แน่นอนครับ ลูกน้องผม ผู้กำกับคนไหนขี้เกียจ โดนผมจี้งานก็จะไปบ่น แต่ผู้กำกับคนไหนขยัน ก็บอกว่าชอบ ดี นายโจ๊กลงมาเองเลย มีแบ็กไปชนกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แล้ว กล้าสั่งคดีแล้ว พอตอนสุดท้าย คดีส่งฟ้องได้หมด ผู้ต้องหาถูกลงโทษหมด ใครได้ประโยชน์ครับ ก็ประชาชนนั่นไงครับ แล้วสุดท้ายผู้กำกับ ที่บ่นผมก็ดีใจ เพราะชาวบ้านมาขอบคุณผู้กำกับที่สั่งคดี เอาผู้ต้องหาไปลงโทษได้ และผู้กำกับก็เลิกบ่น เพราะนายโจ๊กเร่ง จนสำนวนไม่ค้างเลย

ผมขอบอกท่านนะว่า ถ้าท่านจะอภิปรายอะไร ท่านต้องลงพื้นที่ไปถามชาวบ้านดูว่าชาวบ้านเขาพูดถึงผมอย่างไร ไม่ใช่ไปเอาข้อมูลที่ใส่ร้ายป้ายสีกันในวงการตำรวจ แล้วมาพูดในสภาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

ท่านทราบไหมว่าประชาชนที่เขาดูหน้าจอ เขาจะงงว่า อ้าวก็เขาไปสโมสรตำรวจ คดีของเขารวดเร็ว ได้ความเป็นธรรมชัดเจน รองโจ๊กคือที่พึ่งของเขา รองโจ๊กคือตัวแทนของความยุติธรรมที่จับต้องได้ ท่านต้องลองไปถามชาวบ้านบ้างว่ามีชาวบ้านคนไหนเขาก่นด่าผม และข้อสำคัญผมไม่ได้ทำเพื่อคะแนนเสียง ผมทำเพื่อความเดือดร้อนของประชาชนที่เขาเอื้อมไม่ถึงความยุติธรรม

ดังนั้น ก่อนที่ท่านจะพูดถึงเรื่องตำรวจ ความเป็นธรรม ท่านต้องสัมผัสแบบผมให้ได้ก่อนว่าเวลาชาวบ้านเขาเจอความยุติธรรม เขาดีใจจนน้ำตาไหลอย่างไร ผมแค่เป็นห่วง ว่าจะเจอแนวร่วมมุมกลับนะครับ

วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (รอง ผบ.ตร.) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. (รรท.ผบ.ตร.) ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงขั้นตอนการดำเนินการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้วว่า สื่อและสังคมอย่าได้สนอกสนใจเรื่องนี้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน ข้าราชการตำรวจทุกคนอยู่ภายใต้ของกฎหมาย ระเบียบ  กฎและคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บังคับใช้กับตำรวจทุกนาย ตนไม่อยากไปเจาะจงเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกแจ้งข้อกล่าวหาขั้นตอนจะเป็นอย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐตอบว่า แยกระหว่างอาญาและวินัย คดีอาญาก็ว่าไปตามกระบวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนวินัยเป็นไปตามกฎ ก.ตร. พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี มีกำหนดระดับใดชั้นยศใดไว้ชัดเจนแล้ว

"ในขั้นตอนกระบวนการจะมีการเริ่มที่รับรายงาน รายงานตนต้องคดี กองคดีอาญา กองคดีวินัยประมวลเสนอผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจมาตรา 105 ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่จะพิจารณาสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งของการสงสัยผิดวินัยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ยุติ ถ้ามีก็ว่าไปตามขั้นตอน  มีแค่นี้"

เมื่อถามว่า กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขั้นตอนไปถึงขั้นไหนแล้ว เขาตอบว่า อยู่ระหว่างการรับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวน ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ด้านวินัย และรองสุรเชษฐ์ก็ต้องรายงานตนต้องคดี

 ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงประเด็นการร้องเรียนเอาผิดทางวินัยนายตำรวจระดับสูงว่า กระบวนการไม่ได้แตกต่างกันกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาตรฐานกฎหมายต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งการดำเนินคดีอาญาและการดำเนินการทางวินัย หลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายตำรวจระดับสูง รวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้อง และบุคคลอื่นๆ ตามแผนผังที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินจากบัญชีม้า โดยขั้นตอนหากพบว่ามีพยานหลักฐานที่จะกล่าวหาบุคคลใด ทางพนักงานสอบสวนจะต้องไปขอออกหมายเรียก หรือหมายจับ ซึ่งจะต้องดำเนินการไปตามกระบวนการหากมีหลักฐานเพียงพอ

พล.ต.อ.เอกระบุว่า กรอบและระยะเวลาในการดำเนินการไต่สวนตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน หากไม่มีมูลก็สั่งยุติจบไป แต่ถ้ามีมูลสามารถไต่สวนพิจารณาหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษได้ มีกรอบระยะเวลา 120 วัน หากระหว่างการไต่สวนพบว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง โทษสูงสุดอาจถึงไล่ออก ปลดออก  มีระยะเวลา 270 วัน ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมในการพิจารณาด้วย

ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินฯ ว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงคงเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีให้เงินผู้สื่อข่าว ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จริงฯ ได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาให้ข้อเท็จจริงแล้ว จำนวน 2 ครั้ง แต่ได้แจ้งเหตุติดภารกิจปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวได้ ในวันนี้ที่ประชุมได้มีมติให้ส่งหนังสือพร้อมคำถาม เพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบคำถามกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนวันที่ 25 เม.ย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.ให้สอบเพิ่ม นายกฯแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่เป็นธรรม เชื่อคดีนี้ไม่ช้า อีกไม่นานจบ

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคำร้องกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไม่เป็นธรรม