รอโปรดเกล้าฯครม. ‘เศรษฐา’เผยจบแล้ว ‘จุรินทร์’ เห็นใจนายกฯไม่มีอำนาจเต็ม

กรุงเทพฯ ๐ ปรับ ครม.จบแล้ว!  "เศรษฐา" เผยไม่ต้องทำอะไรแล้ว ทูลเกล้าฯ ก็จะรู้เอง สะพัดนายกฯ ลงนามแล้ว เตรียมทูลเกล้าฯ ถวาย มีพลิกโค้งสุดท้าย ย้าย "เสริมศักดิ์" ไปนั่งท่องเที่ยวและกีฬา สลับ "สุดาวรรณ" เป็น รมว.วัฒนธรรมแทน “จุรินทร์” เหน็บเห็นใจนายกฯ ปรับ ครม. ต้องส่งให้คนนอก รบ.ดูก่อน เชื่อคนไทยรู้อะไรเป็นอะไร

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6)  ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถึงการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/1 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้วหรือยังว่า “เดี๋ยวทูลเกล้าฯ ก็จะรู้เองแหละครับ ตรงนี้ไม่ต้องแล้ว เมื่อไหร่เปลี่ยนเดี๋ยวก็รู้เอง”

ขณะที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร  สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวถูกส่งชื่อเสนอเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการปรับ ครม. ครั้งนี้ว่า ได้มีการกรอกประวัติไปแล้ว อย่างไรก็ตามพร้อมทำหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรค พปชร.ได้คุมกระทรวงเกษตรฯ ทั้งหมด จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพหรือไม่  นายอรรถกรตอบว่า ต้องมีอยู่แล้ว อีกทั้ง  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. เป็นคนทำงาน แก้ไขปัญหาให้ประชาชนเยอะมาก ซึ่งหากตนมีโอกาสเข้าไปทำงาน ก็ต้องไปปรึกษา ร.อ.ธรรมนัสก่อน

มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า หลังพรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อรัฐมนตรีใหม่มาให้นายเศรษฐา ทวีสิน  เมื่อวันที่ 25 เม.ย.นั้น รุ่งขึ้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีรายชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี พบว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วน จากนั้นนายกฯ ได้ลงนามก่อนนำความขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ พบว่าโผ ครม. มีการพลิกในโค้งสุดท้าย เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย มีการสลับกระทรวงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยให้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สลับไปนั่ง รมว.วัฒนธรรม พร้อมโยกนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม มาดำรงตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แทน มีการให้เหตุผลว่า มาจากการที่ น.ส.สุดาวรรณไม่สามารถคอนโทรลการทำงานของข้าราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดีเท่าที่ควร อีกทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะต้องเป็นกระทรวงหลักในการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จึงจำเป็นต้องหาคนที่สามารถสั่งการข้าราชการให้ทำช่วยขับเคลื่อนนโยบายได้มากำกับดูแล ทำให้นายเสริมศักดิ์ได้รับความไว้วางใจ

สำหรับพรรคพลังประชารัฐ มีการส่งชื่อทั้งนายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ให้เป็นรัฐมนตรี ปรากฏว่านายกฯ เศรษฐาเลือกนายอรรถกรให้นั่งในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์

โดยโควตาดังกล่าวเป็นการสลับกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เดิมนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ถูกวางตัวให้เป็น รมช.พาณิชย์ แต่พรรคพลังประชารัฐขอแลกกับ รมช.เกษตรและสหกรณ์ อันมาจากแนวคิดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค ที่จะทำให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงภายใต้กำกับดูแลของพรรคพลังประชารัฐแบบเบ็ดเสร็จ

เห็นใจ 'เศรษฐา' ไร้อำนาจ

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีจากนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็นนายสุชาติ ชมกลิ่น โดยให้ไปดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์

สำหรับโผ ครม.เศรษฐา 2 มีผู้ที่ถูกวางตัวให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ 6 คน ประกอบด้วย 1.นายพิชัย ชุณหวชิร จะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.การคลัง 2.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.การคลัง  เป็น รมช.การคลัง ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลังมีรัฐมนตรี 4 คน รวมกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง ในโควตาพรรครวมสร้างชาติ ที่ยังเหนียว ไม่ถูกปรับออก 3.น.ส.จิราพร สินธุไพร รมช.เกษตรและสหกรณ์ 4.นายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 5.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ 6.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

โดยการปรับ ครม.ในครั้งนี้ จะมีรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่ง 4 ราย  ประกอบด้วย 1.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข 2.นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์  3.นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ 4.นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฆ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นทางการออกมาว่าใครอยู่ตำแหน่งไหนบ้าง  เพราะยังมีข้อเท็จจริงที่เป็นทางการออกมา เพียงแต่ทำให้เราเห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ ต้องถือว่าใช้เวลานานพอสมควร เพราะเท่าที่ติดตามการเมือง ถ้าจะมีการปรับ ครม. ไม่ยืดเยื้อขนาดนี้ ซึ่งความยืดเยื้อที่เกิดขึ้นคนที่ติดตามแวดวงการเมืองก็พอทราบได้ว่าเกิดจากอะไร

“ผมก็เห็นใจรัฐบาล เห็นใจนายกฯ เพราะอำนาจไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งคนเดียว ฉะนั้นกลายเป็นเรื่องที่บางครั้งก็ทำให้ต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการให้จบได้ ดังนั้นจึงต้องรอให้รายชื่อ ครม.ออกมาก่อน ผมไม่อยากพูดอะไรไปก่อน แต่ที่ให้ความเห็นก็ในฐานะที่อยู่ในแวดวงการเมืองมาพอสมควร” นายจุรินทร์กล่าว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีชื่อของนายสุชาติ ชมกลิ่น ไปนั่ง รมช.พาณิชย์  นายจุรินทร์ปฏิเสธว่า ไม่ขอให้ความเห็นเรื่องตัวบุคคล เพราะยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เอาไว้ถ้าเป็นข้อเท็จจริงแล้วตนยินดีให้ความเห็น เพราะอย่างน้อยในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านที่ต้องติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล  และต้องตามรัฐมนตรีอยู่แล้ว

ถามว่า ฝ่ายค้านมองอย่างไรกับการปรับ ครม.ครั้งนี้ ที่มีการนำรายชื่อ ครม.ไปให้คนที่อยู่นอกรัฐบาลดู สส.ประชาธิปัตย์ผู้นี้ตอบว่า คงไม่ต้องให้ฝ่ายค้านมอง คนไทยทั้งประเทศก็ทราบอยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งไม่เกินความคาดหมาย และเป็นไปตามนั้น  เพราะเมื่อรัฐบาลเกิดมาอย่างนี้ ก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน

สไตล์รัฐบาลเศรษฐา

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเร็วหรือปรับช้า ปรับเล็กหรือปรับใหญ่  นายเศรษฐามีอำนาจเต็มในการปรับคณะรัฐมนตรีชัดเจน เท่าที่ติดตามข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถทำงานเป็นทีม ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัญหาปัจจุบันได้มากขึ้น การปรับ ครม.ในสถานการณ์การเมืองแบบพรรคร่วมรัฐบาลไม่ง่าย

"การที่ท่านนายกฯ สามารถดำเนินการได้ขนาดนี้ ถือว่ามีอำนาจเต็ม เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลาต้องปรับก็ปรับด้วยความมั่นใจว่าจะสามารถกระชับการทำงานให้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ ครม.สไตล์รัฐบาลเศรษฐา ทำงานเร็ว ในการเดินหน้าผลักดันนโยบายเรือธงของรัฐบาล ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน"  นายอนุสรณ์กล่าว

ด้านนายทศพล ขวัญรอด ประธานสภาเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย  (คยปท.) เปิดเผยว่า สภาพปัจจุบันเศรษฐกิจโดยเฉพาะประชาชนฐานราก ต่างตกต่ำลำบากมากกว่าอดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาก

โดยฐานรากเครือข่าย คยปท.หลายเครือข่าย ต่างบ่งบอกไปในทิศทางเดียว คือให้คะแนนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 40% ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว แต่ฐานรากให้อดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีถึง 80%

เหตุผลเพราะว่าอดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มีนโยบายเศรษฐกิจสู่ฐานรากอย่างแท้จริง และสัมผัสได้ในโครงการต่างๆ โดยประชาชนฐานรากจะไม่ถึงกับลำบากยากจนข้นแค้นมากนัก

และทั้งนี้ อดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบวางนโยบายสำคัญ คือ 1.โครงสร้างพื้นฐาน 2.ศาสตร์พระราชา ได้นำมาใช้ถึง 70% ซึ่งเป็นเรื่องราวปากท้องของประชาชน 3.ยุทธศาสตร์ 20 ปี มีหลายโครงการที่เกิดผลดีกับเกษตรกรของประเทศ เช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

อดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมกับภาคต่างๆ  เป็นการให้เกียรติกับประชาชนและคนยากจนมาก

“อดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่โกหกหลอกลวง แต่รัฐบาลปัจจุบันนี้ประชาชนหน้าชื่นอกตรม ลำบากมาก  โดยเฉพาะนโยบายด้านเกษตรกรไม่ชัดเจน ข้าวยากหมากแพง ไม่ได้สนแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ฐานรากถือว่านโยบายเรื่องปากท้องประชานเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง